กมธ.เทคโนโลยีฯ วุฒิสภา ย้ำ กสทช. ทบทวนระเบียบรวมทรู-ดีแทค

กทม. 8 พ.ค. – กมธ.เทคโนโลยีฯ วุฒิสภา ย้ำ กสทช. ทบทวนกฎระเบียบการควบรวมธุรกิจทรู-ดีแทค ต้องยึดประโยชน์ประชาชนตามหลักสากลและกฎหมาย แข่งขันทางการค้า ไม่ละเมิดรัฐธรรมนูญ


นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ยื่นร้องเรียนต่อ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารและการโทรคมนาคม วุฒิสภา ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) และคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) กรณีการควบรวมกิจการบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) กับบริษัท โทเทิล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC) เพื่อขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายทุกฉบับอย่างเคร่งครัด โดยไม่ให้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งในการประชุมคณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ครั้งที่ 5/2565 วันที่ 15 ก.พ.65 ได้มีมติรับเรื่องไว้พิจารณา เพื่อสอบหาข้อเท็จจริงตามอำนาจหน้าที่ 

ล่าสุด พล.อ.อนันตพร มีหนังสือแจ้งว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม เป็นผู้พิจารณาเรื่องนี้ โดยเชิญเลขาธิการกสทช. และเลขาธิการ กขค. มาให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการควบรวมกิจการของ 2 บริษัทดังกล่าวเมื่อวันที่ 12 เม.ย.65 ได้ผลสรุปการพิจารณาศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการ พร้อมกับประเด็นข้อสังเกตและความเห็นของคณะกรรมาธิการฯ คือ อำนาจหน้าที่ของ กสทช. ต่อการกำกับดูแลการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เดิมประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการการควบรวมและการถือหุ้นไขว้ในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 กำหนดมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจไว้เป็นลักษณะของการต้องขออนุญาตก่อนการรวมกิจการ แต่เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย หลักที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เหมาะสมกับสภาพตลาดและอำนวยความสะดวกให้ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงเพื่อให้เกิดประโยชน์การแข่งขันและเกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการ กสทช. จึงได้มีการปรับปรุงแก้ไขระเบียบ หลักเกณฑ์ดังกล่าว โดยการออกประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2561 ซึ่งเปลี่ยนมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจเป็นลักษณะของการแจ้ง รายละเอียดการรวมธุรกิจและผลกระทบของการรวมธุรกิจต่อสำนักงาน กสทช. เพื่อทราบ แล้ว กสทช. อาจพิจารณากำหนดเงื่อนไขหรือนำมาตรการเฉพาะสำหรับผู้มีอำนาจเหนือตลาดอย่างมีนัยสำคัญในตลาดโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้เพื่อป้องกันความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะได้ ซึ่งการดำเนินงานของ กสทช. เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน คือ แต่งตั้งคณะทำงานติดตามและวิเคราะห์ผลกระทบการรวมธุรกิจ กรณีการรวมธุรกิจระหว่าง 2 บริษัท และศึกษาผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการรวมธุรกิจ รวมถึงนำเสนอแนวทางการกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะที่เหมาะสมต่อไป


ทั้งนี้ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาและวิเคราะห์กรณีการรวมธุรกิจระหว่าง 2 บริษัท เพื่อพิจารณาข้อกฎหมายและอำนาจหน้าที่ของ กสทช. และเสนอความเห็นเกี่ยวกับการวิเคราะห์ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการรวมธุรกิจ รวมถึง แนวทางการกำกับดูแลและการกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะที่เหมาะสม ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการศึกษา เพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการ กสทช. พิจารณาและอาจนำไปกำหนดเป็นเงื่อนไขของการรวมธุรกิจต่อไป หากไม่มีการปฏิบัติตาม จะเป็นไปตามกฎหมายในการบังคับทางปกครอง ซึ่งท้ายสุดจะเป็นการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมของบริษัทที่เกี่ยวข้องได้

ส่วนข้อชี้แจงของสำนักงาน กขค. ระบุว่า ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการเรื่องนี้ เนื่องด้วยบริษัททั้ง 2 มีธุรกิจหลักอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. ซึ่งมีกฎหมายเฉพาะที่กำกับดูแลในเรื่องการแข่งขันทางการค้า ทำให้ กขค. ไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการกำกับดูแลกรณีดังกล่าว อันเป็นไปตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 มาตรา 4 (4) และถึงแม้ทั้ง 2 บริษัทจะมีธุรกิจอื่นๆ ที่ประกอบอยู่ด้วย แต่ก็เป็นเพียงธุรกิจย่อยที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักซึ่งการควบรวมไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการแข่งขันในกิจการเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม สำนักงาน กขค. ได้ส่งตัวแทนไปเป็นอนุกรรมการฯ ที่ กสทช. ศึกษารายละเอียดและผลกระทบของการรวมธุรกิจ และพิจารณาเงื่อนไขของการรวมธุรกิจ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการ กสทช. พิจารณาต่อไป


ด้านประเด็นข้อสังเกตและความเห็นของคณะกรรมาธิการฯ คือ ได้เสนอแนะให้ กสทช. ทบทวนกฎระเบียบเกี่ยวกับการรวมธุรกิจ ให้เป็นไปตามหลักการสากลและหลักกฎหมายแข่งขันทางการค้า และเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประโยชน์สาธารณะ อันเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยตามหลักกฎหมายการแข่งขันทางการค้าและหลักเศรษฐศาสตร์ การยอมให้เกิดผู้ที่ผูกขาด หรือ ผู้มีอำนาจเหนือตลาด แล้วค่อยออกมาตรการกำกับดูแล จะทำได้ยาก สิ้นเปลืองทรัพยากร ไม่ค่อยสัมฤทธิ์ผล และทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรอันมีจำกัด อาทิ คลื่นความถี่อย่างไม่คุ้มค่า ดังนั้น ตามหลักการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมสากลและหลักกฎหมายการแข่งขันทางการค้าของประเทศไทย รัฐควรมีอำนาจในการหยุดยั้งการรวมธุรกิจเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผู้ที่ผูกขาด หรืออำนาจเหนือตลาดตั้งแต่ต้น ขณะเดียวกันคณะกรรมาธิการฯ ได้กำชับให้ กสทช. ศึกษาผลกระทบของการรวมธุรกิจ โดยเฉพาะผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภคและการแข่งขันของตลาดในอนาคตอย่างละเอียดรอบคอบ และ กสทช. ต้องกำหนดมาตรการหรือเงื่อนไขของการรวมธุรกิจที่เข้มงวดและเหมาะสม

นายวัชระ กล่าวย้ำว่า หาก กสทช. ฝ่าฝืนอนุมัติให้มีการควบรวมทรู-ดีแทค ตนจะหารือ ดร.เกษม ศุภสิทธิ์ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพัทยา เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางให้เป็นคดีตัวอย่างต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่

ทำเนียบ 21 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่ ย้ำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต ไม่มีข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมอบอำนาจทนายความยื่นฟ้อง นายธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมือง ฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้า นายธนพร ขอโทษ จะเลิกแล้วต่อกันหรือไม่ว่า แล้วแต่ทนายความตนได้มอบหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ส่วนจะฟ้องเฉพาะนายธนพร หรือจะมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เกินเลยเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบทำลายเกียรติยศ เกียรติภูมิ ของผู้อื่น ก่อให้เกิดความสับสนเป็นภัยต่อปัญหาของประเทศก็คงฟ้อง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ไม่เคยมีการส่งฟ้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จริง มีการฟ้องกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปทำลายเกียรติภูมิของเขาหรือครอบครัวเขาก็ฟ้องกันทั้งนั้น ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไม่ผิดอะไร แต่ถ้าวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอันนี้เป็นเรื่องที่ควรรับผิดชอบ และต้องถามผู้ที่วิจารณ์ว่า วิจารณ์ไปโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า ต้องย้อนไปถามผู้ทำผิดอย่ามาย้อนถามผู้เสียหาย.-316.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! มือยิง “กำนันเล้น” หนีกบดานเกาะลันตา

กระบี่ 21 ส.ค. – ไล่ล่าเกือบ 20 วัน จับได้แล้วมือยิง “กำนันเล้น” กำนันคนดัง จ.ตรัง หนีกบดานเกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน 3 วัน 3 คืน สุดท้ายไม่รอด เจ้าหน้าที่บุกจับ นายธวัชชัย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหายิง นายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญคนในพื้นที่มาก เพราะคนร้ายไปรอดักยิงกำนันถึงหน้าบ้าน ขณะที่กำนันกำลังขับรถเข้าบ้าน และใช้อาวุธสงคราม M16 ในการก่อเหตุ ซึ่งกำนันเล้น เป็นกำนันคนดังในจังหวัด และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด หลักฐานสำคัญในตอนนั้น คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยคนร้ายใส่ชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกไปก่อเหตุหน้าบ้านกำนัน […]

“ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43-44

รัฐสภา 21 ส.ค.- งงทั้งห้องประชุม! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43 และ 44 ด้านประธานวิปรัฐบาลบอกไม่รู้เรื่อง ยันไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม ขณะที่ “ไชยา” อ้างเป็นข้อตกลง 2 วิปขอปิดประชุมเอง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป เสร็จสิ้นแล้ว จึงเข้าสู่วาระพิจารณารับทรารายงานการประชุม เรื่องรายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลกระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง MOU 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสส. เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า จะพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง MOU 43 […]

นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.34 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง หลังจากไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พยานในคดีปมคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไต่สวนนายฉัตรชัย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้เบิกตัวนางสาวแพทองธาร มาไต่สวนต่อ โดยเริ่มจากการกล่าวสาบานตน ก่อนให้การ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่านางสาวแพทองธาร ได้พกยาดมสีเหลืองวางไว้ใกล้มือด้วย โดยหลังสาบานตนเสร็จก็ได้มีการตัดสัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อีกครั้ง.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

RBC ไทย-กัมพูชา (ทภ.1) เห็นพ้อง 13 ข้อหยุดยิง ตอบรับเพิ่ม 3 ประเด็น

สระแก้ว 22 ส.ค.- ประชุม RBC ไทย-กัมพูชา ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 เห็นพ้อง 13 ข้อตกลงหยุดยิง GBC ฝ่ายกัมพูชา ตอบรับ 3 ข้อเสนอ เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ ตั้งชุดประสานงานร่วม แต่ไม่ตอบรับแก้ปัญหา MOU 43 ชี้ไม่อยู่ในอำนาจ RBC โยนถกวง JBC แทน พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 นำแถลงสรุปผลการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 โดยทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงด้วยดี ตอบรับ 13 ข้อตกลงหยุดยิง จากการประชุม GBC ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบเพิ่มเติม 3 ประเด็น จากที่ไทยเสนอ 4 ประเด็น คือ […]

ศาลยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 – พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

กทม. 22 ส.ค.-ศาลชั้นต้นยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เจ้าตัวยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ เห็นว่าคลิปเสียงที่โจทก์นำมาเป็นหลักฐานไม่มีการพิสูจน์ว่าเป็นคลิปที่มีการตัดต่อหรือไม่ และศาลเชื่อว่าบทสัมภาษณ์น่าจะมากกว่าความยาวของคลิปดังกล่าว จึงพิพากษายกฟ้อง หลังฟังคำพิพากษา นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ หลังจากนี้จะได้ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย

เริ่มแล้ว ประชุม RBC ฝั่งกองทัพภาคที่ 1

สระแก้ว 22 ส.ค.-เริ่มแล้ว ประชุม RBC ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 รอผล “กัมพูชา” ตอบรับ 3 ข้อ เวลา 10.00 น. ที่สโมสรสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 เริ่มแล้วสำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 ฝ่ายไทยนำโดย พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พลเอกแอก ซอมโอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 โดยจะใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งในช่วงต้นได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ ก่อนเชิญออกเพื่อเข้าสู่วาระการประชุม ทั้งนี้ รายงานข่าวยืนยันว่า ในวงประชุมวันนี้ จะเป็นการหารือ 13 + 3 ข้อตกลง คือ 13 ข้อจากเดิม GBC เพื่อนำสู่การปฏิบัติ และข้อเสนอใหม่ ของฝ่ายไทย 3 […]

“ทักษิณ” ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112

กทม. 22 ส.ค.-“ทักษิณ” มาก่อนเวลา สวมสูท-ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112 ก่อนสวมกอด “พินทองทา” และโบกมือทักทายสื่อฯ-มวลชนเสื้อแดง ก่อนขึ้นห้องพิจารณาที่ 902 ด้านตำรวจ สน.พหลฯ จัดกำลังดูแลความเรียบร้อยตามความเหมาะสม ต่อมาเวลา 09.20 น. นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนกลางนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงศาลอาญารัชดา โดยจอดรถบริเวณด้านข้างอาคารศาลอาญา จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกันนายทักษิณ เดินทางมาถึงศาลอาญาด้วยรถยนต์ส่วนตัว โดยมาด้วยชุดสูทสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนกไทสีเหลือง ก่อนจะสวมกอดกับลูกสาว และเดินเข้าไปบริเวณด้านในอาคารศาลอาญารัชดาทันทีเพื่อเข้าสู่ห้องพิจารณาคดีที่ 902 ในเวลา 10.00 น. ตามที่ศาลนัดพิพากษาตัดสินคดีวันนี้ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย พันตำรวจเอกมารุต สุดหนองบัว ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้ข้อมูลว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ศาลอาญาได้ประสานขอกำลังสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้เข้ามาช่วย ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งตำรวจสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ทั้งในและนอกเครื่องแบบได้เข้ามาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่โดยมีการวางกำลังเสริมกับตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลตามความเหมาะสม โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มแกนนำมวลชนเสื้อแดงได้มีการประสานกับฝ่ายสืบสวนว่าจะเข้ามาจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้กำลังใจ และจับภาพรวมการข่าวก็ยังไม่พบอะไรที่น่าเป็นกังวล ขณะเดียวกันพบมีมวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางมาปักหลักที่บริเวณลานจอดรถของศาลอาญาพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีแดง และสกรีนข้อความให้กำลังใจพร้อมรูปของนายทักษิณ เป็นการให้กำลังใจเดินทางมาให้กำลังใจนายทักษิณเดินทางมาจากในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ซึ่งตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลอาญาได้มีการกันพื้นที่ เพื่อให้กลุ่มมวลชนอยู่ พื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาที่ศาลอาญา.-420.-สำนักข่าวไทย