รัฐสภา 11 ก.ค.-“ช่อ-ไอติม” นำทีมคณะก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล ยื่นชื่อประชาชน 80,772 รายชื่อต่อประธานรัฐสภา เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 ว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ
น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้าและนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนจากคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลนำรายชื่อประชาชนจำนวน 80,772 รายชื่อทั่วประเทศไทยร่วมแสดงพลัง ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 ว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น ปลดล็อกทุกพื้นที่ในไทยให้กำหนดอนาคตตัวเองได้ จากแคมเปญ “ขอคนละชื่อ #ปลดล็อกท้องถิ่น” มายื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนางผ่องศรี ธาราภูมิ คณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้แทนรับเรื่อง
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า การยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการแก้ไขหมวดว่าด้วยการกระจายอำนาจ ซึ่งมีประชาชนที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติแล้วจำนวน 80,772 รายชื่อ จากประชาชน 77 จังหวัดทั่วประเทศ และมีส่วนหนึ่งต้องนำออกไป เนื่องจากอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเข้าชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายได้ ทั้งนี้ ตลอด 3 เดือนของการรณรงค์ถือว่าใช้เวลาอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ช่วงแรกคิดว่าเรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นเรื่องยากลำบากในการอธิบาย
“ด้วยคำคำเดียวทำให้ทุกคนเข้าใจว่า เป็นการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ปลดล็อกท้องถิ่น สามารถเลือกผู้บริหารสูงสุดของจังหวัดได้ด้วยตนเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราให้ความสนใจและเป็นนโยบายตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ ที่เห็นว่าควรยุติราชการรวมศูนย์ รวมทรัพยากร งบประมาณ อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง แต่ควรให้ท้องถิ่นได้บริหารด้วยตนเอง เราดำเนินการสองส่วนคือจากบนลงล่าง คือการผลักดันแก้ไขกฎหมาย และล่างขึ้นบนคือการพบปะประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะทำให้รัฐส่วนกลางไม่สามารถเอากฎหมายไปครอบและละเมิดวิถีชีวิตของจังหวัดต่าง ๆ รวมทั้งการออกกฎหมายโดยไม่เข้าใจปัญหาของคนในพื้นที่ได้ เป็นการปลดปล่อยศักยภาพของทุกจังหวัด” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวว่า การลงชื่อของประชาชนแสดงถึงความตื่นตัวที่อยากเห็นการบริหารจัดการบ้านเมือง โดยเนื้อหาของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่นำมายื่นจะเป็นการปลดล็อกท้องถิ่นใน 3 เรื่อง คือ 1. การกระจายอำนาจให้เลือกผู้นำของตัวเอง ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นกระแสที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่แต่ละจังหวัดเห็นว่าทำไม กทม.เลือกผู้นำของตนเองได้ ทั้งที่จังหวัดอื่น ๆ น่าจะมีโอกาสเช่นกัน 2. การกระจายงาน โดยเฉพาะงานสาธารณะที่ถูกตัดสินใจจากส่วนกลาง จะเป็นการปลดล็อกให้ท้องถิ่นมีอิสระการบริหารโดยเฉพาะระบบสาธารณูปโภค และ 3. การกระจายงบประมาณ ที่ปัจจุบันพบว่าท้องถิ่นได้รับงบประมาณเพียงร้อยละ 29 จากทั้งหมด ไม่รวมงบฝากที่นำไปแปะไว้กับจังหวัดต่าง ๆ พบว่า จริง ๆ แล้วจังหวัดต่าง ๆ ได้รับงบประมาณเพียงร้อยละ 23 เท่านั้น
“การมายื่นครั้งนี้ คาดหวังว่าประธานรัฐสภาจะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระพิจารณาของ ส.ส.และ ส.ว.เห็นชอบกับข้อเสนอของเรา ขออย่ามองว่าร่างดังกล่าวเป็นร่างของพรรคก้าวไกลหรือคณะก้าวหน้า แต่ให้มองว่าเป็นร่างของประชาชนทุกคน ไม่ว่าความคาดหวังในครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ จะผลักดันเรื่องการกระจายอำนาจต่อไป ซึ่งหวังว่า ปรากฏการณ์ของร่างนี้จะสะท้อนว่าการเมืองเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เช่นเดียวกับร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมที่ได้รับความเห็นชอบจากสภาฯ” นายพริษฐ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย