กสม. ขอรัฐทบทวน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กระทบเสรีภาพแสดงความเห็น

กรุงเทพฯ 16 ก.ค.-กสม. ขอรัฐทบทวน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 27 กระทบเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น วอนทุกฝ่ายสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ร่วมกันฝ่าวิกฤติโควิด-19


กสม. วันนี้ (16 ก.ค.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ระบุถึงประกาศข้อกำหนดพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 ข้อ 11 ที่ระบุถึงข้อห้ามสร้างความหวาดกลัวแม้เป็นจริง ว่าหลายภาคส่วนมีความกังวลต่อมาตรการป้องกันการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากอาจทำให้เข้าใจหรือตีความไปได้ว่า การเสนอข่าวหรือการทำให้แพร่หลายทางหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสิ่งอื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว แม้จะเป็นความจริงก็ไม่สามารถทำได้ และถือเป็นความผิดตามข้อกำหนดฉบับที่ 27

กสม. เห็นว่าในสถานการณ์ที่เกิดโรคระบาดร้ายแรง มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนจะต้องได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อให้สามารถประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพที่กำลังเผชิญอยู่ รวมถึงผลกระทบที่เกี่ยวเนื่อง และเพื่อให้สามารถเตรียมการในการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที ดังนั้นจึงไม่ควรมีการปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารของประชาชน และไม่ควรห้ามการเสนอข้อมูลที่เป็นความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากรัฐบาลเห็นว่าข้อมูลที่มีการนำเสนอสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชน รัฐบาลสามารถชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนถึงความพยายามและมาตรการของรัฐในการแก้ไขปัญหา รวมถึงให้คำแนะนำหรือแนวทางในการปฏิบัติตัวของประชาชน เพื่อลดความหวาดกลัวและความตื่นตระหนก รวมถึงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนได้


กสม. จึงเห็นว่ามาตรการควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในข้อ 11 ของข้อกำหนดฉบับที่ 27 ในส่วนที่ห้ามการเสนอข่าวหรือข้อมูลที่อาจทำให้ประชาชนหวาดกลัว และจะเป็นช่องว่างให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้ดุลพินิจในการบังคับใช้กฎหมายที่อาจละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งขัดต่อหลักสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการเสนอข่าวสารของสื่อ ที่ได้รับการรับรองและคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 34 และมาตรา 35 รวมถึงไม่สอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่ประเทศไทยเป็นภาคี และขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนมาตรการในข้อ 11 ดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายภายในและพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนของไทย

กสม. ยังขอให้ประชาชน สื่อมวลชน และทุกภาคส่วนร่วมกันใช้สื่อต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อสังคมออนไลน์ในการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ รู้เท่าทันข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จ หรือสร้างความเกลียดชัง เพื่อให้สังคมไทยเดินหน้าฝ่าฟันปัญหาไปพร้อมกันด้วยความเคารพในความแตกต่างหลากหลายทางความคิดอันเป็นความปกติของสังคมประชาธิปไตย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ส่งชาวจีนกลับบ้าน

เสร็จสิ้นภารกิจส่ง 621 เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับจีน

จบภารกิจส่งชาวจีนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา รวม 3 วัน 13 เที่ยวบิน ส่งกลับชาวจีน 621 คน ที่เหลือต้องรอการเจรจา 3 ฝ่าย ไทย จีน และเมียนมา กำหนดแนวทางรับตัวอีกครั้ง

ทำบุญครบรอบแตงโมเสียชีวิต

เพื่อนสนิททำบุญครบรอบ 3 ปี “แตงโม” เสียชีวิต

กลุ่มเพื่อนสนิทของ “แตงโม ภัทรธิดา” นักแสดงสาวผู้ล่วงลับ จัดพิธีทำบุญครบรอบ 3 ปี การเสียชีวิตของนางเอกคนดัง ที่วัดปากน้ำ ซ.พิบูลสงคราม 1 อ.เมือง จ.นนทบุรี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง