กทม. 12 ส.ค.-“ธนกร” หวั่นล็อกดาวน์ กทม.อาจไม่เข้าเป้า หลังม็อบยังชุมนุมไม่เลิก ชี้ยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจ-อาจทำโควิดแพร่ระบาด เตือนคิดให้ดีก่อนออกมาชุมนุม
นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลคุมเข้ม ซึ่งวันนี้ยอดผู้ป่วยที่รักษาหายสามารถกลับบ้านเป็นตัวเลขที่เริ่มสูงกว่าจำนวนยอดผู้ติดเชื้อ จากการประเมินตัวเลขยอดผู้ป่วยที่รักษาหายสามารถกลับบ้านได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เฉลี่ยอยู่ที่วันละสองหมื่นกว่าคน ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี สะท้อนความสำเร็จ และเป็นกำลังใจที่สำคัญของบุคลากรทางการแพทย์และทีมงานทุกคนที่ถือเป็นด่านหน้าในการรักษาพยาบาล แต่ตนรู้สึกเป็นห่วงในพื้นที่ กทม.ว่า การประกาศล็อกดาวน์อาจจะไม่ได้ผลตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากมีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มต่างๆ เป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจ และอาจจะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ ตนอยากเตือนน้องๆ เยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุม ว่า ขอให้คิดให้ดี มีสติ เพราะการชุมนุมไม่ได้สันติ มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เผาทำลายทรัพย์สินราชการ สุดท้ายจะถูกดำเนินคดี ต้องติดคุก อย่าไปเชื่อพวกแกนนำเลย ลองคิดดูว่าคนเหล่านั้นเคยทำความดีอะไรให้ประเทศบ้าง คนเหล่านั้นเคยทำอะไรประสบความสำเร็จบ้าง บางคนยังไม่มีงานทำเลย แต่มีเงินหลายล้านบาทอยู่ในบัญชี มีการตั้งข้อสงสัยมากมายว่าแกนนำเป็นประเภทสู้แล้วรวยหรือไม่ ตนอยากให้ผู้ชุมนุมที่บริสุทธิ์ได้คิดให้ดีอย่างมีเหตุมีผล หรือคุยกับผู้ปกครองก่อน
นายธนกร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่แกนนำพรรคไทยสร้างไทย จะยื่นฟ้องดำเนินคดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น ถือเป็นสิทธิตามกฎหมายที่สามารถกระทำได้ แต่ที่ผ่านมาเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลก็เร่งแก้ปัญหาทันที ทั้งการเร่งควบคุมและป้องกันโรค การนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ล้มเหลวในการบริหารจัดการวัคซีนทุกอย่างดำเนินการไปตามขั้นตอน ขนาด ส.ส.บางพรรคก็ยังรีบไปขอฉีดวัคซีนก่อนประชาชนด้วยซ้ำ และน่าจะบริหารจัดการได้เร็วกว่านี้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ต้องมาคอยดูแลผู้ชุมนุมที่ออกมาชุมนุมกันในตอนนี้ตามคำปลุกปั่นของนักการเมืองบางคน จนสุ่มเสี่ยงที่จะกลายเป็นคลัสเตอร์ใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม การที่นายกฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น ก็เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งไม่ใช้การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ใดๆ ทั้งสิ้น และไม่ใช่ใช้เพื่อควบคุมม็อบอย่างที่นักการเมืองบางคนพยายามบิดเบือนด้วย เพราะถ้านำมาใช้อย่างเข้มงวดกับผู้ชุมนุมจริง สถานการณ์หลายอย่างคงไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้แน่นอน
“หากพรรคไทยสร้างไทยคิดที่จะโหนกระแสม็อบเพื่อเพิ่มคะแนนนิยมให้ตัวเอง ก็เปิดหน้าฟ้องรัฐบาลด้วยตัวเองได้เลย ไม่เห็นต้องเอาประชาชนมาบังหน้า อ้างว่าเป็นความเห็นของประชาชน ถ้าอยากจะเป็นข่าวก็ควรออกแรงทำเองบ้าง ไม่ใช่เกาะกระแสคนนู้นที คนนี้ที เพื่อแย่งพื้นที่สื่อให้ขายขี้หน้าเด็กเปล่าๆ .-สำนักข่าวไทย