fbpx

“อสมท” ระบุ “ร่วมใจจากองค์กร” ทำตามมติคณะกก.บริษัท ไม่ใช่ปลดพนง.-สมัครใจ

อสมท

กรุงเทพฯ 27 ต.ค. – “อสมท” ระบุโครงการ “ร่วมใจจากองค์กร” ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการบริษัท ย้ำไม่ใช่การปลดพนักงาน แต่เป็นความสมัครใจของผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน


บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เริ่มโครงการร่วมใจจากองค์กร เพื่อปรับลดจำนวนบุคลากรให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจในอนาคต มุ่งปรับรูปแบบธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ใหม่จากธุรกิจเดิม รวมถึงสร้างแหล่งรายได้ใหม่เพื่อการเติบโต ให้สิทธิผู้เข้าร่วมโครงการฯ สูงสุด 35.33 เท่าของเงินเดือน ย้ำไม่ใช่การปลดพนักงานแต่เป็นความสมัครใจของผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเข้าร่วมโครงการฯ

นายสิโรตม์ รัตนามหัทธนะ กรรมการ และ รักษาการในตำแหน่ง กก.ผอ.ใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ภาพรวมของอุตสาหกรรมสื่อในปัจจุบัน โดยเฉพาะสื่อดั้งเดิมมีอัตราการเติบโตของรายได้ที่ลดน้อยลง ซึ่งเป็นผลมาจาก Disruptive technology และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใช้สื่อออนไลน์มากขึ้น ทำให้รายได้จากธุรกิจโทรทัศน์และวิทยุของ อสมท ลดลง ซึ่งส่งผลให้ อสมท เริ่มมีผลการดำเนินงานขาดทุนตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา ในปีนี้ อสมท จึงได้เริ่มดำเนินโครงการร่วมใจจากองค์กร (Mutual Separation Plan :MSP) ประจำปี 2563 โดยที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.อสมท ครั้งที่ 13/2562 เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2563 ได้มีมติเห็นชอบให้ อสมท ดำเนินโครงการดังกล่าวตามความสมัครใจและความประสงค์ร่วมกันของพนักงาน และ บมจ.อสมท เพื่อปรับลดจำนวนบุคลากรให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจในอนาคตและสถานะทางการเงินขององค์กร โดยพนักงานที่มีความประสงค์ที่จะเข้าร่วมโครงการร่วมใจจากองค์กร ต้องเป็นพนักงานที่มีอายุระหว่าง 45 ปีบริบูรณ์ ถึง 59 ปีบริบูรณ์มีอายุงานตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป และไม่อยู่ระหว่างถูกสอบสวนทางวินัยร้ายแรง สามารถยื่นใบสมัครเพื่อเข้าร่วมโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม – 22 ตุลาคม 2563 และจะพ้นจากการเป็นพนักงาน อสมท ในวันที่ 1 มกราคม 2564


สิทธิประโยชน์ที่ผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับ คือ 1. ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษได้รับตามจำนวนปีที่ปฏิบัติงาน แต่สูงสุดไม่เกิน 22 เท่าของเงินเดือนสุดท้าย 2.เงินชดเชยในการทำงานตามตามประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ตามระยะเวลาการปฏิบัติงาน (ประมาณ 10-13.33 เท่าของเงินเดือน เดือนสุดท้าย) 3.เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตามข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น

“ขณะนี้มีพนักงานยื่นความประสงค์เข้าร่วมโครงการกว่า 300 คน โดยหลังจากนี้ อสมท จะคัดเลือก ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป และขอยืนยันว่าโครงการดังกล่าว ไม่ใช่การปลดพนักงาน แต่เป็นความสมัครใจของพนักงานที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ และมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ การดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นไปตามมติของคณะกรรมการ บมจ.อสมท ไม่ใช่มติของกระทรวงการคลังตามที่ปรากฎในข่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหากมองในระยะยาว อสมท มองว่าโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้เข้าร่วมโครงการฯ และบมจ.อสมท โดยผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่สูง ในขณะเดียวกันองค์กรจะสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรได้อย่างมีนัยสำคัญในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลต่อการลดการขาดทุน”นายสิโรตม์ กล่าว

ภายหลังการดำเนินโครงการร่วมใจจากองค์กรเสร็จสิ้นในปลายปี 2563 อสมท ได้เตรียมปรับโครงสร้างองค์กรและกระบวนการทำงานให้มีความคล่องตัว สามารถรองรับการดำเนินธุรกิจในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทิศทางการดำเนินงานของ อสมท ในปี 2564 จะมุ่งปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิม เพื่อรักษารายได้และเรตติ้ง และสร้างแหล่งรายได้ใหม่เพื่อการเติบโต เช่น การบริหารสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น ที่ดินย่านรัชดา-พระราม 9 รวมทั้งเดินหน้าพัฒนาโครงการธุรกิจดิจิทัลให้มีผลกำไร .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ไฟไหม้โกดังพระราม 2 เหตุร้อนจัด สารเคมีติดไฟเอง

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสาเหตุไฟไหม้โกดังย่านพระราม 2 มาจากอากาศร้อนจัด ทำให้สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ติดไฟเอง เตือนสถานประกอบการให้แยกสารเคมีที่ติดไฟเองได้หรือสามารถทำปฏิกิริยาออกจากกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำ เพราะอากาศยังคงร้อนจัดต่อเนื่อง

ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย ปรับลดดอกเบี้ย MRR

นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME