กกต.จัดอบรมเลือกตั้งสมานฉันท์ผู้ว่ากทม.-สก.

ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ 5 เม.ย.-  กกต.จัดอบรมเลือกตั้งสมานฉันท์ ผู้ว่าฯกทม-สก. ทำความเข้าใจกฎหมาย-ป้องกันทำผิดเลือกตั้ง พร้อมประกาศเจตนารมณ์ร่วมเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม


สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร  จัดโครงการเลือกตั้งสมานฉันท์  ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร   โดยเชิญผู้สมัครมาร่วมประชุมเพื่อรับฟังและทำความเข้าใจและชี้แจงข้อกฎหมาย   ระเบียบข้อควรปฏิบัติต่างๆเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง   การป้องกันการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง   และร่วมประกาศเจตจำนงสุจริตในการเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยอมรับเรื่องรู้แพ้รู้ชนะรู้ภัย รู้รักสามัคคี เพื่อให้การหาเสียงเป็นไปอย่างสุจริตโปร่งใส ไม่ใส่ร้ายป้ายสีกันและกัน   และลดการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์   โดยมีผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และผู้สมัคร ส.ก. สนใจเข้าร่วมจำนวนมาก เช่น  พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข  6    นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3   นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์   ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8   นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 4    น.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 7     นายโฆสิต  สุวินิจจิต  ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 24 และนายวรัญชัย โชคชนะ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 22

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวเปิดโครงการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์   ว่าการเลือกตั้ง สก. และผู้ว่าฯ กทม.ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้   ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งผู้ที่จะมาบริหารและติดตามตรวจสอบการบริหาร กทม. ซึ่งเป็นมหานคร องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ   ที่จะต้องมีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมในพื้นที่ที่มีปัจจัยทางสังคมที่แตกต่างและหลากหลาย   ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลาย   ทั้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ดำเนินการหรือจัดการควบคุมการเลือกตั้ง ผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง   และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง   ต่างมีพันธะร่วมกัน ที่จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริต  เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย   และถือเป็นโอกาสดีที่ผู้สมัครทุกคนจะได้แสดงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปฏิบัติให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยการสุจริตโปร่งใสเที่ยงธรรม เต็มใจและสมัครใจในการประกาศเจตจำนงสุจริตในการเลือกตั้งร่วมกัน เพื่อสร้างความสมานฉันท์ถือเป็นการสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองที่ดีงามให้สังคมปละประชาชนได้รับรู้รับทราบ


นายอิทธิพร  ยังกล่าวว่าสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่จะทำให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปอย่างสมานฉันท์ สุจริตและเที่ยงธรรมอย่างแท้จริง คือบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องรู้จักหน้าที่ และปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 50 ได้บัญญัติหน้าที่ของบุคคลไว้ โดยอนุมาตรา 3 บัญญัติว่าบุคคลมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งในบริบทนี้คือกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น  อนุมาตรา 6 บัญญัติว่าเคารพและไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่น   และไม่กระทำการใดที่อาจก่อให้เกิดความแตกแยกหรือเกลียดชังในสังคม   อนุมาตรา 7 บัญญัติว่า ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นสำคัญ    และอนุมาตรา 10 บัญญัติว่า ไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตในทุกรูปแบบ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทยในรัฐธรรมนูญ   หากทุกคนได้ปฏิบัติตามหน้าที่ดังกล่าวแล้วเชื่อมั่นว่าจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้กฎหมายเลือกตั้งฉบับปัจจุบันมีสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากกฎหมายฉบับก่อนๆ ทั้งคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง   วิธีการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบัน กกต.ได้จัดทำแอพพลิเคชั่น “Smart Vote” หรือ “ฉลาดเลือก”    ซึ่งมีข้อมูลที่สำคัญทั้งกฎหมายท้องถิ่น คำถาม-ตอบเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งและพรรคการเมือง การตรวจสอบสิทธิต่างๆเกี่ยวกับการเลือกตั้ง รวมทั้งช่องทางการแจ้งเบาะแสการทุจริตเลือกตั้งผ่านแอพพลิเคชั่น “ตาสับปะรด” แต่เมื่อถึงเวลาที่การหาเสียงเพิ่มความเข้มข้นขึ้น แนะนำให้โทรสายด่วน 1444   ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่กกต.ให้คำปรึกษาทันที เพื่ออำนวยความสะดวกให้การหาเสียงเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสมานฉันท์

หลังจากนั้น   นายอิทธิพร พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงาน กกต. ได้เป็นสักขีพยานในการประกาศเจตจำนงสุจริตในการเลือกตั้งร่วมกันของผู้สมัคร ส.ก. และผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. โดยมีรายละเอียดว่า ข้าพเจ้าจะพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข   ข้าพเจ้าจะถือปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้ง และระเบียบที่เที่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ข้าพเจ้าจะแข่งขันเลือกตั้งตามกติกา รู้แพ้ รู้ขนะ รู้อภัย และรู้รักสามัคคี    ข้าพเจ้าจะดำรงรักษาความเป็นมิตร เป็นเพื่อนบ้าน ความเป็นญาติ เป็นพี่เป็นน้องในท้องถิ่น ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง ข้าพเจ้าจะไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตเลือกตั้ง และการซื้อสิทธิซายเสี่ยงทุกรูปแบบ และขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะแข่งข้นเลือกตั้งในครั้งนี้ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ดีของประเทศรวมทั้งจะเป็นองคาพยพที่สำคัญในการพัฒนาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้มั่นคง ยั่งยืน สืบต่อไป. สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]