น้ำท่วมอีสานหลายจังหวัดยังวิกฤติ

ภูมิภาค 13 ก.ย. – น้ำท่วมภาคอีสานหลายจังหวัดยังวิกฤติ เร่งระดมสูบน้ำต่อเนื่อง จ.นครราชสีมา มวลน้ำสีแดงขุ่น ล้นอ่างเก็บน้ำทะลักท่วมนาข้าว 500 ไร่ จ.บุรีรัมย์ ตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 3 เครื่อง เร่งผลักดันน้ำท่วมถนน 5 หมู่บ้าน เตือน 2 จังหวัดเหนือเขื่อน 11 จังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ระดับน้ำสูง


จังงหวัดเลย ระดับน้ำเลยเออล้นตลิ่งไหลท่วมบ้านเรือนประชาชนเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่ในคุ้มชุมชนเมืองใหม่ในเขตเทศบาลเมืองเลย ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่ต่ำกว่าระดับแม่น้ำเลย ปกติทางชุมชนจะมีประตูเปิดปิดน้ำ ขณะที่ระดับน้ำเลยสูงรอบนี้ได้ดันทะลักกระสอบทรายออกมา ท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่กว่า 80 หลังคาเรือน ชาวบ้านต้องขนเครื่องใช้ไฟฟ้าออกมาไว้บนที่สูง รวมถึงไก่ชนที่ชาวบ้านต้องเอาออกมาด้วย

จากการสอบถามนางไพวัล พรทวี ชุมชนเมืองใหม่ หลังตลาดเช้า เปิดเผยว่า ระดับที่บ้านสูงมาก ชั้นสองกำลังถึงพื้นบ้าน ที่บ้านอยู่กัน 7 คน ตนและครอบครัวออกมาเช่าโรงแรมนอน มีแค่ลูก 2 คนเฝ้าของที่บ้าน เพราะเกรงว่าระดับน้ำจะสูงกว่านี้ ข้าวของก็เก็บขึ้นมาไว้ข้างตลาด โชคดีเทศบาลประกาศ ให้ขนของ เพราะน้ำมาเร็ว ขณะที่ทางกรมชลประทานเลยได้นำเครื่องสูบน้ำจำนวน 2 เครื่องมาสูบน้ำออกจากชุมชนเมืองใหม่ โดยได้เริ่มติดตั้งเครื่องเร่งสูบน้ำออกแล้ว หากไม่มีน้ำฝนมาเติมจะใช้เวลาในการสูบน้ำจุดออกประมาณ 3 วัน ทั้งนี้ ระดับน้ำเลยที่ลดลงอย่างช้า ๆ ด้วย เพราะแม่น้ำโขงที่เริ่มหนุนสูง


จังหวัดนครราชสีมา อ่างเก็บน้ำห้วยบง ต.ประสุข อ.ชุมพวง มีปริมาณน้ำ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร เกินความจุ 102% จนมีมวลน้ำสีแดงขุ่น เป็นมวลน้ำใหม่จากฝนตกหนักชะล้างตะกอนดินโคลนไหลทะลักผ่านประตูระบายน้ำลงไปตามคลองชลประทานด้านท้าย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมาประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ริม 2 ฝั่งคลองชลประทานท้ายอ่าง เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง และผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรกว่า 7,000 ไร่ อาจถูกน้ำท่วมขังได้รับความเสียหาย

ขณะเดียวกันมวลน้ำจำนวนมากไหลมาสมทบลำน้ำมูลและลำน้ำมาศ อ.ชุมพวง ทำให้ปริมาณน้ำล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตร นาข้าวหอมมะลิถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างขวางกว่า 500 ไร่ ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร คาดปริมาณน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก และน้ำท่วมขยายพื้นที่ออกไปมากขึ้น หลังมีฝนตกลงมาต่อเนื่อง อีกทั้งได้รับอิทธิพลจากเขื่อนพิมาย อ.พิมาย เร่งเดินเครื่องผลักดันน้ำลงสู่ลำน้ำมูล เพื่อเตรียมรับมวลน้ำก้อนใหญ่ไหลมาจากเขต อ.เมือง อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.จักราช และ อ.โนนสูง

เทศบาล ต.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับอำเภอติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 3 เครื่อง ขอสนับสนุนจากชลประทานและ อบจ.เร่งสูบผลักดันน้ำที่ท่วมขังบ้านและถนนทั้ง 9 ชุมชนนาน 4 วัน ให้ไหลลงสู่แม่น้ำมูล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับราษฎรที่ได้รับผลกระทบทั้งการอยู่อาศัยและสัญจรไปมาลำบากกว่า 500 ครัวเรือน โดยขณะนี้ระดับน้ำยังท่วมสูงเฉลี่ยตั้งแต่ 30–80 เซนติเมตร โดยเฉพาะราษฎรที่อาศัยอยู่ในซอยเศรษฐี บ้านมะเฟือง ไปจนถึงบ้านศรีษะแรต ถูกน้ำท่วมเป็นทางกว่า 1 กิโลเมตร บางจุดระดับน้ำสูงถึง 80 เซนติเมตร รถไม่สามารถสัญจรผ่านได้



กรมชลประทานมีหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 12 กันยายน 2565 ไปยังผู้ว่าราชการ 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ได้แก่ จังหวัดชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากปริมาณน้ำที่ไหลหลากจากพื้นที่ภาคเหนือ ลงมาเขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าในช่วงวันที่14-17 กันยายนนี้

ภาคเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะมีฝนตกต่อเนื่องและตกหนักบางแห่ง คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นระหว่าง 2,100 -2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2565 ในอัตรา 1,800-2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 40-60 เซนติเมตร ในช่วงวันที่ 16-17 กันยายน 2565

ขณะที่สำนักงานชลประทานที่ 12 มีหนังสือแจ้งเตือนการควบคุมระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาไปยังผู้ว่าราชการ 2 จังหวัดเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ได้แก่ ชัยนาทและอุทัยธานี เตรียมพร้อมรับสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]