“ปชน.” ผิดหวังประชุมสภาแก้ รธน.ล่ม 2 วันติด

รัฐสภา 14 ก.พ.- พรรคประชาชน แถลงผิดหวังประชุมรัฐสภาแก้ รธน.ล่ม 2 วันติด เกิดจากปัญหาขัดแย้งเพื่อไทย-ภูมิใจไทย ไม่ใช่ข้อขัดแย้งทางกฎหมายที่ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ บอกไม่ได้รับความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาล ชี้ขาดเจตจำนงทางการเมือง-นิติรัฐ-ไม่เคารพเสียงประชาชน จี้นายกฯ ในฐานะผู้นำรัฐบาล แก้ไม่ได้ควรยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน


พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในรัฐสภา พร้อมด้วยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. ระบบบัญชีรายชื่อ นำ สส . แถลงข่าวภายหลังที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาล่ม องค์ประชุมไม่ครบ วาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช … (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1)

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าพรรคประชาชนรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะวาระการประชุมแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันนี้แทบจะเป็นด่านสุดท้ายที่คิดว่าสามารถเดินหน้าแก้ไข พอจะมีโอกาสได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันการเลือกตั้งปี 2570 พวกเราเชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้สามารถเดินอย่างตรงไปตรงมาได้ ไม่จำเป็นต้องเดินอ้อม เพราะพวกเราไม่เชื่อว่าการเดินอ้อมอย่างที่เป็นอยู่จะนำไปสู่ทางที่ประชาชนต้องการ


ช่วงระหว่างพักการประชุม วิปสองฝ่ายหารือร่วมกันโดยฝั่งรัฐบาลมีความกังวลเรื่องข้อกฎหมายที่อาจพัวพันถึงขั้นฟ้องร้อง ภายหลังประชุมพบว่าฝ่ายรัฐบาลยังเดินหน้าให้มีการนับองค์ประชุมจนนำไปสู่สภาฯ ล่ม แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าเราจะพยามเดินอ้อมอย่างไรก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ สิ่งที่พวกเราเชื่อว่าเป็นทางออกคือ การเดินหน้าตรง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ประเทศไทยยังขาดอยู่ 3 เรื่อง

1.การขาดเจตจำนงทางการเมือง พรรคเพื่อไทยควรพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างจริงจัง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญควรถูกเสนอเข้ามาเป็นร่างของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ใช่เสนอร่างของพรรคเพื่อไทยแค่ร่างเดียว จึงทำให้การประชุมทั้งสองวันต้องพบกับเหตุการณ์ที่เป็นอยู่คือ ไม่ได้รับเสียงสนับสนุน โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยระบุว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เคยเข้าหารือเรื่องนี้กับพรรคภูมิใจไทยเลย เหตุผลที่บอกว่าจำเป็นต้องเดินอ้อมเพื่อให้สภาฯ ล่ม เป็นเพียงข้ออ้างที่พรรคเพื่อไทยใช้อธิบายสถานการณ์เฉพาะหน้า เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นพรคเพื่อไทยไม่คิดว่าจะแพ้เสียงโหวตจาก สว.ตั้งรับไม่ทัน จึงต้องหาคำอธิบาย

2.การขาดความเป็นนิติรัฐ สมาชิกรัฐสภาให้ความเห็นว่า กังวลจะมีการยื่นร้องและมีผูกพันทางกฎหมาย เรื่องนี้ควรหารือแต่ไม่เปิดโอกาสให่หารอยากือในที่ประชุม ทั้งที่สภาฯ เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่สุด อยากชี้ให้สังคมเห็นว่าประเทศเราขาดความเป็นนิติรัฐ ไม่ได้ปกครองโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด แต่อยู่ภายใต้การปกครองของศาลรัฐธรรมนูญ กลายเป็นว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญใหญ่กว่ากฎหมายสูงสุดของประเทศ


สุดท้ายจะทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนก็ต้องวิ่งไปถามศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ระบบนิติรัฐของไทยในปัจจุบันมีปัญหา จำเป็นจะต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้

3.การไม่เคารพเสียงของประชาชน ทุกพรรคในช่วงหาเสียงเลือกตั้งมีข้อเสนอแบบเดียวกันคือ จะเร่งเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรคร่วมรัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ดังนั้นวิธีหาทางออกเรื่องนี้ นายกฯ ในฐานะผู้นำรัฐบาลมีความจริงจังเดินหน้าเรื่องนี้ นายกฯ มีอำนาจสูงสุดยุบสภา สามารถเจรจาคุยกับพรรร่วมรัฐบาล แสดงเจตจำนงที่ชัดเจน ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเคารพเสียงประชาชน ถ้าไม่สามารถผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกฯ มีอำนาจยุบสภาฯ เพื่อคืนสิทธิให้กับประชาชน

ด้านนายพริษฐ์ กล่าวว่าการจะบอกว่าพรรคใดจริงจังจริงใจกว่ากันในการแก้รัฐธรรมนูญ ประชาชนได้ตามอยู่ 1-2 ปีที่ผ่านมาจะตัดสินใจได้ พรรคประชาชนยืนยันว่าเราต้องการผลักดันแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพื่อให้เรามีระบบการเมืองที่ดีขึ้น ให้สภาฯ แก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างตรงจุดรวดเร็วขึ้น

ตนเองเข้าใจว่าการแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จ รัฐธรรมนูญกำหนดชัดเจนว่า จะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจาก สส.และเสียง 1 ใน 3 ของ สว. พรรคเพื่อไทยให้เหตุผลว่าอาจไม่ได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอ โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย และ สว.ที่หลายคนวิเคราะห์ว่ามีชุดความคิดคล้ายกับพรรคภูมิใจไทย โดยพรรคเพื่อไทยให้เหตุผลถึงสาเหตุที่พรรคภูมิใจไทย และ สว.กลุ่มนี้มีแนวโน้มลงมติไม่เห็นชอบ เพราะมีข้อกังวลข้อกฎหมาย จึงอยากชวนสังคมตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่ไม่ได้รับเสียงสนุนเป็นเพราะข้อกังวลทางกฎหมาย หรือความขัดแย้งทางการเมือง

“สาเหตุที่แท้จริงคือข้อกังวลทางกฎหมาย พรรคประชาชนยืนยันว่าสิ่งที่ รัฐสภาดำเนินการอยู่ไม่ได้ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 หากวันนี้เดินหน้าประชุมก็จะเป็นโอกาสดีที่จะได้ร่วมกันชี้แจงต่อสังคม และชี้แจงต่อ สว.ว่าทำไมร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชนไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เข้าใจว่าเป็นสิทธิของ สส.และ สว.ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่ในมุมพรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตว่า หากส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีอะไรรับประกันว่า เมื่อยื่นเรื่องตีความแล้วจะได้คำตอบที่ต้องการ เพราะมีการส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วถึง 2 ครั้งเมื่อปี 2564 และปี 2567 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัย เพราะบอกไว้ในคำวินิจฉัยปี 2564 ชัดเจนแล้ว” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวถึงสาเหตุที่ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย และ สว.ไม่ใช่ข้อกังวลทางกฎหมาย หรือความไม่ชัดเจนของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเพราะพรรคภูมิใจไทย และ สว.ไม่ลงมติเห็นชอบกับการส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าพรรคเพื่อไทยบอกว่า การมีความชัดเจน จะทำให้พรรคภูมิใจไทยและ สว.สนับสนุน แต่เหตุใดจึงไม่มาลงมติเห็นชอบเมื่อวานนี้เพื่อส่งเรื่อง นี่เป็นหลักฐานที่ประจักษ์และต้นตอที่ไม่ได้รับเสียงสนับสนุน ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลใหม่คือความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ยังมีร่าง พ.ร.บ.กลาโหม นิรโทษกรรม เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพลกซ์ การขึ้นค่าแรง และกัญชา และคอลเซ็นเตอร์

“ดังนั้นการจะแก้ปัญหาทางการเมือง ทางออกไม่ได้อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่นายกฯ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารและหัวหน้ารัฐบาลผสม ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างของพรรคร่วมรัฐบาลให้ประสบความสำเร็จได้ แต่ถ้านายกฯ ไม่สามารถเป็นเจ้าภาพและแก้ปัญหาความเห็นแตกต่างระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลได้ ก็ไม่สามารถใช้อำนาจนายกฯ เพื่อบรรลุเป้าหมายได้ ควรจะคืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชน และยุบสภา” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยฝากถามว่า ถ้าไม่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ พรรคประชาชนจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญอย่างไร นายณัฐพงษ์ ยืนยันคำเดิมว่า คำชี้แจงของพรรคเพื่อไทยเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยไม่ได้คาดคิดว่าจะแพ้ญัตติส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นถ้าพรรคเพื่อไทยมีเจตจำนงผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง ต้องเจรจากับพรรคร่วมกับรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย รวมถึงเสนอร่างนี้เข้าเป็นร่างของ ครม.ตั้งแต่แรก

“เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงรอยร้าว ความไม่ลงรอยระหว่างพรรครัฐบาลด้วยกันเอง ดังนั้นการแก้ไขเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเทคนิคหรือข้อกฎหมาย แต่เป็นเรื่องทางการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง นายกฯ ต้องแก้ไขสถานการณ์เรื่องนี้” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่าสถานการณ์ขณะนี้สุกงอมถึงขั้นยุบสภาใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าถ้าทุกพรรคมีจุดยืนชัดเจนเคารพเสียงประชาชน และเป็นนโยบายที่ทุกพรรคแถลงร่วมกันต่อรัฐสภา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารไม่สามารถผลักดันนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาได้ ไม่สามารถควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล มีกลไกเดียวที่ใช้ควบคุมพรรคร่วมรัฐบาลได้ ก็คือ ยุบสภา

นายพริษฐ์ กล่าวเสริมถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยฝากมาว่าเราเห็นถึงเหตุผลและความจำเป็นในการยุติการประชุม ถ้ากังวลว่าหากมีการเข้าญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พอมีการลงมติแล้วเสียงสนับสนุนจะไม่เพียงพอก็ไม่เป็นประเด็น เพราะเราสามารถเดินหน้าอภิปรายต่อได้ เราชี้แจงผ่านกลไกของวิปไปแล้วว่าหากมีความกังวลใจก็หารือเพื่อเลื่อนการลงมติได้

ตนเองเห็นด้วยกับนายณัฐพงษ์ ในเมื่อการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นนโยบายของรัฐบาล เราควรจะเห็นบทบาทของนายกฯ ที่ประสานความเห็นต่าง เมื่อไม่มีร่าง ครม.เข้ามาก็ถือการเปิดช่องให้พรรคร่วมรัฐบาลลงมติแบบไม่เป็นเอกภาพ กรณีที่นายอนุทินได้พูดไว้ว่านายกฯ ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเลย ซึ่งแตกต่างไปจากที่นายกฯ บอกว่าได้คุยกันแล้ว จึงฝากกลับไปถามว่าสรุปแล้วใครพูดจริง

เราไม่เห็นความจำเป็นในการส่งศาลรัฐธรรมนูญ หากเมื่อวานพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมประชุมและลงมติเห็นชอบไปยังศาลธรรมนูญก็จะส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ หากพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยต้องการในการแก้ แก้รัฐธรรมนูญคือความชัดเจนของคำวินิจฉัยศาล ก็เชิญชวนให้พรรคภูมิใจไทยมาลงมติ

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่จะต้องชะลอการแก้รัฐธรรมนูญออกไปก่อน เพราะพวกเราได้ศึกษามาอย่างดีแล้ว คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ปี 2567 ระบุว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีหน้าที่ในการพิจารณาข้อสงสัย แต่มีหน้าที่ปัญหาการวินิจฉัยการทำหน้าที่ของรัฐสภาที่เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงต้องมีการลงมติก่อน หากดูเหตุและผลที่ได้กล่าวไป จึงไม่มีเหตุผลในการชะลอไปก่อน.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กัมพูชา ทำหนังสือส่งถึงไทย ปฏิเสธวางกับระเบิดช่องบก

กัมพูชา 19 ก.ค.-กัมพูชาทำหนังสือส่งถึงไทย ปฏิเสธวางกับระเบิดช่องบก ลั่นยึดมั่นอนุสัญญาออตตาวา ประณามคัดค้าน การผลิต และแสดงความเสียใจผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมผลักดันสู่กระบวนการพิสูจน์ เพื่อรักษามิตรภาพ ความปลอดภัย ไม่กล่าวหาซึ่งกัน เมื่อวันที่ 19 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้ทำหนังสือ ถึงทางการไทย เรื่อง การปฏิเสธต่อการนําเสนอของสื่อมวลชนไทยจำนวนหนึ่ง กรณีทหารไทย 3 นาย ได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก) สำานักงานปฏิบัติการทุ่นระเบิคและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (สํานักงานทุ่นระเบิด) ขอแจ้งว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีสื่อมวลชนไทยจํานวนหนึ่งได้อ้างอิงแหล่งข้อมูลจากข้าราชการระดับสูงของไทย และเผยแพร่เกี่ยวกับทหารไทย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากระเบิด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 บริเวณพิกัด WA 220861 (ยืนยันโดยฝ่ายไทย) อยู่ในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก) การเผยแพร่ดังกล่าว มีเจตนา กล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริงและไม่มีการตรวจสอบที่ชัดเจนว่ากัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ ในการนี้สํานักงานทุ่นระเบิด ขอชี้แจงดังนี้ 1.สํานักงานทุ่นระเบิดขอปฏิเสธและปัดตกทั้งหมดต่อเนื้อหาข่าวที่เผยแพร่โดยมีเจตนากล่าวหาว่า กัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ 2.กัมพูชา […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก

กทม. 19 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 5 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม 2568) ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้ วันที่ 19 กรกฎาคม 2568ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสระบุรีภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราดภาคใต้: จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี […]

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย