“ปชน.” ผิดหวังประชุมสภาแก้ รธน.ล่ม 2 วันติด

รัฐสภา 14 ก.พ.- พรรคประชาชน แถลงผิดหวังประชุมรัฐสภาแก้ รธน.ล่ม 2 วันติด เกิดจากปัญหาขัดแย้งเพื่อไทย-ภูมิใจไทย ไม่ใช่ข้อขัดแย้งทางกฎหมายที่ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ บอกไม่ได้รับความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาล ชี้ขาดเจตจำนงทางการเมือง-นิติรัฐ-ไม่เคารพเสียงประชาชน จี้นายกฯ ในฐานะผู้นำรัฐบาล แก้ไม่ได้ควรยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน


พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในรัฐสภา พร้อมด้วยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. ระบบบัญชีรายชื่อ นำ สส . แถลงข่าวภายหลังที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาล่ม องค์ประชุมไม่ครบ วาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช … (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1)

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าพรรคประชาชนรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะวาระการประชุมแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันนี้แทบจะเป็นด่านสุดท้ายที่คิดว่าสามารถเดินหน้าแก้ไข พอจะมีโอกาสได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันการเลือกตั้งปี 2570 พวกเราเชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้สามารถเดินอย่างตรงไปตรงมาได้ ไม่จำเป็นต้องเดินอ้อม เพราะพวกเราไม่เชื่อว่าการเดินอ้อมอย่างที่เป็นอยู่จะนำไปสู่ทางที่ประชาชนต้องการ


ช่วงระหว่างพักการประชุม วิปสองฝ่ายหารือร่วมกันโดยฝั่งรัฐบาลมีความกังวลเรื่องข้อกฎหมายที่อาจพัวพันถึงขั้นฟ้องร้อง ภายหลังประชุมพบว่าฝ่ายรัฐบาลยังเดินหน้าให้มีการนับองค์ประชุมจนนำไปสู่สภาฯ ล่ม แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าเราจะพยามเดินอ้อมอย่างไรก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ สิ่งที่พวกเราเชื่อว่าเป็นทางออกคือ การเดินหน้าตรง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ประเทศไทยยังขาดอยู่ 3 เรื่อง

1.การขาดเจตจำนงทางการเมือง พรรคเพื่อไทยควรพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างจริงจัง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญควรถูกเสนอเข้ามาเป็นร่างของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ใช่เสนอร่างของพรรคเพื่อไทยแค่ร่างเดียว จึงทำให้การประชุมทั้งสองวันต้องพบกับเหตุการณ์ที่เป็นอยู่คือ ไม่ได้รับเสียงสนับสนุน โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยระบุว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เคยเข้าหารือเรื่องนี้กับพรรคภูมิใจไทยเลย เหตุผลที่บอกว่าจำเป็นต้องเดินอ้อมเพื่อให้สภาฯ ล่ม เป็นเพียงข้ออ้างที่พรรคเพื่อไทยใช้อธิบายสถานการณ์เฉพาะหน้า เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นพรคเพื่อไทยไม่คิดว่าจะแพ้เสียงโหวตจาก สว.ตั้งรับไม่ทัน จึงต้องหาคำอธิบาย

2.การขาดความเป็นนิติรัฐ สมาชิกรัฐสภาให้ความเห็นว่า กังวลจะมีการยื่นร้องและมีผูกพันทางกฎหมาย เรื่องนี้ควรหารือแต่ไม่เปิดโอกาสให่หารอยากือในที่ประชุม ทั้งที่สภาฯ เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่สุด อยากชี้ให้สังคมเห็นว่าประเทศเราขาดความเป็นนิติรัฐ ไม่ได้ปกครองโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด แต่อยู่ภายใต้การปกครองของศาลรัฐธรรมนูญ กลายเป็นว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญใหญ่กว่ากฎหมายสูงสุดของประเทศ


สุดท้ายจะทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนก็ต้องวิ่งไปถามศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ระบบนิติรัฐของไทยในปัจจุบันมีปัญหา จำเป็นจะต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้

3.การไม่เคารพเสียงของประชาชน ทุกพรรคในช่วงหาเสียงเลือกตั้งมีข้อเสนอแบบเดียวกันคือ จะเร่งเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรคร่วมรัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ดังนั้นวิธีหาทางออกเรื่องนี้ นายกฯ ในฐานะผู้นำรัฐบาลมีความจริงจังเดินหน้าเรื่องนี้ นายกฯ มีอำนาจสูงสุดยุบสภา สามารถเจรจาคุยกับพรรร่วมรัฐบาล แสดงเจตจำนงที่ชัดเจน ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเคารพเสียงประชาชน ถ้าไม่สามารถผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกฯ มีอำนาจยุบสภาฯ เพื่อคืนสิทธิให้กับประชาชน

ด้านนายพริษฐ์ กล่าวว่าการจะบอกว่าพรรคใดจริงจังจริงใจกว่ากันในการแก้รัฐธรรมนูญ ประชาชนได้ตามอยู่ 1-2 ปีที่ผ่านมาจะตัดสินใจได้ พรรคประชาชนยืนยันว่าเราต้องการผลักดันแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพื่อให้เรามีระบบการเมืองที่ดีขึ้น ให้สภาฯ แก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างตรงจุดรวดเร็วขึ้น

ตนเองเข้าใจว่าการแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จ รัฐธรรมนูญกำหนดชัดเจนว่า จะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจาก สส.และเสียง 1 ใน 3 ของ สว. พรรคเพื่อไทยให้เหตุผลว่าอาจไม่ได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอ โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย และ สว.ที่หลายคนวิเคราะห์ว่ามีชุดความคิดคล้ายกับพรรคภูมิใจไทย โดยพรรคเพื่อไทยให้เหตุผลถึงสาเหตุที่พรรคภูมิใจไทย และ สว.กลุ่มนี้มีแนวโน้มลงมติไม่เห็นชอบ เพราะมีข้อกังวลข้อกฎหมาย จึงอยากชวนสังคมตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่ไม่ได้รับเสียงสนุนเป็นเพราะข้อกังวลทางกฎหมาย หรือความขัดแย้งทางการเมือง

“สาเหตุที่แท้จริงคือข้อกังวลทางกฎหมาย พรรคประชาชนยืนยันว่าสิ่งที่ รัฐสภาดำเนินการอยู่ไม่ได้ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 หากวันนี้เดินหน้าประชุมก็จะเป็นโอกาสดีที่จะได้ร่วมกันชี้แจงต่อสังคม และชี้แจงต่อ สว.ว่าทำไมร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชนไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เข้าใจว่าเป็นสิทธิของ สส.และ สว.ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่ในมุมพรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตว่า หากส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีอะไรรับประกันว่า เมื่อยื่นเรื่องตีความแล้วจะได้คำตอบที่ต้องการ เพราะมีการส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วถึง 2 ครั้งเมื่อปี 2564 และปี 2567 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัย เพราะบอกไว้ในคำวินิจฉัยปี 2564 ชัดเจนแล้ว” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวถึงสาเหตุที่ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย และ สว.ไม่ใช่ข้อกังวลทางกฎหมาย หรือความไม่ชัดเจนของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเพราะพรรคภูมิใจไทย และ สว.ไม่ลงมติเห็นชอบกับการส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าพรรคเพื่อไทยบอกว่า การมีความชัดเจน จะทำให้พรรคภูมิใจไทยและ สว.สนับสนุน แต่เหตุใดจึงไม่มาลงมติเห็นชอบเมื่อวานนี้เพื่อส่งเรื่อง นี่เป็นหลักฐานที่ประจักษ์และต้นตอที่ไม่ได้รับเสียงสนับสนุน ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลใหม่คือความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ยังมีร่าง พ.ร.บ.กลาโหม นิรโทษกรรม เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพลกซ์ การขึ้นค่าแรง และกัญชา และคอลเซ็นเตอร์

“ดังนั้นการจะแก้ปัญหาทางการเมือง ทางออกไม่ได้อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่นายกฯ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารและหัวหน้ารัฐบาลผสม ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างของพรรคร่วมรัฐบาลให้ประสบความสำเร็จได้ แต่ถ้านายกฯ ไม่สามารถเป็นเจ้าภาพและแก้ปัญหาความเห็นแตกต่างระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลได้ ก็ไม่สามารถใช้อำนาจนายกฯ เพื่อบรรลุเป้าหมายได้ ควรจะคืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชน และยุบสภา” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยฝากถามว่า ถ้าไม่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ พรรคประชาชนจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญอย่างไร นายณัฐพงษ์ ยืนยันคำเดิมว่า คำชี้แจงของพรรคเพื่อไทยเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยไม่ได้คาดคิดว่าจะแพ้ญัตติส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นถ้าพรรคเพื่อไทยมีเจตจำนงผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง ต้องเจรจากับพรรคร่วมกับรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย รวมถึงเสนอร่างนี้เข้าเป็นร่างของ ครม.ตั้งแต่แรก

“เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงรอยร้าว ความไม่ลงรอยระหว่างพรรครัฐบาลด้วยกันเอง ดังนั้นการแก้ไขเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเทคนิคหรือข้อกฎหมาย แต่เป็นเรื่องทางการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง นายกฯ ต้องแก้ไขสถานการณ์เรื่องนี้” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่าสถานการณ์ขณะนี้สุกงอมถึงขั้นยุบสภาใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าถ้าทุกพรรคมีจุดยืนชัดเจนเคารพเสียงประชาชน และเป็นนโยบายที่ทุกพรรคแถลงร่วมกันต่อรัฐสภา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารไม่สามารถผลักดันนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาได้ ไม่สามารถควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล มีกลไกเดียวที่ใช้ควบคุมพรรคร่วมรัฐบาลได้ ก็คือ ยุบสภา

นายพริษฐ์ กล่าวเสริมถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยฝากมาว่าเราเห็นถึงเหตุผลและความจำเป็นในการยุติการประชุม ถ้ากังวลว่าหากมีการเข้าญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พอมีการลงมติแล้วเสียงสนับสนุนจะไม่เพียงพอก็ไม่เป็นประเด็น เพราะเราสามารถเดินหน้าอภิปรายต่อได้ เราชี้แจงผ่านกลไกของวิปไปแล้วว่าหากมีความกังวลใจก็หารือเพื่อเลื่อนการลงมติได้

ตนเองเห็นด้วยกับนายณัฐพงษ์ ในเมื่อการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นนโยบายของรัฐบาล เราควรจะเห็นบทบาทของนายกฯ ที่ประสานความเห็นต่าง เมื่อไม่มีร่าง ครม.เข้ามาก็ถือการเปิดช่องให้พรรคร่วมรัฐบาลลงมติแบบไม่เป็นเอกภาพ กรณีที่นายอนุทินได้พูดไว้ว่านายกฯ ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเลย ซึ่งแตกต่างไปจากที่นายกฯ บอกว่าได้คุยกันแล้ว จึงฝากกลับไปถามว่าสรุปแล้วใครพูดจริง

เราไม่เห็นความจำเป็นในการส่งศาลรัฐธรรมนูญ หากเมื่อวานพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมประชุมและลงมติเห็นชอบไปยังศาลธรรมนูญก็จะส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ หากพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยต้องการในการแก้ แก้รัฐธรรมนูญคือความชัดเจนของคำวินิจฉัยศาล ก็เชิญชวนให้พรรคภูมิใจไทยมาลงมติ

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่จะต้องชะลอการแก้รัฐธรรมนูญออกไปก่อน เพราะพวกเราได้ศึกษามาอย่างดีแล้ว คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ปี 2567 ระบุว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีหน้าที่ในการพิจารณาข้อสงสัย แต่มีหน้าที่ปัญหาการวินิจฉัยการทำหน้าที่ของรัฐสภาที่เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงต้องมีการลงมติก่อน หากดูเหตุและผลที่ได้กล่าวไป จึงไม่มีเหตุผลในการชะลอไปก่อน.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

รวบพระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกดับ

นครราชสีมา 30 พ.ค. – รวบแล้ว พระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกเสียชีวิต และล่วงละเมิดลูกเลี้ยงผู้หญิงคนเล็กอายุ 11 ขวบ เจ้าตัวยังปากแข็ง แต่จำนนด้วยหลักฐาน ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา บุกรวบตัว นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเก “ลักยิ้มทับทิมสยาม” ได้คาบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยขณะนี้คุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.เมืองนครราชสีมา ขณะจับกุมตัวผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” และ “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” ขณะนี้กำลังเค้นสอบปากคำ เนื่องจากผู้ต้องหายังปากแข็ง แต่จำนวนด้วยหลักฐาน ก่อนเตรียมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คาดว่าเป็นช่วงบ่ายวันนี้ คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.หมิว อายุ 46 ปี นางเอกลิเก พาลูกสาวอายุ 11 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังลูกชายคนโต อายุ 18 ปี ซึ่งป่วยออทิสติก […]

“สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 หมอ คดีชั้น 14

สธ. 29 พ.ค. – “สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เผย “สมศักดิ์” สภานายกพิเศษ ส่งคำตอบให้มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 แพทย์ กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจเมื่อวานนี้ ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ให้ใช้คำว่าเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ได้ยื่นรายงานความเห็นจากคณะกรรมการฯ ต่อมติแพทยสภาให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) สภานายกพิเศษฯ ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังแพทยสภาแล้ว เมื่อเวลา 16.00 น. โดยที่ตนเองก็ยังไม่ทราบว่า มีเนื้อหาบ้าง แต่ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ขอให้ใช้คำว่ามีส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เบื้องต้นเป็นความส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภา ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 […]

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]

ข่าวแนะนำ

ภูมิต้านภัย : จับตาทุจริตงบซ่อม ฮ.ตำรวจ

กรุงเทพฯ 31 พ.ค. – คอลัมน์ “ภูมิต้านภัย” ตรวจสอบหาสาเหตุเฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตก 2 เหตุการณ์ในรอบ 1 เดือน หลังถูกตั้งข้อสังเกตถึงการนำ ฮ.ที่เสีย มาตั้งงบซ่อมแบบไม่ได้มาตรฐาน ทำให้นักบินต้องเสี่ยงชีวิตทุกครั้งที่ยก ฮ.ขึ้นน่านฟ้า. – สำนักข่าวไทย

นายกฯ บอกวันนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ลั่นปรับ ครม. อะไรก็เกิดขึ้นได้

รัฐสภา 31 พ.ค.-นายกฯ บอกวันนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ลั่นปรับ ครม. อะไรก็เกิดขึ้นได้ ส่วนโยกกระทรวงให้ถาม “ทักษิณ” คนพูด ปมดึง มท. มาดูเอง ย้ำครอบงำไม่ได้ แต่พ่อให้คำปรึกษา ลูกรับไว้พิจารณา เผยยกหูหากลางห้องประชุมแล้ว นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ว่า วันนี้ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไร ถ้าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไร หากเป็นรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเดี๋ยวตนจะคุยเอง เห็นเป็นกระแสข่าวออกไปหลายอย่างมาก ทำให้รัฐมนตรีทุกคนรู้สึกหวั่นไหวและท้อใจ ซึ่งตนไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ซึ่งตนพยายามสื่อสารในพรรคเพื่อไทยว่าอย่างไรเดี๋ยวจะคุยเอง ส่วนคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้บั่นทอนจิตใจพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่ เมื่อสักครู่ก็นั่งอยู่ข้างๆ กันไม่ได้มีอะไร ไม่มีใครถามถึงเรื่องนี้เลย เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยทำงานไม่ดีจริงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นั่นเป็นความคิดเห็นของนายทักษิณ แต่ตนยังไม่ได้ประเมินอะไร เดี๋ยวก็รอดู ส่วนมีการพูดคุยกับนายทักษิณ หรือไม่ว่าเหตุใดจึงให้สัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า คุยกันทุกวัน หากถ่ายรูปมา เมื่อสักครู่ได้ตนก็คุยโทรศัพท์กับคุณพ่อ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าตอนนี้ถูกมองว่าเป็นการครอบงำพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรี […]

สภาผ่านฉลุย รับหลักการงบฯ 69 นายกฯ เชื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย

รัฐสภา 31 พ.ค.-สภาผ่านฉลุย รับหลักการงบฯ 69 วาระแรก เสียงท่วม 322 เสียง ตั้ง กมธ. 73 คน พบ “อนุดิษฐ์” โผล่เป็น กมธ.โควตารัฐบาล ด้านนายกฯ ขอบคุณสภาฯ ยันรัฐบาลจัดลำดับความสำคัญงบฯ ตามสถานการณ์ เชื่องบประมาณที่เสนอไปจะยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยทุกคน ตั้งใจใช้เป็นเครื่องมือสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันสุดท้ายของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม โดยหลังจากใช้เวลากว่า 3 วัน รวม 41 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ด้วยคะแนน 322 ต่อ 158 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง และตั้งคณะกรรมาธิการ จำนวน 73 คน ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่า มีชื่อ […]

โฆษก ทบ. ยันสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยังไม่ถึงขั้นต้องปิดด่าน

กองทัพบก 31 พ.ค.-โฆษก ทบ. ยืนยันสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่ถึงขั้นต้องปิดด่าน แต่ยอมรับว่า แนวทางการปิดด่านเป็นแผนส่วนหนึ่งที่หน่วยงานระดับพื้นที่อาจพิจารณาใช้ เพื่อดูแลความมั่นคงและความปลอดภัยประชาชน พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงกรณีกระแสข่าวการพิจารณาปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาบางจุดว่า ปกติจะเป็นส่วนหนึ่งของแผน สำหรับใช้ในการบริหารจัดการต่อสถานการณ์ ที่อาจส่งผลกระทบความมั่นคง และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ของหน่วยงานในระดับพื้นที่ปัจจุบัน ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การปิดด่านจะดำเนินการต่อเมื่อมีความจำเป็นจริง โดยในอดีตจะดำเนินการเฉพาะต่อเมื่อสถานการณ์ในพื้นที่นั้นๆ มีปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในระดับที่น่ากังวลสูง โดยเฉพาะข่าวสารที่น่าเชื่อว่าจะมีการใช้อาวุธระยะไกล ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชน สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน หากพิจารณาในภาพรวม ส่วนใหญ่มีความเรียบร้อย มีเพียงบางจุดบางพื้นที่เท่านั้นที่อาจมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดความน่ากังวลมากนัก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้อาศัยกลไกที่มีอยู่ในระดับพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน ภายใต้กรอบข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายได้ยึดถือกันอยู่อย่างเคร่งครัด.-313.-สำนักข่าวไทย