ภูมิภาค 6 ต.ค. – ปริมาณน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เกินความจุทะลุ 105.64% เร่งปรับเพิ่มการระบายน้ำ เตือนประชาชนในพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ส่วนผู้ว่าฯ ขอนแก่น แจ้งเตือน 5 อำเภอ เตรียมรับผลกระทบเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ หนักสุดคือ อำเภอเมือง
ปริมาณน้ำเหนือจาก จ.เพชรบูรณ์ ไหลเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เป็นจำนวนมาก ทำให้เมื่อวานนี้ (5 ต.ค.) ปริมาณน้ำในเขื่อนวัดได้ 1014.15 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 105.64 เปอร์เซ็นต์ เกินความจุของเขื่อน จากปกติอยู่ที่ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนเมื่อวานนี้อยู่ที่ 1,525.25 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือ 131.78 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ทำให้ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ รักษาการผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด ปรับเพิ่มการระบายน้ำ ควบคุมปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อรักษาความมั่นคงของตัวเขื่อน โดยจะปรับเพิ่มแบบขั้นบันได จากอัตรา 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นอัตรา 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดต่อทรัพย์สินของประชาชนจากการที่ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักฯ ตั้งแต่ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ถึงเขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 40 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร จึงต้องแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ส่วนที่คลองชลประทานชัยนาท-ป่าสัก ซึ่งรับน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา แล้วไหลผ่าน อ.บ้านหมี่ และ อ.เมืองลพบุรี ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น 50-60 เซนติเมตร เนื่องจากมีการระบายน้ำจากทุ่งรับน้ำของ อ.บ้านหมี่ และ อ.เมืองลพบุรี ลงสู่คลองชัยนาท-ป่าสัก จนเกิดน้ำล้นตลิ่งในบางจุด ต้องเร่งวางแนวกระสอบทราย และเสริมคันดินในพื้นที่จุดเสียงให้สูงขึ้นอีก 1 เมตร ป้องกันน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจของ จ.ลพบุรี

ส่วนอ่างทอง สภาพกำแพงคอนกรีตใต้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าศาลากลางอ่างทอง พังถล่มเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (5 ต.ค.) หลังมวลน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาซึมผ่านกำแพงชั้นแรกจนเต็มและเริ่มล้น ทำให้กำแพงชั้นที่สองที่ก่อด้วยอิฐบล็อกพังลงมาเป็นทางยาวกว่า 30 เมตร เจ้าหน้าที่จึงเร่งนำกระสอบทรายและแท่งแบริเออร์วางป้องกันเร่งด่วน เพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าพื้นที่ด้านนอก
ล่าสุดเขื่อนเจ้าพระยาที่ จ.ชัยนาท ระบายน้ำ ทำให้มีน้ำไหลผ่าน 2,610 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลกระทบพื้นที่ อ.ไชโย อ.เมือง อ.ป่าโมก และ อ.วิเศษชัยชาญ บ้านเรือนถูกน้ำท่วมแล้วกว่า 1,000 หลังคาเรือน และยังมีอีกหลายจุดที่น้ำล้นตลิ่งต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ขณะที่นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ออกหนังสือด่วนที่สุดถึงนายอำเภอทุกอำเภอ เตรียมพร้อมรับมือสถานการน้ำท่วมจากการเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์และมวลน้ำที่ไหลมาจาก จ.ชัยภูมิ คาดอีก 5 วัน มวลน้ำเข้าเขต จ.ขอนแก่น พื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบอย่างน้อย 5 อำเภอ 30 ตำบล ได้แก่ อ.เขาสวนกวาง มีพื้นที่น้ำท่วม 43 ไร่, อ.ซำสูง มีพื้นที่น้ำท่วม 2,031 ไร่, อ.น้ำพอง มีพื้นที่น้ำท่วม 26,859 ไร่, อ.อุบลรัตน์ มีพื้นที่น้ำท่วม 2,449 ไร่ และหนักสุดคือ อ.เมืองขอนแก่น มีพื้นที่น้ำท่วม 70,813 ไร่
จากการติดตามสถานการณ์น้ำคาดว่ามวลน้ำจาก จ.ชัยภูมิ ในลำน้ำชีจะไหลเข้ามาพื้นที่ จ.ขอนแก่น ในอีก 5 วัน เพื่อเตรียมพร้อมป้องกัน รับมือ และลดผลกระทบ ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่แจ้งเตือนผู้ประกอบกิจการ เกษตรกร รวมทั้งประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ริมฝั่งลำน้ำ ติดตามระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างใกล้ชิด
ด้านชาวบ้านถาวร ต.เมืองเก่า อ.เมืองขอนแก่น ริมห้วยกุดกว้าง ถูกแม่น้ำชีหนุนเข้าท่วมเป็นวันที่ 2 ชาวบ้านกว่า 100 หลังคาเรือน ที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียว กำลังเร่งขนย้ายสิ่งของเพื่ออพยพ เนื่องจากปีที่แล้วน้ำท่วมสูง พบว่าบางหลังประกาศขายบ้านแล้ว
สอบถามตามเบอร์ในป้ายประกาศ เจ้าบ้านยอมรับว่าสาเหตุหลักมาจากปัญหาน้ำท่วม อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี 2549 ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่เมื่อเจอน้ำท่วมหนัก 2 ปีติดต่อกัน ก็ขอไปหาที่อยู่ใหม่
ขณะที่หลายครอบครัวกำลังเก็บของย้ายออก ยอมรับกำลังหาซื้อบ้านใหม่เช่นกัน เพราะไม่อยากย้ายของหนีน้ำท่วมบ่อยๆ
อีกด้านบ้านท่าหิน หมู่ 10 ต.บึงเนียม อ.เมืองขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำพอง ถูกน้ำล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมเป็นวันที่ 4 ขณะนี้มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากเขื่อนอุบลรัตน์เพิ่มการระบายน้ำ มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น นำกระสอบทรายมาช่วยวางเป็นพนังไม่ให้น้ำเข้าท่วมตัวบ้าน
ผู้ใหญ่บ้านท่าหิน หมู่ 10 ฝากถึงหน่วยงานราชการ และผู้มีจิตศรัทธา อยากให้บริหารจัดการเรื่องถุงยังชีพให้ทั่วถึง เพราะระดมไปช่วยหมู่บ้านที่หนักกว่าจนหมด หมู่บ้านที่แม้สถานการณ์จะไม่รุนแรงเท่า ก็ต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย