fbpx

จับตารัฐบาลลักไก่ดันไทยเข้า CPTPP

กทม. 20 เม.ย. -จิราพร ชวนจับตารัฐบาลลักไก่ดันไทยเข้า CPTPP ช่วงโควิด-19 ระบาด แนะเอาเวลาไปจัดหาวัคซีนให้เพียงพออย่ามัวเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติ


นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด ในฐานะรองโฆษกและประธานคณะอนุกรรมการนโยบายด้านการพาณิชย์และการค้าระหว่างประเทศ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าคณะรัฐมนตรีจะพิจารณาข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ซึ่งมีนายดอน ปรมัตวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธาน และอาจมีมติเห็นชอบให้ไทยเข้าร่วมเจรจาความตกลง CPTPP ในปลายเดือนเมษายนนี้ว่า การกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยว่ารัฐบาลมีผลประโยชน์อะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ถึงได้พยายามจะดันให้ไทยเข้าร่วมให้ได้ ทั้งๆที่ ผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วมความตกลง CPTPP สภาผู้แทนราษฎร ชี้ชัดว่าไทยยังขาดความพร้อมหลายด้าน และประโยชน์ที่ไทยจะได้จากความตกลงนี้ยังไม่ชัดเจน ดังนั้น จึงมีข้อสงสัยว่า การศึกษาของ กนศ. ที่ใช้เวลาเพียง 3 เดือนมีการศึกษาเชิงลึกที่มากกว่าผลการศึกษาของ กมธ. อย่างไร มีผลการศึกษาเพิ่มเติมที่ชัดเจนหรือไม่ว่าไทยจะได้ประโยชน์อะไร นอกเหนือไปจากการฉายหนังซ้ำว่าเป็นการขยายการค้าและการลงทุน โดยไม่มีประเด็นชี้เฉพาะที่ชัดเจนและยังคงอธิบายไม่ได้ถึงสาระของประโยชน์ที่ไทยจะได้รับเมื่อแลกกับการที่ไทยจะเสียประโยชน์ว่าคุ้มค่าหรือไม่ และที่สำคัญที่สุดในห่วง 3 เดือนที่ กนศ. ทำการศึกษา ไม่มีการเปิดเผยผลการศึกษาให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรับรู้และแสดงความคิดเห็นอย่างเพียงพอ

 นางสาวจิราพร กล่าวว่าที่ผ่านมา มีข่าวว่า รัฐบาลสามารถให้หน่วยงานรัฐไปลองเจรจาดูก่อน ถ้าไม่ได้ตามที่คาดหวังค่อยถอนการเจรจา ในกรณีนี้ ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องในกระบวนการเจรจาระหว่างประเทศ เพราะหากสมาชิก CPTPP ทราบว่าไทยมีแนวทางเช่นนี้ สมาชิก CPTPP คงจะไม่มานั่งเสียเวลาเจรจาด้วย เพราะเสมือนหนึ่งไทยกำลังจะลองผิดลองถูก เหมือนเด็กเล่นขายของ ไม่มีความน่าเชื่อถือในสายตาสมาชิก CPTPP เพราะโดยหลักการ ประเทศใดสนใจจะเข้า CPTPP ก็ต้องศึกษาความพร้อมและความเหมาะสมของประเทศตนในการเข้าเป็นสมาชิกก่อน เพราะความตกลงนี้มีผลใช้บังคับไปแล้ว รายละเอียดกฎเกณฑ์ก็มีให้ศึกษาชัดเจน การที่รัฐบาลจะกล่าวอ้างกับประชาชนในประเทศว่าเจรจาไปก่อนค่อยดูผลทีหลัง จึงดูเป็นการหลอกล่อเพื่อขอไปที แสดงถึงความไม่จริงใจต่อประชาชนรวมทั้งเสียมารยาทต่อคู่เจรา CPTPP ด้วย แทนที่รัฐบาลจะเอาเวลาไปเสริมสร้างพัฒนาข้อบกพร่องของไทยให้มีความพร้อมในการแข่งขันก่อนเข้า CPTPP ก็กลับไม่ดำเนินการตามที่ กมธ. ได้ศึกษาและเสนอแนะไป แต่กลับพยายามทำในวังวนเดิมที่เคยทำคือหลับหูหลับตาดันไทยเข้า CPTPP ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าไทยไม่มีความพร้อม แต่ที่ทำไปเพียงแค่จะสนองประโยชน์นายทุนโดยเฉพาะต่างชาติเท่านั้น 


นางสาวจิราพร กล่าวว่า ยังมีทางเลือกอีกมากมายที่ควรทำ แทนที่รัฐบาลจะรีบกระโดดเข้าร่วมการเจรจาความตกลงดังกล่าว เช่น หารืออย่างไม่เป็นทางการกับสมาชิก CPTPP ผ่านรูปแบบ Exploratory Discussion เพื่อดูความน่าจะเป็นว่าไทยและสมาชิก CPTPP ยอมรับข้อเสนอในประเด็นต่างๆ ได้หรือไม่  ซึ่งเป็นแนวทางที่อาเซียนทำกับแคนาดาและสหภาพยุโรป รวมทั้งไทยเองก็เคยใช้แนวทางนี้กับแคนาดา นิวซีแลนด์ และออสเตรเลียมาก่อน หรืออีกทางเลือกหนึ่ง เช่น การส่งข้อเสนอและท่าทีของไทยไปยังสมาชิก CPTPP ให้ได้รู้ว่า ไทยอยู่ในฐานะไหน ทำอะไรให้ได้มากน้อยขนาดไหนอย่างไร โดยที่ทางเลือกต่างๆ ดังกล่าว ก็จะเป็นการช่วยประหยัดทรัพยากร เวลา และงบประมาณของไทยซึ่งดีกว่าการที่ไทยกระโดดเข้าไปเจรจาเป็นทางการด้วย เพราะหากเดินหน้าเจรจาแล้วขอถอนตัวในภายหลังจะทำให้เสียภาพลักษณ์ในเวทีโลกเป็นอย่างมาก

นางสาวจิราพร  กล่าวอีกว่า การที่อ้างข่าวว่าอังกฤษจะเข้าร่วม CPTPP ไม่ใช่สาระสำคัญที่ไทยจะนำมาเป็นประเด็นกล่าวอ้างเชิงเปรียบเทียบ เพราะอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป ย่อมต้องหาพันธมิตรใหม่ และอังกฤษไม่ใช่สมาชิกความตกลง RCEP (สมาชิก RCEP 7 ประเทศเป็นสมาชิก CPTPP ได้แก่ สิงคโปร์ บรูไน  มาเลเซีย  เวียดนาม ญี่ปุ่น  ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์)   ดังนั้นอังกฤษจึงต้องการเข้า CPTPP เพื่อจะครอบคลุมสมาชิก RCEP จำนวน 7 ประเทศไปด้วย ในขณะที่ประเทศไทยมีความตกลงทั้งระดับทวิภาคีและระดับพหุพาคีกับประเทศ CPTPP แล้วถึง 9 ประเทศ จึงเหลือเพียงแคนาดากับเม็กซิโกที่ไทยยังไม่มีความตกลงทางการค้าด้วย และขณะนี้อาเซียนรวมไทยกำลังหารือกับแคนาดาเพื่อทำความตกลงอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่ไทยจะเข้า CPTPP นอกจากนี้ อังกฤษมีความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและการค้าสูงกว่าไทยมาก ข้อเสียเปรียบในการเข้าร่วมความตกลง CPTPP จึงแทบไม่มีเลย ซึ่งแตกต่างจากไทยที่มีข้อเสียเปรียบสมาชิก CPTPP มาก

 นางสาวจิราพร  ระบุว่ายิ่งไปกว่านั้น หลังวิกฤตโควิด-19 จะทำให้การค้าของโลกเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ซึ่งแม้มาตรฐานของ CPTPP เป็นเรื่องของการเปิดเสรีในระดับที่สูง แต่กฎเกณฑ์ไม่ได้รองรับรูปแบบการค้าใหม่ๆในอนาคต เช่น การค้ายุคไซเบอร์  การบริการนวัตกรรมชั้นสูง การเงินการธนาคารในระบบดิจิตอล  การลงทุนดิจิตอล เช่น คริปโทเคอร์เรนซี (cryptocurrency) เป็นต้น ดังนั้น ไทยควรจะใช้โอกาสในวิกฤตโควิด-19 นี้เรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นเพื่อให้สามารถตัดสินใจกำหนดนโยบายการค้าระหว่างประเทศได้อย่างถูกต้องก่อนควบคู่ไปกับการพัฒนาความพร้อม ซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ แทนที่จะหุนหันพลันแล่นเข้าร่วม FTA แบบเก่าดังเช่น CPTPP  “ในช่วงเวลาที่คนไทยกำลังหวาดผวากับวิกฤตโควิด-19 สิ่งที่รัฐบาลต้องทุ่มเทเวลาและให้ความสำคัญมากที่สุดคือการจัดหาวัคซีนมาให้กับประชาชน ไม่ใช่มัวเอาเวลาไปเร่งให้ประเทศเข้าร่วมความตกลง CPTPP เพื่อหาประโยชน์ให้กับต่างชาติ และที่น่ากังวลที่สุดคือ การที่ไทยจะเข้าร่วมความตกลง CPTPP ในห้วงการบริหารประเทศของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะผลงานการบริหารประเทศตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าล้มเหลวในทุกด้าน แล้วเช่นนี้จะให้ประชาชนวางใจได้อย่างไรว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะสามารถเตรียมความพร้อมทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุดจากการเข้าร่วมความตกลงฯ ฉบับนี้” นางสาวจิราพร กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ไฟไหม้โกดังพระราม 2 เหตุร้อนจัด สารเคมีติดไฟเอง

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสาเหตุไฟไหม้โกดังย่านพระราม 2 มาจากอากาศร้อนจัด ทำให้สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ติดไฟเอง เตือนสถานประกอบการให้แยกสารเคมีที่ติดไฟเองได้หรือสามารถทำปฏิกิริยาออกจากกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำ เพราะอากาศยังคงร้อนจัดต่อเนื่อง

ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย ปรับลดดอกเบี้ย MRR

นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME