นายกฯ นำทีมประเทศไทยหารือร่วมคณะนักธุรกิจสหรัฐ

วอชิงตัน 13 พ.ค.-นายกฯ นำทีมประเทศไทยหารือร่วมกับคณะนักธุรกิจสหรัฐ เน้นย้ำไทยเป็นศูนย์กลางของห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคงและยั่งยืนในภูมิภาค พร้อมฟื้นฟูเศรษฐกิจและอยู่ร่วมกับโควิด-19 อย่างปลอดภัย


วันนี้ (วันที่ 13 พฤษภาคม 2565) เวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา ณ ห้อง George Washington โรงแรม St. Regis กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พบหารือระหว่างอาหารเช้ากับคณะนักธุรกิจสหรัฐฯ (Breakfast Roundatable) ซึ่งจัดโดยสภาธุรกิจอาเซียน – สหรัฐฯ (U.S. – ASEAN Business Council: USABC) หอการค้าสหรัฐฯ (U.S. Chamber of Commerce: USCC) และ National Center for APEC (NCAPEC) โดยเมื่อเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้เข้าร่วมการหารือและขอบคุณ USABC USCC และ NCAPEC ที่ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมในครั้งนี้ การพบกันในวันนี้เป็นเหมือนการได้พบกับเพื่อนเก่า โดยเฉพาะ USABC ที่ได้พบหารือด้วยเป็นประจำทุกปี รวมทั้ง USCC ที่ได้พบกันทุกครั้งที่ได้เดินทางมาสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังได้พบกับ NCAPEC โดยเฉพาะในห้วงการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย ซึ่งภาคเอกชนสหรัฐฯ มีส่วนร่วมขับเคลื่อนความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างภูมิภาคที่เปิดกว้าง เชื่อมต่อกัน และมีความสมดุลอย่างแท้จริง


นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงพัฒนาการและนโยบายที่สำคัญเพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ และหารือถึงโอกาสที่เราจะร่วมมือกันสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีภูมิต้านทาน ความสมดุล และความยั่งยืน โดยขณะนี้ ประเทศไทยอยู่ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านสู่การอยู่ร่วมกับโควิด-19 อย่างปลอดภัย ซึ่งมุ่งมั่นที่จะดำเนินการไม่ให้โควิด-19 มาเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและชีวิต อีกทั้งต้องเรียนรู้และถอดบทเรียนจากวิกฤตินี้ เพื่อเดินหน้าสร้างประเทศไทยที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าในช่วงปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยอยู่ช่วงเปลี่ยนผ่านสู่การอยู่ร่วมกับโควิด-19 อย่างปลอดภัย โดยมีการฟื้นตัว เติบโตประมาณร้อยละ 1.6 ซึ่งภาคเอกชนนักธุรกิจสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญ ขอบคุณความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทย และเข้ามาลงทุนในไทยเป็นลำดับต้น ๆ รวมถึงขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ดิจิทัล การแพทย์ BCG อุตสาหกรรมภาพยนตร์ เป็นต้น ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศ Super Power แต่พร้อมใช้ Soft Power สนับสนุนร่วมมือกับเอกชนสหรัฐฯ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำ 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่


  1. การเร่งสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทานในระดับโลกและภูมิภาคเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ตลอดจนป้องกันการหยุดชะงักและสร้างภูมิต้านทานสำหรับวิกฤติต่าง ๆ ในอนาคต รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง โดยไทยพร้อมเป็นส่วนสำคัญและศูนย์กลางของห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคงและยั่งยืนในภูมิภาค และจะร่วมมือกับภาคเอกชนสหรัฐในการเชื่อมโยงฐานการผลิตของทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน ซึ่งไทยพร้อมต้อนรับการลงทุน ทั้งในการขยายการลงทุนโดยเฉพาะในพื้นที่ EEC และการจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทย รวมถึงเป็นฐานเชื่อมโยงกับธุรกิจในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค
  2. การเสริมสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สมดุล ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG และให้ความสำคัญกับการดูแลฐานทรัพยากร เร่งการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน สร้างมูลค่าเพิ่มโดยใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เป็นตัวแปรสำคัญในการพัฒนา 4 สาขายุทธศาสตร์ ได้แก่ (1) เกษตรและอาหาร (2) สุขภาพและการแพทย์ (3) พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ และ (4) การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งมีมูลค่ารวมถึงประมาณร้อยละ 21 ของ GDP โดยรัฐบาลไทยขอเชิญชวนให้มาลงทุนเพิ่มเติมในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ การแพทย์ทันสมัยและการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมชีวภาพ เป็นต้น

ในด้านสภาพภูมิอากาศ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ การผลิตและใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน โดยขับเคลื่อนผ่านนโยบายพลังงานแห่งชาติ 2565 และแนวทาง 4D1E พร้อมมุ่งมั่นในการพัฒนาการผลิตพลังงานหมุนเวียนให้ได้ร้อยละ 50 ของพลังงานที่ผลิตทั้งหมดในประเทศ ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกที่เข้าร่วมข้อริเริ่ม Clean Energy Demand Initiative กับภาคเอกชนสหรัฐฯ และหวังว่าข้อริเริ่มนี้จะผลักดันความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมกับบริษัทสหรัฐฯ ในด้านพลังงานสะอาดได้โดยเร็ว นอกจากนี้ ไทยอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรม EV โดยรัฐบาลผลักดันนโยบายส่งเสริมให้ไทยเป็นฐานการผลิต EV ระดับโลก ในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ไทยต้องการร่วมมือกับภาคเอกชนสหรัฐฯ ผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ทั้งการพัฒนาโครงข่ายด้านโทรคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและศูนย์บริหารจัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ รวมทั้งการส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะและการสร้างบุคลากรดิจิทัลที่มีทักษะสูง

  1. การเตรียมความพร้อมการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย ไทยพร้อมร่วมมือกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของสหรัฐฯ เพื่อขับเคลื่อนประเด็นที่ให้ความสำคัญ ภายใต้แนวคิด BCG ซึ่งอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนการจัดทำเอกสารระดับผู้นำ “Bangkok Goals on BCG Economy” โดยจะวางรากฐานระยะยาวให้เอเปคร่วมมือกันจัดการกับวิกฤตภูมิอากาศ เพิ่มความพยายามเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด เสริมสร้างการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน และมุ่งสู่การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวคิด BCG ในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม โดยไทยมีแผนจัดการหารือโต๊ะกลมในกรอบเอเปคเพื่อระดมความเห็นเรื่องหุ้นส่วนเหล่านี้ในโอกาสต่อไป

นอกจากนี้ ไทยยินดีที่ภาคเอกชนสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับประเด็นต่าง ๆ ที่ไทยผลักดัน โดยเฉพาะเรื่องการอำนวยความสะดวกด้านการค้า ความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน และการลดคาร์บอนและพลังงานสะอาด โดยการประชุมของ ABAC ที่ NCAPEC มีส่วนร่วม เป็นกลไกสำคัญที่ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคธุรกิจของเอเปค ซึ่งภายใต้กลไกดังกล่าว ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อน FTAAP ในยุคหลังโควิด-19 ทั้งนี้ ไทยพร้อมจะแสวงหาความร่วมมือกับภาคเอกชนของสหรัฐฯ เพื่อต่อยอดการดำเนินการในเรื่องที่เป็นความสนใจร่วมกันระหว่างสองฝ่ายในปีการเป็นเจ้าภาพเอเปคของสหรัฐฯ และในอนาคต

โดยในส่วนของภาคเอกชนต่างชื่นชมบทบาทของนายกรัฐมนตรี นโยบายสนับสนุนการลงทุนของต่างชาติที่นายกรัฐมนตรีผลักดัน เชื่อมั่นต่อโอกาส การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ของไทยที่จะเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุน แม้ว่าทั่วโลกจะเผชิญกับความท้าทายต่างๆ แต่ความร่วมมือกันจะทำให้แก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น รวมทั้ง เชื่อมั่นว่า การเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปีนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อผลักดันการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้าการลงทุน ทั้งในประเทศไทย และในภูมิภาค ซึ่งทุกปัจจัยจะส่งผลสำคัญต่อการฟื้นฟูให้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทเอกชนสหรัฐฯ ที่ได้เข้าร่วมด้วยมีดังนี้ ประธานและ CEO สภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (USABC), นาย Charles Freeman รองประธานอาวุโสด้านเอเชีย หอการค้าสหรัฐฯ (USCC), นาย Alex Parle รองประธานบริหาร National Center for APEC (NCAPEC), Chevron, ConocoPhillips, AirBnB, Marriott, Koch Industries, Lockheed Martin, Organon, PhRMA, Tyson Foods, Boeing, FedEx และ Tesla .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีต ผกก.ขับรถปาดหน้า-ชัก M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง

สงขลา 11 พ.ค. – การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี เดือด ลูกชาย สส.สงขลา ทำร้ายตำรวจคุมหน่วย ส่วน จ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้กำกับขับรถปาดหน้าและชักปืน M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดือด นายชวลิต เจริญพงษ์ อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง และปัจจุบันเป็นผู้สมัครรองนายกเทศมนตรีที่วัง เบอร์ 2 เข้าแจ้งความที่ สภ.กะปาง ว่าถูก พ.ต.อ.พิรุณ อดีต ผกก.ที่ปรึกษาผู้สมัครนายกเทศมนตรีอีกทีม ขับรถไล่ตามและใช้ปืน M16 ข่มขู่ โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ที่วัง ได้เจ้อกับลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก เข้ามาพูดจาข่มขู่ พวกตนจึงหนีขึ้นรถเพื่อตัดปัญหา แต่ปรากฏว่าเมื่ออกจากร้านได้เพียง 10 เมตร พ.ต.อ.พิรุณ ได้ขับรถแวนเชฟโรเลตสีขาวปาดหน้า และลงจากรถพร้อมปืน M16 วิ่งมาที่รถของตน เห็นท่าไม่ดี จึงหักพวงมาลัยขับรถหนีและเข้ามาแจ้งความ ระหว่างนั้น พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

ผบ.ตร. สั่งกองวินัยเตรียมสอบ ปมมติแพทยสภาลงโทษหมอ

ผบ.ตร. รับทราบกรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2 ท่าน เผยมติที่ประชุมมีความเห็น “เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก”

ข่าวแนะนำ

ตร.ไม่ให้ประกัน “สจ.กอล์ฟ” กับพวก คอตกนอนคุก

สงขลา 12 พ.ค.- ตำรวจไม่ให้ประกัน “สจ.กอล์ฟ” กับพวก คอตกนอนคุก คดีทำร้ายร่างกาย “ด.ต.” คาหน่วยเลือกตั้ง พร้อมนำกำลังค้น 7 จุดหาหลักฐานเพิ่มเติม ความคืบหน้าเหตุการณ์นายสิรดนัย พลายด้วง หรือ สจ.กอล์ฟ สจ.เขต 7 จ.สงขลา ลูกชายนายสมยศ พลายด้วง สส.เขต 3 จ.สงขลาพรรคประชาธิปัตย์ หรือโกถึก ส่งลูกน้องไปรุมทำร้าย ด.ต.นิสาธิต ซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในหน่วยเลือกตั้งที่ 7 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา เพราะไม่พอใจที่ถูกห้ามถ่ายรูปในหน่วยเลือกตั้งขณะไปลงคะแนนกับภรรยา ล่าสุดวันนี้ ศาลจังหวัดสงขลาได้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุแล้วรวม 7 คน ประกอบด้วย 1. นายสิรดนัย หรือสจ.กอล์ฟ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาที่1 ในฐานะผู้ใช้จ้างวาน2. นายพงษ์เทพ หรือหนึ่งฟรีด้อม อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาที่ในฐานะรับคำสั่งจากนายสิรดนัย แล้วสั่งการให้ นายหนุ่มเสกกับพวกรวม […]

ตร.ตรัง เร่งขอศาลออกหมายจับ มือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ

ตรัง 12 พ.ค.- ตร.ตรัง เร่งขอศาลออกหมายจับมือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ ขณะที่ญาตินิมนต์พระทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน วันที่ 12 พฤษภาคม 2568 เมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตรัง ลงพื้นที่สวนปาล์มน้ำมัน เนื้อที่ 170 ไร่ จุดเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายยิงและเผานั่งยางผู้จัดการสวน เพื่อนร่วมงาน และลูกน้องรวม 3 ศพ และจุดพบศพปริศนาถูกเผาและฝังดินอีก 1 ศพ ในพื้นใกล้กัน รวมทั้งหมดเป็น 4 ศพ โดยเป็นการลงพื้นที่ซ้ำ เพื่อตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมในบริเวณที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะบริเวณขนำจุดยิงผู้ตายทั้ง 3 ราย ก่อนนำไปจุดไฟเผา โดยตำรวจพบหัวกระสุนปืนขนาด 11 มม.เพิ่มเติมอีก 1 หัว แต่ทั้งนี้ พบอุปสรรคสำคัญในการทำงานเก็บพยานหลักฐาน เนื่องจากในพื้นที่ได้เกิดฝนตกลงมาเป็นระยะ ๆ ทำให้ร่องรอยพยานหลักฐานบางอย่างถูกทำลาย ซึ่งขณะนี้ทำให้ทราบว่าขณะเกิดเหตุมีการใช้อาวุธปืนหลายขนาด เพราะพบหัวกระสุนปืนในที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดียังคงกระจายกำลังกันลงพื้นที่เพื่อสืบสวนหาข่าวในพื้นที่ อ.สิเกา อ.วังวิเศษ จ.ตรัง และต.ทรายขาว […]

ออกหมายจับ สจ.คนดังพร้อมพวก รุมทำร้าย ตร.คาหน่วยเลือกตั้ง

สงขลา 12 พ.ค.- ศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับ สจ.คนดัง พร้อมพวกรวม 7 คน หลังก่อเหตุรุมทำร้าย ‘ด.ต.’ คาหน่วยเลือกตั้ง จ.สงขลา ขณะที่ ผบ.ตร.สั่งเอาผิด พวกทำตัวเหนือกฎหมาย จากกรณีสมาชิกสภา อบจ.สงขลา บุตรชาย สส.สงขลา ก่อเหตุสั่งให้ลูกน้อง 6 คน รุมทำร้ายร่างกาย ด.ต.นิสาธิต สังกัด ตชด.43 ปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยหน่วยเลือกตั้ง บริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้งที่ 7 หมู่ 2 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลาหลัง ส.อบจ.คนดังกล่าว เข้ามาใช้สิทธิที่หน่วย และให้ลูกน้องถ่ายรูป ซึ่งผิดกฎหมายเลือกตั้ง ด.ต.นิสาธิต จึงได้เข้าไปตักเตือน สร้างความไม่พอใจ ก่อนขับรถออกจากหน่วยเลือกตั้ง จากนั้นมีกลุ่มชายชกรรจ์ 5-7 คน เข้ามาที่หน่วยเลือกตั้ง และรุมทำร้าย ด.ต.นิสาธิต บาดเจ็บ ต่อหน้าต่อตาชาวบ้านที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง อ้างว่าลูกพี่ใหญ่ ไม่มีใครกล้าทำอะไร ล่าสุด ศาลจังหวัดสงขลาอนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุทั้งหมด 7 […]

เพลิงไหม้มาราธอน โหมโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ยังคุมไม่ได้

12 พ.ค.- ยังไม่ดับ! ไฟไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ย่านลาดกระบัง ต้นเพลิงอยู่ที่ชั้นใต้ดิน ยังไม่สามารถลงไปได้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ รุดลงพื้นที่ สั่งอพยพชาวบ้านใกล้เคียง เร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ยืนยันสถานการณ์จะคลี่คลายภายในวันนี้ เพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ซอยฉลองกรุง 55 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ลุกโหมมาตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ ก่อนเจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ ตลอดทั้งคืน ยังมีไฟปะทุออกจากชั้นใต้ดินของโครงสร้างอาคาร     ล่าสุดเช้าวันนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมทีมวิศวกรผู้ เชี่ยวชาญด้านอาคารโรงงานอุตสาหกรรม ตำรวจ และทีมกู้ภัย เร่งเข้าตรวจสอบความเสียหายรอบพื้นที่โรงงาน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เผยว่า มอบหมายให้ ดร.สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา(ดร.จอร์น) ประธานสภากรุงเทพมหานคร และนายธราพงษ์ เพ็ชรคง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตลาดกระบัง ลงพื้นที่ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุยังจุดเกิดเหตุ ส่วนแนวทางปฏิบัติการ เตรียมใช้โฟมประกอบน้ำ ฉีดเข้าจุดที่ยังคงมีเพลิงปะทุคาดว่าจะควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงจำกัดได้ภายในช่วงเที่ยงวันนี้   ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระบุว่า ต้นเพลิงอยู่ที่ชั้นใต้ดิน แต่ยังไม่สามารถลงไปได้ เนื่องจากมีกลุ่มควันและความร้อนสูง จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ หน้ากากออกซิเจน […]