“อุ๊งอิ๊ง” ทวงพื้นที่ฐานเสียงสมุทรปราการ

สมุทรปราการ 14 พ.ค.- “อุ๊งอิ๊ง” พาเพื่อไทยบุกทวงพื้นที่ฐานเสียงสมุทรปราการ​ ลั่น​ครอบครัวเสื้อแดง​คือครอบครัวเพื่อไทย วอน​ผนึกกำลังแลนด์​สไลด์ทั้งแผ่นดิน​ หวังยึดอำนาจรัฐคืนประชาชน​


พรรคเพื่อไทยจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม ที่ห้างสรรพสินค้า อิมพีเรียล สำโรง จ.สมุทรปราการ โดยทันทีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางมาถึง ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่มาร่วมงาน โดยน.ส.แพทองธาร​ ได้ทักทายพ่อค้าแม่ค้าบริเวณด้านล่าง​ ก่อนขึ้นมาบริเวณงาน​ จากนั้นได้พบปะและถ่ายรูปร่วมกับสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย​ ที่บริเวณอัศจรรย์ด้านหน้า รวมไปถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่​ ที่มารอต้อนรับอย่างอบอุ่น​ และแน่นขนัด​ ที่บริเวณอิมพีเรียล Hall ชั้น 6 นอกจากนี้ยังมีการจัดบูธให้ถ่ายรูปร่วมกับนายทักษิณ​ ชินวัต​ร​ และนางสาวยิ่งลักษ์​ ชินวัต​ร​ อดีตนายกรัฐมนตรี​ ผ่านระบบ​AR และสามารถปริ้นซ์​ภาพเป็นที่ระลึก​อีกด้วย

จากนั้น น.ส.แพทองธาร จะกล่าวเปิดเวทีปาฐถา ระบุว่า ครอบครัวเพื่อไทย คือประติมากรรมที่พรรคเพื่อไทยได้ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ทำให้ประชาชนไม่ได้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองเท่าที่ควร ทำให้ประชาชนห่างไกลจากพรรคการเมือง เกิดช่องว่างระหว่างกันอย่างมาก ทั้งที่เมื่อ 23 ปีที่แล้ว รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 พรรคไทยรักไทยมีสมาชิกของพรรคมากกว่า 14 ล้านคน แต่เกิดรัฐประหารปี 2549 ได้ฆ่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน​ แต่วันนี้จะมารวบรวมกันอีกครั้ง เพื่อให้มาอยู่ร่วมกัน เตรียมความพร้อมรับมือกับศึกครั้งใหญ่ที่กำลังจะเข้ามา ที่เต็มไปด้วยกับดักมากมาย อำนาจรัฐเท่านั้นที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของประเทศได้ เราต้องได้อำนาจรัฐ ซึ่งบันไดขั้นแรกคือการแลนด์สไลด์ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากพี่น้องชาวเสื้อแดงไม่มาเข้าร่วม ตนจึงอยากให้กลับมาร่วมเป็นครอบครัว​ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไปด้วยกัน​ กลับมาทำให้ประเทศดีขึ้นอีกครั้ง​


น.ส.แพทองธาร​ กล่าวว่า​ 10 กว่าปีที่ผ่านมาการเมืองเป็นการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ ทำลายครอบครัวไปมากมาย หลายคนเป็นผู้สูญเสีย และอีกหลายคน ไม่สามารถได้อยู่กับคนที่รักได้ หลายคนเหนื่อยล้ากว่าที่จะต่อสู้ต่อ หลายคนเจ็บปวดจนคิดว่าไม่อยากจะสู้ต่อไปอีกแล้วหมดกำลังใจ เลือกที่จะหันไปสู้ในทางที่ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ในวันนี้ 10 ล้านคนที่เจ็บปวดหัวมากสูญเสียทั้งชีวิต กำลังใจหาความยุติธรรมก็ไม่เจอ ตนเข้าใจดีเพราะก็ได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ไม่ได้รับความยุติธรรมเช่นเดียวกัน

น.ส.แพทองธาร​ ระบุอีกว่า ขอนับถือน้ำใจของชาวเสื้อแดงทุกคน ที่ไม่ว่าจะสูญเสียอะไรมามากมายผ่านความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังมีหัวใจประชาธิปไตยและอยู่เคียงข้างกันมาตลอด​ และเชื่อว่าลึกๆแล้วทุกคนก็ยังมีความหวัง และอย่าลืมว่าพรรคเพื่อไทยยังมีพี่น้องชาวเสื้อแดง และอย่าลืมว่าพี่น้องชาวเสื้อแดงก็ยังมีพรรคเพื่อไทย เราคือครอบครัวคนเสื้อแดง เราคือครอบครัวเพื่อไทย

พร้อมกันนี้ ยังยืนยันว่า อุดมการณ์ของพรรคยังคงเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเป้าหมาย นั่นก็คือเป้าหมายที่ต้องการให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และให้โอกาสประชาชนได้มีสิทธิ์บนพื้นที่แผ่นดินไทย ทำให้ประชาชนคนไทยและประเทศไทยมีกลับมามีศักดิ์ศรีอีกครั้ง​ แม้ว่าวันนี้ดูเหมือนว่าไม่มีทางออก แต่เชื่อมั่นว่า การที่ชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง ได้กลับมาจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง จะทำให้ประเทศชาติกลับมาเจริญอีกครั้ง จึงต้องการพลังจากชาวเสื้อแดงทุกคน​ หากมีอุดมการณ์เป็นประชาธิปไตยคือมีอุดมการณ์เดียวกัน มีหัวใจเดียวกัน​ วันนี้ ประชาชนไม่ต้องการอะไรมากขออำนาจรัฐกลับสู่ประชาชน หลังจากนั้น นายภิญโญ กิจเลิศไพโรจน์​ แกนนำครอบครัวเพื่อไทย​ สมุทรปราการ​ ได้มอบรายชื่อสมาชิกพรรคจำนวน​ 5,000 รายชื่อ​ ให้แก่ น.ส.แพทองธาร


ต่อมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขึ้นกล่าวว่า บ้านของพรรคเพื่อไทยได้สร้างขึ้นมานานแล้ว แม้จะโดนทุบทำลายไปหลายครั้ง แต่ก็ทำลายได้แค่ภายนอก แต่ โครงสร้างที่แข็งแรง ลงเสาเข็มไปแล้วก็ยากที่จะทำลาย ตั้งแต่สมัยไทยรักไทย ซึ่งตอนนั้นมีแนวคิดลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส จนชนะด้วยจำนวนส.ส.248 ที่นั่ง จัดตั้งรัฐบาลจนสำเร็จ สมัยต่อมาก็ได้รับความไว้วางใจต่อเนื่อง ได้จำนวน ส.ส.377 ที่นั่ง หลังจากนั้นปี 2549 ก็ถูกรัฐประหาร และในที่สุดก็ถุกยุบพรรคไทยรักไทยปี 2550 และโดนรัฐประหารครั้งนั้นทำให้เกิดวิกฤติฉับพลัน ต่อมาได้รวบรวมดีเอ็นเอไทยรักไทย กลับมาสู่พรรคพลังประชาชนอีกครั้ง ด้วยแนวคิดนโยบายดี ใครก็พูดได้ แต่คนที่ทำได้อยู่ที่พรรคพลังประชาชน และชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง แต่ก็ทำงานในนามพรรคพลังประชาชนได้ไม่นาน ก็ถูกยุบอีกครั้ง จนเกิดเป็นบ้านหลังใหม่แห่งนี้คือ “เพื่อไทย”แต่เพื่อไทยตอนนี้ต้องการสมาชิกที่มากกว่านี้ สร้างความแข็งเกร่งให้กับบ้าน เพื่อให้ได้บ้านหลังนี้หลังใหญ่ แต่หัวใจเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ เป็นที่สังเกตได้ว่า ภายในงานให้ความสำคัญกับเหตุการณ์​การสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ของกลุ่มคนเสื้อแดง​ ซึ่งพื้นที่สมุทรปราการ ถือเป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย​และกลุ่มเสื้อแดงเดิม​ จึงอาจเป็นการปลุกและผนึกกำลัง​ ฐานเสียงคนเสื้อแดงให้กลับมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม​ เพราะหนึ่งในวีดีทัศน์​การระบุคำพูดชัดเจนว่า​ “กลับบ้านเราเถอะครับ พี่น้องเสื้อแดง” ซึ่งเป็นเสียงของนายวรชัย​ เหมะ​ แกนนำพรรคเพื่อไทย​.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

องคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทาน ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 26 ก.ค.- สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนศรีสะเกษ ดุเดือดกว่าทุกวัน ขณะองคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนที่ศูนย์อพยพ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเดินทางมายังที่พักอาศัยของผู้อพยพ จ.ศรีสะเกษ มอบสิ่งของพระราชทานให้กับประชาชน พร้อมแจ้งให้ทราบถึงกระแสความห่วงใย หลังทราบข่าวประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรงมีความห่วงใยประชาชนและไม่ประสงค์ที่จะเห็นมีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่อพยพไปอีกสักระยะ ขณะเดียวกัน พยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ให้บริการตรวจดูแลสุขภาพเบื้องต้นและปฏิบัติการทางจิตรฉรีญาพร้อมมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพหลังต้องจากบ้านมาวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งตามหลักบางรายอาจเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ ปกติแล้วบริเวณศูนย์อพยพแห่งนี้ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 40 กิโลเมตร จะไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่ แต่วันนี้แม้จะอยู่ที่ศูนย์อพยพก็สามารถได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ไม่น้อยกว่า 9 นัดแล้วในขณะนี้ -สำนักข่าวไทย