นายกฯ รับมอบตำแหน่งประธานบิมสเทค

ทำเนียบรัฐบาล 30 มี.ค.-นายกฯ รับมอบตำแหน่งประธานบิมสเทค วาระ 2 ปี เดินหน้าสร้างสัมพันธ์ที่ดีและส่งเสริมเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน พร้อมเชื่อมโยงภูมิภาคต่างๆ อย่างรอบด้าน


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังร่วมการประชุมผู้นำความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (The Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation : BIMSTEC) ครั้งที่ 5 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจัดขึ้นโดยประเทศศรีลังกา ว่า ไทยรับมอบตำแหน่งประธานบิมสเทค เป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันนี้จนถึงปลายปี 2566 เป็นการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันตกของไทย ซึ่งไทยเป็นผู้ขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างเอเปคและบิมสเทค ซึ่งมี GDP รวมกันมากกว่า 2 ใน 3 ของโลก

โดยบิมสเทค ถือเป็นกรอบความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยโดยตรง ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การอำนวยความสะดวกทางด้านธุรกิจ พลังงาน การเกษตร ประมง การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และการศึกษา ซึ่งวันนี้ได้หารือกันว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างยั่งยืน โดยเรียกร้องให้สมาชิกเพิ่มความร่วมมือเชื่อมโยงในทุกด้าน


ทั้งนี้ ได้ร่วมกันลงนามและรับรองเอกสารสำคัญ ดังนี้ กฎบัตรบิมสเทค, อนุสัญญาบิมสเทคว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา, บันทึกความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีบิมสเทค, บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสถาบันการทูตระหว่างกระทรวงการต่างประเทศบิมสเทค และรับรองแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงด้านคมนาคม และปฏิญญาการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 5 (5th Summit Declaration)

ส่วนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับบิมสเทค เป็นโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะเติบโต ด้วยประชากรที่มากกว่า 1 ใน 5 ของโลก การเจริญเติบโตจึงค่อนข้างสูง และการที่ไทยมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แนบแน่นกับภูมิภาคนี้ ถือเป็นการลงทุนทางการทูตที่มีคุณค่า ต่อยอดสู่การลงทุนและการเปิดตลาดท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวอินเดีย  ที่มีกำลังซื้อสูงและขยายตัวมาก อีกทั้งบิมสเทค ยังมียุทธศาสตร์และความเชื่อมโยงทางทะเลสู่เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และยุโรป โดยเชื่อมโยงผ่านระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ และ EEC และยังเชื่อมต่อไปยังอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โอกาสนี้ไทยจะผลักดันวิสัยทัศน์ โปรบิมสเทค (PRO BIMSTEC) ให้มีความมั่งคั่ง ยืดหยุ่น สามารถเผชิญวิกฤติและเปิดกว้างสู่การเติบโตที่แข็งแกร่ง ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจ BCG และความมั่นคงทางอาหาร รวมถึงการสาธารณสุข โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง   


นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในช่วงนี้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมและเจรจาการค้าและความร่วมมือกับหลายประเทศ เช่น ซาอุดีอาระเบีย บาร์เรน เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวม ซึ่งไทยเป็นสมาชิกหลากหลายกลุ่ม จึงต้องวางตัวให้ดี ระมัดระวังในการดำเนินการต่างๆ โดยเฉพาะด้านการต่างประเทศ ไม่ให้เกิดผลเสียหายต่อประเทศและประชาชนไทย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ศาลตัดสินพิรงรอง

“พิรงรอง” รับกังวลใจ วันนี้ศาลตัดสิน คดีทรูฟ้องหลุดเก้าอี้ กสทช.

“พิรงรอง” ถึงศาล รับกังวลใจ คดีทรูฟ้องหลุดเก้าอี้ กสทช. ปมส่งใบเตือนทีวีดิจิทัลมีโฆษณาแทรก ยืนยันทำหน้าที่อย่างถูกต้อง

ผู้สมัคร นายก อบจ.สมุทรปราการ หอบหลักฐานทุจริตเลือกตั้ง ร้อง ปธ.สภา

ผู้สมัคร นายก อบจ. สมุทรปราการ พรรคประชาชน หอบหลักฐานทุจริตเลือกตั้ง อบจ.ร้องประธานสภา จี้ กกต.สอบให้ความเป็นธรรม ลั่นจะไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบ

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

บุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน

ตำรวจนครบาลบุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน สร้างเพจปลอมเป็นหน่วยงานตำรวจ และ ปปง. หลอกเหยื่อว่าสามารถติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืนได้ ค้นบ้านพบซิมบ็อกซ์โทรศัพท์ และ QR Code ปลอม จำนวนมาก

ข่าวแนะนำ

เข้าสู่คืนที่ 2 ตัดไฟฟ้าชายแดนเมียนมา ทำลายวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เข้าสู่คืนที่ 2 สำหรับการตัดกระแสไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต และระงับการส่งน้ำมัน จากฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก ไปเมืองเมียวดีของเมียนมา เพื่อตัดวงจรกลุ่มจีนเทา พบมีการใช้ไฟฟ้าน้อยลง

คนร้ายลอบวางระเบิดรถกระเช้าภายในเทศบาลตำบลรือเสาะ

คนร้ายลอบวางระเบิดรถกระเช้าจอดในอาคารจอดรถ เทศบาลตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หลังเสร็จพิธีต้อนรับนายกเทศมนตรีคนใหม่ ทำให้ไฟไหม้รถเสียหายหลายคัน

ปล้นร้านสะดวกซื้อ

รวบ 6 เยาวชน ก่อเหตุปล้นร้านสะดวกซื้อปัตตานี

รวบแล้ว 6 โจร ปล้นร้านสะดวกซื้อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้เงินกว่า 4,000 บาท พบผู้ก่อเหตุทั้งหมด เป็นเยาวชนอายุระหว่าง 14-16 ปี