“หญิงหน่อย” จี้รัฐแจงกู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้าน

กทม. วันนี้  (  21 พ.ค.)   “คุณหญิงสุดารัตน์”   จี้รัฐแจงข้อกังวลต่อการกู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้านบาท   หวั่นหนี้สาธารณะจะสูงเกิน 60%  แถมไม่เปิดเผย  โปร่งใส  ไม่สร้างความเชื่อมั่น ว่าจะสามารถแก้ไขวิกฤตโควิด-19 ได้


คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ให้อำนาจกระทรวงการคลังออกพระราชกำหนดกู้เงินจำนวนไม่เกิน 700,000 ล้านบาท เพื่อใช้แก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19  ว่าพรรคไทยสร้างไทยตระหนักดี ว่ารัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล  เพื่อแก้ปัญหาโควิด-19  รวมถึงผลกระทบต่างๆ แต่เนื่องจากการใช้การใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่ผ่านไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่น  และไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้  ทั้งด้านการสาธารณสุข และการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ  อีกทั้งรัฐบาลนี้ยังได้กู้เงินจนหนี้สินของประเทศพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์  ทำให้ฐานะทางการคลังของประเทศอยู่ในสภาพเปราะบางเป็นอย่างยิ่ง  พรรคไทยสร้างไทยจึงมีความกังวลต่อการกู้เงินจำนวนดังกล่าวของรัฐบาล  โดยกระทรวงการคลังได้ประมาณการสถานะการคลังระยะปานกลางของปีงบประมาณ 2564  มีหนี้สาธารณะคงค้าง  9,081,326  ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 56  ของจีดีพีที่ประมาณไว้ที่ 16,550,200 ล้านบาท  แต่จากเอกสารงบประมาณโดยสังเขปประจำปีงบประมาณ 2565  ( หน้า 60 )  สำนักงบประมาณได้สรุปผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ  หรือจีดีพีของปีงบประมาณ 2564 เท่ากับ 16,409,700 ล้านบาท  ซึ่งหากถือตามข้อมูลของสำนักงบประมาณล่าสุดนั้น  จะทำให้หนี้สาธารณะคงค้างเท่ากับประมาณร้อยละ  58  ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถก่อหนี้ได้อีกไม่เกินร้อยละ  2  หรือประมาณ 300,000 ล้านบาท  ดังนั้นการกู้เงินอีกจำนวน 700,000 ล้านบาท  จึงเกิดข้อกังวลว่าการกู้ครั้งนี้  ย่อมทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพี  สูงเกินกว่าร้อยละ 60  อันเป็นกรอบความยั่งยืนทางการเงินการคลังที่ยึดถือกันมาโดยตลอด

คุณหญิงสุดารัตน์  กล่าวอีกว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ใช้เงินกู้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ   โดยออกพระราชกำหนดกู้เงินจำนวน 1 ล้านล้านบาทมาครั้งหนึ่งแล้ว   แต่รัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้  ดังจะเห็นได้จากเกิดการแพร่ระบาดจนถึงขณะนี้รวมแล้วถึงสามรอบ  แม้ปัจจุบันรัฐบาลจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย  รณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่  แต่ประชาชนก็ยังมีความสับสนทั้งทางด้านคุณภาพของวัคซีน  ความปลอดภัยจากการฉีดวัคซีน  และวัคซีนที่ได้รับไปนั้นสามารถป้องกันการติดเชื้อหรือป้องกันการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ  รวมทั้งยังมีความสับสนด้านการเข้าถึงซึ่งวัคซีน  ที่เกิดความขัดแย้งระหว่างภาครัฐด้วยกันเอง  ได้แก่ นายกรัฐมนตรี  ซึ่งรับผิดชอบ ศบค.  กับกระทรวงสาธารณสุขที่รับผิดชอบการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน  เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว  จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีอำนาจเต็มตามกฎหมายแต่เพียงผู้เดียว  จะต้องสร้างความเข้าใจอันจะนำมาซึ่งความเชื่อมั่น  ในความปลอดภัยต่อชีวิตของประชาชนเพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ  ที่จะออกมาประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจอันเป็นหัวใจของการฟื้นฟูเศรษฐกิจต่อไป


คุณหญิงสุดารัตน์  กล่าวว่าวัตถุประสงค์อันเป็นเป้าหมายของการกู้เงินทั้งสองครั้งจำนวนรวม 1.7 ล้านล้านบาท  ได้แก่ การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19  การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับความเสียหายจากการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว  ซึ่งหัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหา คือการทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยในชีวิต และเชื่อมั่นในแผนการใช้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ อันจะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ที่จะออกมาประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ  แต่การที่รัฐบาลเสนอขอกู้เงินจำนวน 700,000 ล้านบาท ที่นอกจากจะมีข้อกังวล ว่าหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะสูงเกินกว่าร้อยละ  60  เกินกรอบความยั่งยืนทางการคลัง   กระบวนการเกี่ยวกับการกู้เงินจำนวนดังกล่าวที่ได้ดำเนินการในคณะรัฐมนตรีอย่างปกปิดเป็นความลับ  ยิ่งทำให้ประชาชนเกิดความไม่เชื่อมั่นยิ่งขึ้น  รัฐบาลจึงควรดำเนินการโดยเปิดเผยโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับประชาชน  ทั้งด้านกระบวนการ  เป้าหมายและประสิทธิผลของการใช้เงิน ที่จะต้องชดใช้คืนจากภาษีอากรของประชาชน

“มีความกังวลต่อการกู้เงินจำนวน 700,000 ล้านบาท  ที่นอกจากจะดำเนินการโดยไม่เปิดเผยโปร่งใสแล้ว  ยังจะสร้างความไม่เชื่อมั่นว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19  รวมทั้งสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้  ทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงเกินร้อยละ 60  เกินเสถียรภาพและกรอบความยั่งยืนทางการเงินการคลัง  ขัดต่อพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ทำให้ความน่าเชื่อถือของประเทศทางด้านการคลังลดลง  ส่งผลต่อความเชื่อมั่นอันเป็นหัวใจสำคัญของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ”  คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์  กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทย  ขอเรียกร้องให้รัฐบาลชี้แจงข้อกังวลตามที่กล่าวมาข้างต้นนี้  เพื่อให้ประชาชนได้มั่นใจว่า  เงินกู้ซึ่งจะเป็นภาระของประชาชน  ที่จะต้องเป็นผู้ใช้หนี้เงินกู้ของรัฐบาล  จะถูกใช้อย่างคุ้มค่า  มีประสิทธิภาพ  ต่อการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน และมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้โดยพรรคไทยสร้างไทย  อาสาเป็นกระบอกเสียง ติดตามตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐบาลให้กับพี่น้องประชาชนอย่างจริงจังต่อไป.- สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ธานินทร์ กรัยวิเชียร” อดีตนายกฯ-องคมนตรี ใน ร.9 ถึงแก่อสัญกรรม

อาลัย “ธานินทร์ กรัยวิเชียร” อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตองคมนตรีในรัชกาลที่ 9 ถึงแก่อสัญกรรม สิริอายุ 97 ปี

อุตุฯ เผย 24-25 ก.พ.68 ไทยตอนบนอากาศแปรปรวน-พายุฝนฟ้าคะนอง

กรมอุตุฯ เผยช่วงวันที่ 24-25 ก.พ. 68 ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง รวมทั้ง กทม.-ปริมณฑล ภาคตะวันออก จะมีสภาพอากาศแปรปรวน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าผ่า ลมกระโชกแรง

จับหนุ่มอินเดียขนเงินกว่า 15 ล้านบาท เข้าไทย

หนุ่มอินเดียหอบเงินสด 15.7 ล้านบาท เดินเท้าจากปอยเปตเข้าไทย อ้างเล่นพนันได้ เจ้าหน้าที่เร่งขยายผล หวั่นพัวพันคอลเซ็นเตอร์

โฆษกรัฐบาล นำบุกร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า แต่ไหวตัวทันไม่เจออะไร

โฆษกรัฐบาล นำ สคบ.-สธ. บุกร้านลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าย่านสายไหม หลังได้รายงานลับ แต่ร้านไหวตัวทัน ปิดหนีหมดไม่เจออะไร เตรียมเสนอนายกฯ ตั้ง กก.ปราบจริงจัง เผยตัวเลขขายปีละ 5 พันล้าน อ้างเป็นสินค้าผ่านแดน แต่ปล่อยหลุดเข้าไทย