ทำเนียบ 1 เม.ย.-นายกฯ ยันลงพื้นที่คลองโอ่งอ่างไม่เกี่ยวเชียร์ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ชี้ประชาชนเข้าใจรัฐบาล เผยไม่อยากให้ กทม.กลับไปไร้ระเบียบเหมือนเก่า ขอผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ทำต่อและทำให้ได้จริง
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่พบประชาชนที่คลองโอ่งอ่างวานนี้(31 มี.ค.) ว่า ถ้าตนว่างและอยากจะไปไหนก็ไปได้เลยโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เพราะไม่อยากให้ไปแล้วเกิดปัญหาจราจรติดขัด และทำให้เกิดความวุ่นวาย จึงไปคณะเล็กๆ
“ที่ไปคลองโอ่งอ่าง เพราะนึกขึ้นได้ว่าตนเป็นคนสนับสนุนโครงการนี้ขึ้นมา คือคลองสวยน้ำใส คูคลองในกรุงเทพฯ ต้องได้รับการพัฒนา ซึ่งถือเป็นนโยบายมาจากรัฐบาลนี้ ตั้งแต่เริ่มแรกและตอนนี้ก็ทำอีกหลายโครงการ เช่น บ้านริมคลอง คลองเปรมประชากร คลองผดุงกรุงเกษม กรุงเทพฯ มีทั้งหมดกว่า 120 คลอง ทำอย่างไรให้น้ำไม่ดำ ได้ปรึกษากับพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า ใช้วิธีปิดรูระบายน้ำลงคลองให้หมดและหาทางดึงน้ำเสียออกไปบำบัดทางอื่น ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บอกว่าจะทำให้ได้และทำให้ดีที่สุด” พลเอกประยุทธ์ กล่าว
ส่วนการลงพื้นที่วานนี้(31 มี.ค.)เป็นวันเดียวกับการรับสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการรับสมัครผู้ว่าฯ กทม. มีแต่สื่อมวลชนวิเคราะห์กันไปเอง ไม่เช่นนั้นนายกฯ ก็ไม่ต้องไปไหนเลย นั่งอยู่แต่ทำเนียบรัฐบาลใช่หรือไม่ เพราะความเดือดร้อนของประชาชนเกิดขึ้นทุกวัน ก็จะต้องลงไปดู ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ไม่ค่อยได้ลงพื้นที่เพราะติดสถานการณ์โควิด-19
ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ไปรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนก็บอกว่าเข้าใจรัฐบาล เข้าใจสถานการณ์โลกและวาระความจำเป็น เรื่องนี้มีใครไม่เข้าใจบ้าง มีแต่สื่อมวชนที่ไม่เข้าใจหรือไม่ ก็ขอให้เข้าใจกันด้วย เพื่อจะไปข้างหน้าได้ ไม่มีอะไรผิดทั้งหมด หรือถูกทั้งหมด หรือดีทั้งหมด
“ผมก็ไม่อยากให้ทุกอย่างย้อนกลับไปที่เดิม บ้านเมืองย้อนกลับไปที่เก่า ไม่อยากให้กรุงเทพมหานครกลับไปที่เดิม ไร้ระเบียบรกรุงรัง ซึ่งปัจจุบันก็ดีขึ้นมาเยอะแล้ว ก็ขอให้ทำกันต่อไป ใครเข้ามาก็ทำกันเถอะ ทำให้ได้จริงก็แล้วกัน” พลเอกประยุทธ์ กล่าว
ส่วนก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์จะไปตรวจถนนข้าวสาร เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ ศบค. พิจารณาว่าจะปลดล็อคได้แค่ไหนอย่างไรเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวถนนข้าวสารในช่วงสงกรานต์ ซึ่ง ศบค.ก็ปลดล็อคไปหลายอย่างแล้ว เช่น การงดตรวจ RT-PCR ผู้เดินทางเข้าจากต่างประเทศ 72 ชั่วโมง ซึ่งมีการเตรียมการตั้งรับในประเทศไว้แล้ว หากเกิดอะไรขึ้นก็ต้องรับผิดชอบกันร่วมกัน ยืนยันว่ารับฟังความเห็นทั้งสองฝ่าย อะไรที่ปลดล็อคได้ก็ปลด แต่หากมีสถานการณ์เกิดขึ้น ก็กลับย้อนมาเริ่มต้นกันใหม่ นั่นคือความยากของการบริหารคนนับล้านในประเทศ. -สำนักข่าวไทย