รัฐสภา 19 ก.ค.-“สุทิน” อภิปรายกล่าวหาเปิดกัญชาเสรีมีประโยชน์ทับซ้อนกับพรรคภูมิใจไทย และนายกฯ ห่วง UN ขึ้นบัญชีไทยเป็นประเทศที่ละเมิดของกฎหมายสากล
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทยอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสาธารณสุข และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่าทั้ง 2 คน จัดทำนโยบายกัญชาโดยไม่สุจริตใจ ทำให้เกิดการละเมิดกติกาโลก เนื่องจากไทยได้ไปลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ 1961 ขององค์การสหประชาชาติ หรือ UN แถมยังละเมิดรัฐธรรมนูญไทย ละเมิดมติรัฐสภาไทย แล้วยังละเลยไม่ควบคุมกัญชา ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและประเทศ
โดยก่อนเข้าสู่เนื้อหา นายสุทิน ระบุขอพูดความในใจว่า เรื่องนี้มีวิวาทะกันในสังคมมีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีการเดิมพันด้วยธุรกิจ ซึ่งคำพูดของตนอาจจะกระทบกับประชาชนในบางส่วนและกระทบในธุรกิจกัญชาไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ แต่ก็อยากพูดเพื่อให้ความจริงได้ปรากฏตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่ประชาชนจะถลำลึกและเจ๊งในวันข้างหน้า ขณะเดียวกันก็ไม่สบายใจเนื่องจากตนเองก็เคารพนับถือกับนายอนุทิน ไม่อยากให้มีเรื่องโกรธกัน แต่การพูดของตนเป็นการเปิดโอกาสให้นายอนุทิน ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด ยืนยันว่าเรื่องที่จะพูดวันนี้เป็นเรื่องใหม่ทั้งหมดจึงอยากให้นายกรัฐมนตรีอยู่ฟังจนจบ
นายสุทิน ได้เปิดคลิปเนื้อหาการปราศรัยช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 62 โดยเนื้อหาใจความส่วนหนึ่งในคลิป นายอนุทิน ระบุว่า “กัญชาเป็นยาพารวย เป็นยารักษาโรค และนำมาพี้สูบกันเองได้” นายสุทินจึงกล่าวต่อว่า การประกาศนโยบายดังกล่าวเป็นการติดกระดุมผิด เพราะการพูดขณะนั้นผิดกฎหมายโลกและกฎหมายไทยทุกข้อ และที่สะเทือนใจและผิดมากคือ “สามารถนำไปพี้และสูบได้ทุกคน” ต่อมา นโยบายดังกล่าวถูกนำมาเป็นเงื่อนไขต่อรองในการร่วมรัฐบาล ซึ่งนายกฯ ต้องจำยอม และกลายเป็นนโยบายของรัฐบาลทันที นโยบายกัญชาที่ออกมาเป็นการละเมิดเกินเลยกว่าที่สภาอนุมัติ แม้จะบอกว่าหลายประเทศทำได้ แต่มีหลายประเทศที่ละเมิด และที่ละเมิดอย่างรุนแรงคือ ประเทศแคนาดาและประเทศอุรุกวัย ที่ตอนนี้กำลังถูกทั้งโลกลงโทษ และขณะนี้ประเทศอุรุกวัยก็พยายามยกเลิกนโยบายกัญชาเสรี เพราะไม่คุ้มกับที่สูญเสียไป ซึ่งต่างประเทศส่วนใหญ่อนุญาตแค่ทางการแพทย์เท่านั้น
นายสุทิน กล่าวอีกว่า ภายหลังปลดล็อกมีการวางขายกัญชาแบบเสรีอย่างชัดเจน ทำให้หลายหน่วยงานออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วย และมีเสียงคัดค้านกับการเปิดกัญชาเสรี แม้มีกฎหมายควบคุมกันชงกัญชาออกมา แต่สรรพคุณยาเสพติดก็ยังคงอยู่ไม่ได้หายไปด้วย แล้ววันนี้ถ้ามาเทียบกับสิ่งที่จะได้ เรื่องเศรษฐกิจก็ไม่คุ้ม เรื่องสังคมก็จะเละ การที่ทำแบบนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เพราะประโยชน์ทางการเมืองที่จำเป็นต้องทำเมื่อประกาศออกมาแล้วก็ต้องทำเพื่อให้ได้คะแนนเสียงทางการเมือง นายกรัฐมนตรีก็ได้ประโยชน์ในการอยู่ในอำนาจและมีพรรคร่วมรัฐบาล นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่าบริษัท STPI เครือชิโนไทยเดินหน้าธุรกิจกัญชงเต็มตัว เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศรับซื้อไม่อั้น จึงเกิดกระบวนการปลดล็อกกัญชา เปรียบเสมือนการนำประเทศทั้งประเทศไปค้าเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ซึ่งถ้าหากเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีไม่อนุญาตให้ทำ เรื่องนี้คงไม่สำเร็จ
นายสุทิน ยืนยันว่า ไม่ได้คัดค้านกัญชาแต่ต้องอยู่ในกรอบการแพทย์ การวิจัย ไม่มีเรื่องสันทนาการ และไม่ขัดต่อมติโลก แต่ดูจากเจตนาของนโยบายกัญชาวันนี้ ถือว่าสายไปแล้ว
นายสุทิน กล่าวอีกว่า ขณะนี้ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว จึงกังวลว่ายูเอ็นจะขึ้นบัญชีให้ไทยเป็นประเทศที่ละเมิดของกฎคณะกรรมการควบคุมสารเสพติดนานาชาติ ซึ่งจะทำให้ไทยเสียสิทธิ์ทางยา และอาจถึงขั้นงดให้ความร่วมมือกับไทยในการปราบปรามยาเสพติด หากไทยอย่างดื้ออาจจะถูกปรับออกจากภาคี ซึ่งจะทำให้ไทยไม่เหลือทั้งเกียรติภูมิและความน่าเชื่อถือของประเทศ ทั้งนี้ หากนายกรัฐมนตรีและนายอนุทินอยู่ต่อยิ่งจะทำให้กัญชาเตลิดไปมากกว่านี้หรอก แค่นี้ก็วิตกกังวลจนขนลุกกันหมดแล้ว อีกทั้งยังมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่รัฐบาลจะต้องต่อประชาชนให้ได้. สำนักข่าวไทย