“สมชัย” สมัครสมาชิกเสรีรวมไทย ชี้กติกาบัตร 2 ใบ พท.ได้เปรียบ

โรงแรมรอยัลริเวอร์ บางพลัด 30 ต.ค.- “สมชัย” สมัครสมาชิกเสรีรวมไทย ชี้กติกาบัตร 2 ใบ “เพื่อไทย” ได้เปรียบ เชื่อประเมินแล้ว ชู “อุ๊งอิ๊ง” ผลบวกมากกว่าลบ


นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ตนสมัครเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย (สร.) โดยชำระเงินค่าสมัคร จำนวน 2,000 บาท ตนขอขอบคุณ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค สร. ให้เข้ามาทำงาน ช่วยเหลือพรรค ส่วนจะลงสมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ และตนไม่คิดจะเป็นกรรมการบริหารพรรค

“ผมเข้ามาทำหน้าที่เสนอความคิดเห็นต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับพรรค โดยผมพร้อมเสนอยุทธศาสตร์ให้กับพรรคเสรีรวมไทย ที่จะเอาชนะการเลือกตั้งในครั้งหน้า ที่กติกาเลือกตั้งถูกเปลี่ยน และทำให้พรรคขนาดเล็กเสียเปรียบ ซึ่งผมมั่นใจว่าจะเป็นแนวทางที่ทำให้พรรคเล็กได้รับเลือกตั้งมากขึ้น” นายสมชัยกล่าว


นายสมชัย ยังกล่าวถึงทิศทางทางการเมืองต่อจากนี้ หลังจากที่พรรคการเมืองหลายพรรคเริ่มเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และนโยบายหาเสียง ว่า เป็นจังหวะที่ทุกพรรคประเมินว่า รัฐบาลจะอยู่ไม่ครบวาระ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะยุบสภาในช่วงเวลาใดเพื่อให้ตนเองได้รับประโยชน์ ดังนั้นทุกพรรคต้องปรับทัพ ปรับโครงสร้างหากลยุทธ์ให้ประชาชนสนใจชื่นชมในนโยบายพรรค จึงไม่แปลกที่พรรคการเมืองต่างๆ จะประชุมใหญ่ โดยเฉพาะพรรคการเมืองขนาดใหญ่จะเลือกเปิดประชุมที่ภาคอีสาน ซึ่งเป็นสมรภูมิที่มี ส.ส.มากที่สุด และไม่แปลกที่พรรคจะเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะพรรคใหญ่ เพราะต้องมีความพร้อมให้ประชาชนเห็นความเข้มแข็งความเชื่อมั่นที่เป็นจุดแข็งของตนเอง

นายสมชัย กล่าวว่า สำหรับการเมืองตอนนี้ มีจุดอ่อน คือ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มีจุดอ่อนมากมายมีความขัดแย้งในพรรค ประเมินว่า จากการเปลี่ยนแปลงกติกาจากบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ที่พรรค พปชร.และพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้เปรียบนั้น ส่วนตัวมองว่าพรรค พท.ได้เปรียบมากกว่า ส่วนพรรรคขนาดกลางต้องปรับยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง เพราะมีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ ทำให้พรรคขนาดกลางต้องมุ่งไปที่ ส.ส.เขตมากขึ้น เห็นได้จากการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่มุ่งลงพื้นที่มากขึ้น ให้ ส.ส.เขตลงพื้นที่เข้าหาประชาชนมากขึ้น

ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และประกาศพานายทักษิณ กลับประเทศจะเกิดปรากฏการณ์แลนด์สไลด์หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า การชูจุดขายของแต่ละพรรคแตกต่างกัน กรณีของพรรคเพื่อไทย ชู น.ส.แพทองธาร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะประเมินว่าต้องการให้เชื่อมโยงกับนายทักษิณ ทำให้ได้คะแนนนิยมจากประชาชน แต่ต้องยอมรับว่ามีคนที่ไม่ชอบนายทักษิณ ก็ยังมีอยู่ แต่พรรคเพื่อไทยคงประเมินแล้วว่า จะได้ผลบวกมากกว่าผลลบ จึงชูเรื่องดังกล่าว


“ประเด็นสำคัญไม่ใช่อยู่ที่นำนายทักษิณกลับบ้าน แต่พรรคเพื่อไทยควรมีนโยบายปรับปรุงประเทศให้ดีขึ้น อย่าเอาตัวบุคคลเป็นประเด็นหลัก หากนายทักษิณจะกลับ ต้องใช้วิธีให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพราะจะทำให้เกิดความไม่สงบ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยอย่าเน้นเรื่องนี้มากเกินไป” นายสมชัย กล่าว

นายสมชัย ยังกล่าวถึงจุดชี้วัดของการเลือกตั้งครั้งต่อไปคือคนหรือนโยบาย ว่า เรื่องเดียว คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะอาสาตั้งตัวเองเป็นนายกฯ อีกรอบหรือไม่ หากมีพรรคใดตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดต ประเด็นการตัดสินใจของประชาชนก็จะเหลือแค่เอาหรือไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ วางมือ หรือไม่มีพรรคใดเสนอชื่อ ประเด็นก็จะอยู่ที่นโยบายว่าพรรคไหนมีนโยบายที่ตรงใจประชาชน แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่พรรคพลังประชารัฐยังเอา พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ แต่มีรายชื่อแคนดิเดตคนอื่นด้วย ก็จะเกิดความไม่มั่นคงของพล.อ.ประยุทธ์

ส่วนทิศทางของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรี หากพรรคเพื่อไทยขึ้นเป็นรัฐบาล ว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบผลการเลือกตั้ง แต่หากประชาชนส่วนใหญ่เลือกไปทางใดทางหนึ่ง ส.ว.ต้องคิดว่าจะทำความต้องการของปประชาชนหรือผู้มีอำนาจ แต่ตนคิดว่าส.ว.น่าจะคิดถึงประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก ไม่ใช่เพียงการตอบสนองคนบางคน ที่แต่งตั้งส.ว.มา ไม่เช่นนั้นประวัติก็จะจารึกว่า ส.ว. เป็นเพียงกลไกเครื่องมือซึ่งไม่ได้ช่วยให้เกิดความเจริญ หรือไปสู่การก่อปัญหาต่างๆในบ้านเมือง

ส่วนกติกาทางการเมืองและเสถียรภาพทางการเมืองขณะนี้มีโอกาสที่พรรคใดพรรคหนึ่งจะชนะแบบแลนด์สไลด์ได้หรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่าไม่สามารถบอกได้ แต่การที่เปลี่ยนเป็นบัตร 2 ใบ จะทำให้การตัดสินใจในบัตรใบที่ 2 เป็นอิสระ ดังนั้นในส่วนของบัญชีรายชื่อจะทำนายไม่ได้เลยว่าพรรคไหนจะได้มากแค่ไหน

ถ้าหากทุกเขตเทไปยังพรรคใดพรรคหนึ่งก็มีโอกาสที่พรรคนั้นจะได้บัญชีรายชื่อ กลายเป็นสัดส่วนเกือบทั้งหมดก็เป็นได้ เรียกว่าเป็นแลนด์สไลด์แบบบัญชีรายชื่อ ในส่วนของเขตที่มีอยู่ 400 เขต ถ้ามองพฤติกรรมการเลือกตั้งในอดีต ผู้สมัครต้องบทบาททางสังคมในพื้นที่ แต่ในปัจจุบันก็เปลี่ยนไป หลายเขตผู้สมัครไม่ได้รู้จักกับประชาชน เพียงแต่อยู่ในพรรคที่ประชาชนยอมรับ ทำให้คนเหล่านี้ได้เป็นส.ส.เขต โดยไม่มีบารมีในพื้นที่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในการเลือกตั้งปี 62 จึงคาดไม่ได้ว่าผลจะเป็นอย่างไร

นายสมชัย ยังไม่ขอวิจารณ์คุณสมบัตินายกรัฐมนตรี หาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่มองว่า พล.อ.ประยุทธ์ เหนือกว่า เนื่องจากมีประสบการณ์ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับประชาชน ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ไม่มีประสบการณ์ แต่อาจจะมีทีมงานที่ดี ทั้งนี้อาจจะมีการหยิบโมเดล 49 วัน ในการเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้ได้หรือไม่ ตนมองว่ายิ่งกว่าได้ พร้อมมองว่า การที่ นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี มาเป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยคนใหม่ น่าจะมีกลยุทธ์ที่ดี เพราะเป็นคนหนึ่งที่มีความคิดเฉียบแหลม

สำหรับเงื่อนไข 8 ปี ในการเป็นนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ นั้น นายสมชัย มองว่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องหลักในการที่พรรคการเมืองอื่นจะนำไปใช้ในการหาเสียง และเชื่อว่าจะไม่มีการส่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่การที่ทำให้ไม่ชัดเจนก็จะเป็นประเด็นในการโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ ได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ยันบังคับใช้กฎหมายไทยในดินแดนไทย จี้ “เขมร” หยุดปลุกระดม

ก.ต่างประเทศ 23 ก.ย.- กต.ยันบังคับใช้กฎหมายไทยในดินแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน และปฏิบัติตามหลักสากล ใช้ตํารวจควบคุมฝูงชน ไม่ใช่กําลังทหาร จี้ “เขมร” หยุดปลุกระดม-บิดเบือนประชาคมโลก ส่งผลสัมพันธ์ร้าวลึก นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงการบังคับใช้กฎหมายไทยต่อพลเมืองกัมพูชา ที่รุกล้ำเข้ามาประท้วงในบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว โดยยืนยันว่า ไทยบังคับใช้กฎหมายภายในของไทยกับบุคคลที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าวของฝ่ายไทยเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐและเป็นไปตามหลักสากลที่ทุกประเทศยอมรับ สําหรับกรณีที่กัมพูชากล่าวหาว่าไทย จงใจบิดเบือนแผนผัง ที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตําแหน่ง หลักเขตแดนที่ 42 และ43 ว่าเป็นเขตแดนจริงนั้นขอเรียนยืนยันว่าฝ่ายไทยไม่เคยระบุ แผนผังดังกล่าวกําหนด เส้นเขตแดนเพราะการเจรจาเส้นเขตแดนอยู่ภายใต้อาณัติ ของกลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี ทั้งนี้แผนผังที่ไทยนําแสดงดังกล่าว เป็นเพียงการนําพิกัดหลักเขตแดน ไปทําภาพจําลองเส้นเขตแดน บนแผนที่แบบไม่เป็นทางการเท่านั้นเพื่อความเข้าใจของประชาชนทั่วไป โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวถึง สําหรับข้อกล่าวหาที่กัมพูชาระบุว่าไทยละเมิดเอ็มโอยู 2543 ว่าด้วยการสํารวจและการจัดทําหลักเขตแดนทางบกนั้น กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาเองที่เป็นฝ่ายละเมิดโดยปล่อยให้มีการสร้างอาคาร บ้านเรือนชุมชนทั้งในเขต พื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์และในเขต ขณะที่เป็นอธิปไตยของไทยซึ่งฝ่ายไทยได้ทําการประท้วงในกรอบเอ็มโอยูแล้วกว่า 500 ครั้ง ในห้วง 20ปีที่ผ่านมาแต่ฝ่ายกัมพูชากลับเพิกเฉยและไม่ยอมแก้ไข ส่วนกรณีที่กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรม ที่บ่อนทําลายความพยายามลดความตึงเครียด ข้อตกลงหยุดยิงนั้น นายนิกรเดช กล่าวย้ำว่าประเทศไทยมุ่งมั่นปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง […]

นายกฯ ไม่ไปยูเอ็นแล้ว กลัวกลับมาไม่ทันแถลงนโยบาย

ภูมิใจไทย 23 ก.ย. – นายกฯ ไม่ไปยูเอ็นแล้ว เหตุเงื่อนเวลาไม่เอื้อ หวั่นกลับมาไม่ทันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ไม่เสียโอกาสแจงเรื่องอธิปไตย เชื่อชาวโลกรู้ไทยมีนโยบายชัดเจน ยันร่างนโยบายปกน้ำเงินเสร็จแล้ว นำเข้า ครม.นัดพิเศษ พรุ่งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำโลก UNGA ครั้งที่ 78 ว่า ได้มีการหารือกับฝ่ายคนใหม่แล้ว ซึ่งจากการดูเวลา กลัวจะไม่ทันการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ทั้งนี้ก็จะมีการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่สำคัญมีเรื่องของอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ด้วย ซึ่งจะต้องตรวจสอบให้ดี มีความคิดเห็นหลากหลาย ทั้งไปได้และไปไม่ได้ แต่ทั้งนี้มีแนวทางที่ชัดเจน ไม่ได้มีการลงนามในข้อตกลง แต่แนวทางของประเทศไทย เมื่อรัฐบาลนี้เข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นที่เรียบร้อย ก็มีความชัดเจนที่จะบริหารสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาอย่างไร ส่วนจะเป็นการเสียโอกาสในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่าความเชื่อมั่นอยู่ที่การจัดการและการได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่มีต่อรัฐบาลและกองทัพ ซึ่งความเชื่อมั่นอยู่ตรงจุดนี้ ไม่ใช่อยู่ที่เวทีไหน เพราะเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ขณะที่ทุกฝ่ายในบ้านเรามีความพร้อม ประชาชนให้การสนับสนุนนโยบายต่างๆ นโยบายของกองทัพและรัฐบาล นี่ต่างหากคือความเชื่อมั่น ส่วนกรณีที่กฤษฎีกาชี้ว่า หากมีเหตุที่จำเป็น ก็ถือว่าดำเนินการได้ นายอนุทิน กล่าวว่า คำว่าจำเป็นคืออะไร อย่างสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ไม่จำเป็นจะต้องชี้แจงกับใคร เพราะประชาคมโลกก็รับทราบสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว […]

เร่งล่ามือมืดรัว 15 นัด ยิงดับสมาชิก อบต.กรงปินัง

ยะลา 23 ก.ย. – เร่งล่ามือมืดรัว 15 นัด ยิงสมาชิก อบต.กรงปินัง เสียชีวิตหน้าบ้านพัก อ.กรงปินัง จ.ยะลา ตำรวจตั้ง 2 ปม “แค้นส่วนตัว-สร้างสถานการณ์” จากเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงนายอิสมาแอ กาแจ อายุ 61 ปี สมาชิก อบต.กรงปินัง ขณะจอดรถยนต์กระบะเตรียมเข้าบ้านพักในพื้นที่บ้านลือมุ อ.กรงปินัง จ.ยะลา ตรวจสอบรอยกระสุนในตัวผู้ตายพบ 12 นัด เข้าบริเวณหน้าอกและลำตัว โดยแขนซ้าย 2 นัด และใบหน้าอีก 1 นัด เมื่อเวลา 21.22 น. ของวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา เช้านี้ (23 ก.ย.) ตำรวจ สภ.กรงปินัง ลงพื้นที่เกิดเหตุรวบรวมพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบกองเลือดอยู่ใกล้รถยนต์กระบะของผู้ตาย แต่ไม่พบปลอกกระสุนแต่อย่างใด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งปมก่อเหตุเรื่องส่วนตัว แต่ยังไม่ตัดประเด็นการสร้างสถานการณ์ นายอาดือนัน ฮามิดง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ […]

นายกสมาคมค้าทองคำ รับทองขึ้นเร็ว-แรง สิ้นปีทองไทยอาจแตะ 59,000 บาท

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – ทองไทยทุบสถิตินิวไฮรอบใหม่ เปิดตลาดพุ่งพรวด 550 บาท ทองไทยแตะ 57,300 บาท ตามราคาทองโลกที่นิวไฮต่อเนื่อง นายกสมาคมค้าทองคำ รับทองขึ้นเร็ว-แรงกว่าคาด สิ้นปีทองไทยอาจแตะ 59,000 บาท สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทองคำเปิดตลาดเช้านี้ (23 ก.ย.) เวลา 09.04 น. ปรับเพิ่มขึ้นทันที 550 บาท โดยทองแท่ง ราคารับซื้อ 56,400 บาท ขายออก 56,500 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 55,273.36 ขายออก 57,300 บาท แตะระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยล่าสุดเมื่อเวลา 09.49 น. ปรับเปลี่ยนไปแล้ว 3 ครั้ง ทองแท่ง รับซื้อ 56,300 บาท ขายออก 56,400 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ […]