รัฐสภา 29 พ.ย.- เครือข่ายประชาชนเข้าชื่อเสนอแก้ กม.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ฉบับแก้ไข ชี้ส่อขัด รธน.ปี 60 เหตุเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ – จำกัดแข่งขันเสรี
นายพันธุ์ศักดิ์ ซาบุ ตัวแทนองค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบอาชีพวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชน ผู้เชิญชวนเสนอกฎหมาย และคณะ พร้อมรายชื่อผู้ร่วมเข้าชื่อเสนอกฎหมาย จำนวน 13,108 รายชื่อ เข้ายื่นหนังสือต่อ ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อยื่นร่างพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …
นายพันธุ์ศักดิ์ กล่าวว่า เนื่องจาก พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม มีบทบัญญัติบางประการที่จำกัดความสามารถในการประกอบอาชีพของภาคประชาชน เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนธุรกิจใหญ่ และจำกัดความสามารถในการแข่งขันอย่างเสรีเป็นธรรม ไม่สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 2560 จึงเห็นควรแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง และเป็นการส่งเสริมการสร้างเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นและส่งเสริมภาคประชาชนให้ประกอบกิจการสถานีวิทยุท้องถิ่นชุมชนได้อย่างเสรีและเป็นธรรม
ด้านนายสมบูรณ์ กล่าวว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จะดำเนินการตรวจสอบเอกสารหลักฐานการเข้าชื่อเสนอกฎหมายว่าครบถ้วนหรือไม่ และส่งรายชื่อผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายไปยังกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อตรวจสอบความเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หากตรวจสอบแล้วมีรายชื่อผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายที่เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวนไม่น้อยกว่า 10,000 คน ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะพิจารณาวินิจฉัยว่าเป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงินตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 134 หรือไม่ กรณีเป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน จะต้องส่งไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้คำรับรองก่อน พร้อมกับสำนักงานฯ จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบ และกรณีไม่เป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน สำนักงานฯ จะจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบ หรือเมื่อนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้คำรับรอง และสำนักงานฯ จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะดำเนินการอนุญาตบรรจุระเบียบวาระการประชุมตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการนี้ จะนำร่าง พ.ร.บ. ที่ประชาชนได้เข้าชื่อเสนอมานี้ กราบเรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาต่อไป.-สำนักข่าวไทย