รัฐสภา เห็นชอบ ลงคะแนนทางอิเล็กทรอนิกส์ “หมอชลน่าน” จี้ถามวิธีอื่นคืออะไร ต้องเขียนให้ชัด หวั่นเขียนกฎหมายตีเช็คเปล่าให้ กกต. ขณะที่ ส.ส.พลังประชารัฐไม่เห็นด้วยการออกเสียงออนไลน์
รัฐสภา วันนี้ ( 8 เม.ย. ) การประชุมรัฐสภาวันนี้ ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัยรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เปิดประชุมได้ในเวลา 10.30 น. จากกำหนดการณ์ที่จะต้องเปิดการประชุมในเวลา 9.30 น. เนื่องจากมีสมาชิกเข้าประชุมไม่ถึงองค์ประชุมตามที่กำหนด จากสมาชิกทั้งหมด 731 คน แต่เมื่อถึงเวลามีสมาชิกมาประชุมไม่ถึง 300 คน ทั้งนี้เมื่อการประชุมเริ่มขึ้น นายพรเพชร ได้แจ้งให้ที่ประชุมรัฐสภาได้รับทราบถึงคำสั่งศาลฎีกาให้นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา ทำให้ขณะนี้มีสมาชิกรัฐสภาทั้งสิ้น 731 คน โดยจะต้องมีองค์ประชุมตั้งแต่ 366 คนขึ้นไป
จากนั้นได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ในวาระที่ 2 รายมาตราต่อ โดยเริ่มพิจารณาต่อในมาตรา 42 ส่วนที่ 3-4 เกี่ยวกับวิธีการออกเสียงประชามติและการออกเสียงนอกราชอาณาจักร
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานกรรมาธิการได้ชี้แจงหลักการที่มีการเพิ่มรูปแบบการออกเสียงประชามติ เพื่อให้สอดรับกับการปฏิรูปประเทศ จากเดิมที่มีการออกเสียงวิธีเดียว โดยการกาบัตรออกเสียง ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงการออกเสียงประชามติได้มากขึ้น จึงได้เพิ่มวิธีการออกเสียงทั้งการออกเสียงทางไปรษณีย์ การออกเสียงโดยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ และการออกเสียงผ่านระบบออนไลน์ในอนาคต
นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายไม่เห็นด้วยที่กรรมาธิการฯกำหนดให้มีการออกเสียงทางเครื่องอิเล็กทรอนิกส์หรือการออกเสียงออนไลน์ เพราะมองว่า ไม่มีความจำเป็น เนื่องจากการกาบัตรมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว และเห็นว่าเป็นความพยายามออกกฎหมายให้มีความฟุ่มเฟือย จึงขอให้ตัดมาตราดังกล่าวออกไป
ขณะที่นายสุรชัย ชี้แจงว่า ที่ประชุมรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบหลักการการออกเสียงประชามติไว้แล้ว ในมาตรา 12 เมื่อวานนี้ (7เม.ย.) จำเป็นจะต้องกำหนดหลักเกณฑ์การทำประชามติในมาตราดังกล่าวให้ชัดเจน หากมีการยกเลิกหรือตัดออกก็จะเป็นการขัดต่อมติของที่ประชุมรัฐสภาเอง ซึ่งได้มีมติไปแล้ว
ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีมติเอกฉันท์ เห็นชอบกับมาตราดังกล่าวที่กรรมาธิการฯเพิ่มเข้ามาด้วยคะแนน 390 ต่อ 0 เสียง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายตั้งข้อสังเกตในมาตรา 42/6 เรื่องการลงคะแนนโดยวิธีอื่น ว่าขณะนี้วิธีการออกเสียงมีด้วยกัน 4 เรื่อง คือ 1.บัตรออกเสียง 2.เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ 3.ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และ4.วิธีอื่น จึงอยากสอบถามว่าวิธีอื่นมันคือวิธีอะไร และเจตนารมณ์เป็นอย่างไร และวิธีอื่นถ้าจะใช้คืออะไร อีกทั้งปัจจุบันการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็มีเพียงไม่กี่หน่วยเท่านั้นที่ใช้ มองว่าเป็นการบัญญัติกฎหมายที่เขียนเช็คเปล่าให้คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือไม่ เพราะบัตรออกเสียง ถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญทางกฎหมาย ซึ่งกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ฉบับปัจจุบัน ก็ระบุว่าการออกเสียงลงคะแนนให้กระทำโดยใช้บัตรเลือกตั้ง ดังนั้น วิธีอื่นคืออะไร ถ้ามีเหตุใดจึงไม่เขียน เขียนไปก็ไม่ได้ใช้ ไม่เกิดประโยชน์ ถ้าจะเขียนเพื่ออนาคตตนไม่เห็นด้วยเลย และมองไม่เห็นช่องทางด้วย
ขณะที่นายสุรชัย ชี้แจงว่า สำหรับโดยวิธีอื่น ขณะนี้ไม่ทราบว่าเป็นวิธีอะไร เพราะที่กำหนดอยู่ในกฎหมายฉบับนี้คือโดยใช้บัตร ไปรษณีย์ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ก็ยังต้องไปที่หน่วยออกเสียง เพียงแต่เปลี่ยนจากการกาบัตรมากดเครื่อง ส่วนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศนั้น ก็เป็นเรื่องอนาคตที่เรามองเห็นว่าน่าจะมาปรับใช้ เพียงแต่ยังมีข้อถกเถียงว่าตอบโจทย์เรื่องโดยตรงและลับหรือไม่ ดังนั้นต้องรอความพร้อมเทคโนโลยีก่อน ซึ่งเราคิดเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ส่วนวิธีอื่นนั้นเป็นวิธีที่เผื่ออนาคตที่ไกลออกไปอีก แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าวิธีอื่นคืออะไร แต่เพื่อให้สมกับเป็นกฎหมายปฏิรูป ซึ่งผู้ที่รับผิดชอบ คือ กกต.ก็ต้องปฏิรูปหน่วยงานเช่นกัน แต่ขอยืนยันว่าเราไม่ได้ตีเช็คเปล่าให้ กกต. จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบกับที่ กมธ.ปรับเพิ่ม มาตรา 42/6 ด้วยคะแนน 318 ต่อ 64 งดออกเสียง 7 ไม่ลงคะแนนเสียง 1