ผบ.ทร. ต้อนรับเรือสำราญอเมริกาเยือนไทยครั้งแรกหลังโควิด

ภูเก็ต 29 ต.ค. – นายกรัฐมนตรี มอบ ผบ.ทร. ต้อนรับเรือสำราญ สัญชาติอเมริกา เยือนไทย ครั้งแรกหลังสถานการณ์โควิด


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ได้มอบหมายให้ พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ รอง ผอ.ศรชล. เดินทางมาเป็นประธานต้อนรับเรือสเปคตรัม ออฟ เดอะ ซีส์ (Spectrum of the seas) ที่เป็นเรือสำราญสัญชาติสหรัฐอเมริกาขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่กลับมาสู่ประเทศไทยให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นครั้งแรก หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมีนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนส่วนราชการ ภาคเอกชน/ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตและเขตจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน และผู้แทนหน่วยงานในสังกัด ศรชล.ทั้ง 7 หน่วยงาน ประกอบด้วย กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กองบังคับการตำรวจน้ำ และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมให้การต้อนรับ ณ จุดทิ้งสมอ บริเวณอ่าวป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศร่วมทำข่าวกันอย่างคับคั่ง

โอกาสนี้ พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ พร้อมคณะผู้บริหาร ศรชล. ผู้แทนส่วนราชการ และผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวต้อนรับ กัปตัน Wu Hui Min และMs. Angie Stephen – Vice President of Royal Caribbean International ความสำคัญตอนหนึ่งว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในโอกาสที่ได้มาต้อนรับทุกท่านและนักท่องเที่ยวอย่างใจจริง เป็นที่ทราบด้วยทั่วกันว่า จังหวัดภูเก็ต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก และเป็นจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ เมื่อจังหวัดภูเก็ตได้รับการบรรจุไว้ในเส้นทางเดินเรือสำราญ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยได้การยอมรับและมีความพร้อมในต้อนรับนักท่องเที่ยวคุณภาพจำนวนมาก (Mass Quality Tourism) ให้กลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง


ปัจจุบันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือสำราญ ทั้งการพัฒนาท่าเรือแบบแวะพัก (Port of Call) และการพัฒนาท่าเรือต้นทาง (Home Port) ได้ถูกบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งนับเป็นการเพิ่มศักยภาพของไทยในการเชื่อมโยงเส้นทางเดินเรือสำราญเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความหลากหลายของบรรยากาศและทะเลอันงดงามของไทย ทั้งฝั่งทะเลอ่าวไทย และทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวในอีกรูปแบบหนึ่ง และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเรือสำราญทั่วโลก การได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือกับสายเรือสำราญระดับโลกอย่าง Royal Caribbean International จึงนับเป็นสิ่งสำคัญที่จะเสริมสร้างศักยภาพของการท่องเที่ยวเรือสำราญในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวให้มีความโดดเด่น และก้าวสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรือสำราญที่สำคัญระดับโลก

“ในฐานะเจ้าของบ้าน ผมขอถือโอกาสนี้ในการต้อนรับการกลับมาให้บริการในประเทศไทยของสายเรือ Royal Caribbean International อีกครั้ง และมีความยินดีที่จะสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้กับ เรือสำราญและนักท่องเที่ยวทุกๆ คน ขอบคุณครับ” รอง ผอ.ศรชล. กล่าว

ทั้งนี้ คณะรอง ผอ.ศรชล. ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยเยี่ยมชมสะพานเดินเรือ ชั้น 12 ตลอดจน สิ่งอำนวยความสะดวกของเรือ เช่น IFly และ Flowrider ที่ตั้งอยู่ที่ชั้น 15 จากนั้นคณะทั้งหมดร่วมประทานอาหารกลางวันที่ CHOPS Grille ที่ชั้น 5 และถ่ายภาพที่ระลึกร่วมกัน โดยมีการหารือถึงแนวทางส่งเสริมการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น หลังจากต้องหยุดให้บริการไปตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เพราะสถานการณ์โควิด ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์เริ่มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น อีกทั้งมีประกาศของกระทรวงสาธารณสุขให้โรคโควิด-19 ไม่ใช่โรคติดต่อร้ายแรงตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 นับเป็นสัญญาณเปิดประเทศที่ดีในการอ้าแขนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติสู่อ้อมกอดของทะเลไทยอีกครั้งทั้งฝั่งทะเลอันดามัน และทะเลอ่าวไทย ไม่ว่าจะเป็น เกาะไม้ท่อน เกาะราชา เกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล หรือหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี หมู่เกาะช้าง จังหวัดตราด และหาดขนอม หมู่เกาะทะเลใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ล้วนเป็นแหล่งท่องเที่ยวสวยงามทั้งสองฝั่งทะเลของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังไกลไปทั่วโลก


รอง ผอ.ศรชล. แสดงจุดยืนชัดเจนว่า ในฐานะที่ ศรชล. ปฏิบัติภารกิจตามที่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 มาอย่างเข้มแข็ง ตระหนักดีว่าภารกิจพิทักษ์รักษาความมั่นคงทางทะเลนั้น จำเป็นต้องพึ่งพิงความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคมควบคู่ไปด้วย ดังนั้น ศรชล. จึงระดมสรรพกำลังอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนการเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเล ด้วยการเปิดประตูทางทะเล ปลุกกระแสท่องเที่ยวทะเลไทยต้อนรับเรือสำราญจากนานาชาติที่จะนำพานักท่องเที่ยวเข้ามากระตุ้นการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ประมาณการว่าตลอดปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยราว 10 ล้านคน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการอำนวยความสะดวกต่างๆ ตามที่รัฐบาลได้ยกเลิกการตรวจสุขภาพก่อนเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย ทำให้อัตราเข้าพักโรงแรมต่างๆ เริ่มฟื้นตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงขอความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่ายร่วมกันทำงานเพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวทางทะเลของประเทศไทยอย่างเต็มกำลังความสามารถ

ทั้งนี้ ศรชล. ยังคงกำหนดมาตรการที่จัดทำเป็นขั้นตอนมาตรฐานสำหรับการรับเรือสำราญขนาดใหญ่ หรือ SOP for Cruise Ship ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยทางฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อบูรณาการการปฏิบัติของทุกภาคส่วนภายใต้แนวทางเดียวกันในการสร้างความมั่นใจต่อความปลอดภัยการท่องเที่ยวไทย

สำหรับเรือสำราญ “Spectrum of the seas” มีขนาด 169,379 ตัน ความยาว 347 เมตร ความกว้าง 49.24 เมตร สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 4,905 คน มีห้องพักมากถึง 2,100 ห้อง มีความเร็วในการเดินทาง 22 น็อต (ไมล์ต่อชั่วโมง) นับเป็นเรือสำราญขนาดใหญ่ ชั้นควอนตัม อัลตรา ลำแรกที่แล่นผ่านเข้ามาท่องเที่ยวทางทะเลฝั่งอันดามัน และทิ้งสมอจุดหมายปลายทางที่อ่าวป่าตอง จังหวัดภูเก็ต เป็นเรือสัญชาติอเมริกัน ภายใต้บริษัท รอยัล คาริเบียน อินเทอร์เนชันแนล (Royal Caribbean International) สร้างขึ้นโดยอู่ต่อเรือเมเยอร์ เวิร์ฟ ในประเทศเยอรมนี เริ่มให้บริการอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 เป็นต้นมา .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“จิรายุ” ไม่เชิญแล้ว “ไมเคิล” บอก “จบข่าวไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทย”

กทม. 17 ส.ค. – “จิรายุ” ยันรัฐบาลเตรียมนำสื่อระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี ดูจุดกัมพูชาถล่มพื้นที่พลเรือน ส่วนกรณี “ไมเคิล” บอก “จบข่าว” ไม่เชิญมาแล้ว หลังอ้างตัวเป็น “สื่อประจำทำเนียบขาว” ที่แท้เป็นล็อบบี้ยิสต์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่ารัฐบาลเตรียมนำสื่อมวลชนระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี จังหวัดสุรินทร์ สัปดาห์หน้า ในจุดที่ไทยถูกอาวุธหนักของกัมพูชาถล่ม อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียนและพื้นที่พลเรือน จากนั้นจะเชิญสื่อมวลชนระดับโลกไปยังพื้นที่ที่รวบรวมกับระเบิดที่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้โดย TMAC ก่อนจะให้ชมการปฏิบัติการทำลายวัตถุระเบิดที่ตกค้างจากการรุกล้ำอธิปไตยไทย ส่วนกรณีสำนักข่าวของกัมพูชารายงานข่าวของนายไมเคิล อัลฟาโร ชาวสหรัฐ ที่ไลฟ์สดชายแดนกัมพูชา-ไทย ด้วยการเซตฉากและกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นสื่อมวลชนประจำทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และกล่าวหาประเทศไทย ด้วยถ้อยคำรุนแรง ใส่ร้ายป้ายสีไทยด้านเดียว “สัปดาห์ที่แล้วอยากเชิญนายไมเคิลที่กล่าวอ้างว่าเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาว อยากให้มาเห็นของจริงในฝั่งไทยที่โดนเขมรถล่มหนักแค่ไหน นายไมเคิลมีการไลฟ์สดพูดโกหกใส่ร้ายป้ายสีไทยไปทั่วโลก และบอกว่าตนเองเป็นสื่อรัฐบาลสหรัฐ จะฟ้องประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งตนเห็นว่าหากมาเห็นอีกมุมที่ประเทศไทยโดนกัมพูชาโจมตีทั้งโรงเรียน พื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ก็เป็นประโยชน์หากเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แต่ขณะนี้พบว่านายไมเคิล ไม่ได้เป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แถมยังแอบอ้างถึงประธานาธิบดีสหรัฐ วันนี้ตนจึงขอบอกว่า “จบข่าว” ไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทยต่อไป” นายจิรายุ กล่าว. -สำนักข่าวไทย

ศูนย์ทุ่นระเบิดจบภารกิจหนุนชายแดน เก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก

17 ส.ค. – ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดฯ สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1-16 สิงหาคมที่ผ่านมา TMAC ได้เก็บกู้สรรพาวุธที่ตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ประกอบด้วย กระสุน BM-21 ลูกปืนใหญ่ ปืน ค จรวด ก่อนหน้าสถานการณ์ตึงเครียด กัมพูชาขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่จริงใจแก้ปัญหา ทั้งที่เป็นประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล สำหรับอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะ 81 หลังคาเรือน […]

ตรวจสอบ รร.ประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ

ขอนแก่น 17 ส.ค.- กองปราบจ่อประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” เชื่อเจ้าตัวไม่หนี ขณะที่ทนายวัดพระบาทน้ำพุเลื่อนแถลงข่าว อ้างเอกสารชี้แจงยังไม่เรียบร้อย ตรวจสอบโรงเรียนประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ กรณีเพจดังตั้งข้อสงสัยวุฒิการศึกษาพระอลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ อ้างว่าปี 2518 ยังเรียน มศ.2 จะจบวิศวฯ ปี 2519 ได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวสอบถามแหล่งข่าวในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ให้ข้อมูลว่ากรณีพระอลงกต ระบุว่าจบการศึกษาที่โรงเรียนระดับประถม(นันทวิทยาลัย) ปรากฏว่าไม่มีชื่อโรงเรียนนี้อยู่ในสังกัดสำนักงานเขตของพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอ ใน จ.ขอนแก่น หรือถ้ามี ก็อาจจะปิดตัวไปแล้ว   ส่วนระดับมัธยมศึกษานั้น ข้อมูลยืนยันว่า พระอลงกต ศึกษาจบระดับชั้น มศ.2 ที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่นจริง มีศิษย์เก่าทั้งระดับชั้นเดียวกัน และรุ่นพี่รุ่นน้องต่างยืนยันว่า พระอลงกต จบจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยจริง ในปี 2518 แต่ยังสงสัยในระดับปริญญาตรีว่าจะจบจริงหรือไม่   เชื่อ “หมอบี” ยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ […]

รวบแล้ว “ลุงคลั่ง” ใช้ไม้หน้าสามตีหลานสาวดับ

ตรัง 17 ส.ค.- ตำรวจ สภ.ห้วยยอด รวบลุงคลั่งใช้ไม้หน้าสามฟาดหลานสาวแท้ๆ เสียชีวิตคาบ้านพัก สารภาพอ้างแค้นใจสะสมมานาน มีปากเสียงบ่อยครั้ง ตำรวจ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง คุมตัวนายสุริยัณห์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้ไม้หน้าสาม กระหน่ำตี น.ส.ปาริชาติ หรือน้องเชียร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองจนเสียชีวิตภายในบ้านพัก จากนั้นหลบหนีขึ้นไปบนเขา คลองมวน  ต.หนองปรือ อ.รัษฎา เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าปิดล้อมภูเขา ก่อนจับกุมตัวได้พร้อมของกลางไม้หน้าสามเปื้อนเลือด ความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร  สอบสวนนายสุริยัณห์ รับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง โดยอ้างว่ามีปัญหากับหลานสาวมานาน มักมีปากเสียงบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุได้บุกเข้าไปในห้อง ใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้ายทอยของหลานสาว 6–7 ครั้งจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีออกจากบ้าน ผู้ต้องหาระบุว่า เคยทำงานเป็นช่างสักตามเกาะท่องเที่ยว เช่น เกาะพะงัน และเกาะพีพี แต่มีปัญหาจึงกลับมาอยู่บ้าน มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยถูกส่งตัวเข้าบำบัดหลายครั้ง ขณะถูกสอบสวนยังสามารถโต้ตอบคำถามได้ปกติ แต่ไม่มีท่าทีสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป สำหรับศพของ “น้องเชียร์” ล่าสุด […]