ทำเนียบรัฐบาล 7 เม.ย.-นายกฯ ต้อนรับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเปรูประจำประเทศไทย เข้าพบอำลาตำแหน่ง ทั้งสองฝ่ายยืนยันสานต่อสัมพันธ์ ขยายความร่วมมือทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านสาธารณสุข
นายเฟอร์นันโด ฆูลิโอ อันโตนิโอ กีโรส กัมโปส (H.E. Mr. Fernando Julio Antonio Quirós Campos) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเปรูประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณเอกอัครราชทูตฯ ที่มีบทบาทอย่างแข็งขันในการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-เปรูให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปีที่ดำรงตำแหน่ง และยินดีที่ทั้งสองประเทศมุ่งมั่นรักษาพลวัตกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน แม้จะมีความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันจัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 55 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปี 2563 จนสำเร็จลุล่วง พร้อมฝากความปรารถนาดีไปยังนายโฮเซ เปโดร กัสติโย เตร์โรเนส ประธานาธิบดีเปรู โดยหวังว่าจะมีโอกาสต้อนรับประธานาธิบดีเปรูในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคปลายปีนี้ที่กรุงเทพฯ
ด้านเอกอัครราชทูตเปรู ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการทำงานในไทยเสมอมา ยืนยันว่าจะทำหน้าที่เสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกันต่อไป ไทยมีศักยภาพและความพร้อมหลายด้าน จึงเป็นโอกาสที่จะพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันทุกมิติ โดยเปรูพร้อมสนับสนุนไทยเป็นเจ้าภาพเอเปค 2022 อย่างเต็มที่ และหวังจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่ต่างฝ่ายต่างมีความเชี่ยวชาญ อาทิ การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (gastronomic tourism) ซึ่งทั้งไทยและเปรู ถือเป็นผู้นำในด้านนี้ และการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นต้น
ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายหารือประเด็นที่มีความสนใจร่วมกันด้านสาธารณสุข โดยทั้งสองฝ่ายยินดีที่มีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสนับสนุนกันและกันฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรีชื่นชมเปรูที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้กับประชาชนครบ 2 เข็มในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางของประเทศ ซึ่งไทยก็ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความสมดุลระหว่างมาตรการทางสาธารณสุขกับการใช้ชีวิตของประชาชน
ด้านการค้าการลงทุน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า การค้าของไทยกับเปรูยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เปรูถือเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยในภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียน โดยเห็นโอกาสในการขยายความร่วมมือระหว่างกันในสาขาเศรษฐกิจหมุนเวียน พลังงานชีวภาพ และการเกษตรยั่งยืน ทั้งเกษตรอินทรีย์และคาร์บอนต่ำ ซึ่งไทยและเปรูต่างให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจหมุนเวียน มีจุดเด่นทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรอาหารรายใหญ่ของโลก
ส่วนความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ทั้งสองฝ่ายยินดีร่วมมือทางวิชาการ เพื่อการพัฒนาอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทั้งไทยและเปรูหวังว่าจะได้ร่วมมือกันในสาขาใหม่ ๆ ที่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สนับสนุนการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญระหว่างกันในสาขาการเกษตร โดยเฉพาะการพัฒนาพืชทางเลือก การท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สำหรับความร่วมมือพหุภาคี ไทยมุ่งมั่นขับเคลื่อนเอเปคไปข้างหน้า ท่ามกลางความท้าทาย โดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 ที่ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานโลก การค้าการลงทุน และการส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม โดยไทยพร้อมสนับสนุนเปรูในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคอีกครั้งในปี 2567 โดยเฉพาะการส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ครอบคลุมสำหรับทุกคน ในขณะที่เปรูยินดีสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจ BCG ของไทย ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายของเปรู.-สำนักข่าวไทย