“ปชน.” ผิดหวังประชุมสภาแก้ รธน.ล่ม 2 วันติด

รัฐสภา 14 ก.พ.- พรรคประชาชน แถลงผิดหวังประชุมรัฐสภาแก้ รธน.ล่ม 2 วันติด เกิดจากปัญหาขัดแย้งเพื่อไทย-ภูมิใจไทย ไม่ใช่ข้อขัดแย้งทางกฎหมายที่ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ บอกไม่ได้รับความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาล ชี้ขาดเจตจำนงทางการเมือง-นิติรัฐ-ไม่เคารพเสียงประชาชน จี้นายกฯ ในฐานะผู้นำรัฐบาล แก้ไม่ได้ควรยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน


พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในรัฐสภา พร้อมด้วยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. ระบบบัญชีรายชื่อ นำ สส . แถลงข่าวภายหลังที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาล่ม องค์ประชุมไม่ครบ วาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช … (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1)

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าพรรคประชาชนรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะวาระการประชุมแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันนี้แทบจะเป็นด่านสุดท้ายที่คิดว่าสามารถเดินหน้าแก้ไข พอจะมีโอกาสได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันการเลือกตั้งปี 2570 พวกเราเชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้สามารถเดินอย่างตรงไปตรงมาได้ ไม่จำเป็นต้องเดินอ้อม เพราะพวกเราไม่เชื่อว่าการเดินอ้อมอย่างที่เป็นอยู่จะนำไปสู่ทางที่ประชาชนต้องการ


ช่วงระหว่างพักการประชุม วิปสองฝ่ายหารือร่วมกันโดยฝั่งรัฐบาลมีความกังวลเรื่องข้อกฎหมายที่อาจพัวพันถึงขั้นฟ้องร้อง ภายหลังประชุมพบว่าฝ่ายรัฐบาลยังเดินหน้าให้มีการนับองค์ประชุมจนนำไปสู่สภาฯ ล่ม แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าเราจะพยามเดินอ้อมอย่างไรก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ สิ่งที่พวกเราเชื่อว่าเป็นทางออกคือ การเดินหน้าตรง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ประเทศไทยยังขาดอยู่ 3 เรื่อง

1.การขาดเจตจำนงทางการเมือง พรรคเพื่อไทยควรพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างจริงจัง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญควรถูกเสนอเข้ามาเป็นร่างของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ใช่เสนอร่างของพรรคเพื่อไทยแค่ร่างเดียว จึงทำให้การประชุมทั้งสองวันต้องพบกับเหตุการณ์ที่เป็นอยู่คือ ไม่ได้รับเสียงสนับสนุน โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยระบุว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เคยเข้าหารือเรื่องนี้กับพรรคภูมิใจไทยเลย เหตุผลที่บอกว่าจำเป็นต้องเดินอ้อมเพื่อให้สภาฯ ล่ม เป็นเพียงข้ออ้างที่พรรคเพื่อไทยใช้อธิบายสถานการณ์เฉพาะหน้า เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นพรคเพื่อไทยไม่คิดว่าจะแพ้เสียงโหวตจาก สว.ตั้งรับไม่ทัน จึงต้องหาคำอธิบาย

2.การขาดความเป็นนิติรัฐ สมาชิกรัฐสภาให้ความเห็นว่า กังวลจะมีการยื่นร้องและมีผูกพันทางกฎหมาย เรื่องนี้ควรหารือแต่ไม่เปิดโอกาสให่หารอยากือในที่ประชุม ทั้งที่สภาฯ เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่สุด อยากชี้ให้สังคมเห็นว่าประเทศเราขาดความเป็นนิติรัฐ ไม่ได้ปกครองโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด แต่อยู่ภายใต้การปกครองของศาลรัฐธรรมนูญ กลายเป็นว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญใหญ่กว่ากฎหมายสูงสุดของประเทศ


สุดท้ายจะทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนก็ต้องวิ่งไปถามศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ระบบนิติรัฐของไทยในปัจจุบันมีปัญหา จำเป็นจะต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้

3.การไม่เคารพเสียงของประชาชน ทุกพรรคในช่วงหาเสียงเลือกตั้งมีข้อเสนอแบบเดียวกันคือ จะเร่งเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรคร่วมรัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ดังนั้นวิธีหาทางออกเรื่องนี้ นายกฯ ในฐานะผู้นำรัฐบาลมีความจริงจังเดินหน้าเรื่องนี้ นายกฯ มีอำนาจสูงสุดยุบสภา สามารถเจรจาคุยกับพรรร่วมรัฐบาล แสดงเจตจำนงที่ชัดเจน ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเคารพเสียงประชาชน ถ้าไม่สามารถผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกฯ มีอำนาจยุบสภาฯ เพื่อคืนสิทธิให้กับประชาชน

ด้านนายพริษฐ์ กล่าวว่าการจะบอกว่าพรรคใดจริงจังจริงใจกว่ากันในการแก้รัฐธรรมนูญ ประชาชนได้ตามอยู่ 1-2 ปีที่ผ่านมาจะตัดสินใจได้ พรรคประชาชนยืนยันว่าเราต้องการผลักดันแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพื่อให้เรามีระบบการเมืองที่ดีขึ้น ให้สภาฯ แก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างตรงจุดรวดเร็วขึ้น

ตนเองเข้าใจว่าการแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จ รัฐธรรมนูญกำหนดชัดเจนว่า จะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจาก สส.และเสียง 1 ใน 3 ของ สว. พรรคเพื่อไทยให้เหตุผลว่าอาจไม่ได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอ โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย และ สว.ที่หลายคนวิเคราะห์ว่ามีชุดความคิดคล้ายกับพรรคภูมิใจไทย โดยพรรคเพื่อไทยให้เหตุผลถึงสาเหตุที่พรรคภูมิใจไทย และ สว.กลุ่มนี้มีแนวโน้มลงมติไม่เห็นชอบ เพราะมีข้อกังวลข้อกฎหมาย จึงอยากชวนสังคมตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่ไม่ได้รับเสียงสนุนเป็นเพราะข้อกังวลทางกฎหมาย หรือความขัดแย้งทางการเมือง

“สาเหตุที่แท้จริงคือข้อกังวลทางกฎหมาย พรรคประชาชนยืนยันว่าสิ่งที่ รัฐสภาดำเนินการอยู่ไม่ได้ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 หากวันนี้เดินหน้าประชุมก็จะเป็นโอกาสดีที่จะได้ร่วมกันชี้แจงต่อสังคม และชี้แจงต่อ สว.ว่าทำไมร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชนไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เข้าใจว่าเป็นสิทธิของ สส.และ สว.ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่ในมุมพรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตว่า หากส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีอะไรรับประกันว่า เมื่อยื่นเรื่องตีความแล้วจะได้คำตอบที่ต้องการ เพราะมีการส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วถึง 2 ครั้งเมื่อปี 2564 และปี 2567 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัย เพราะบอกไว้ในคำวินิจฉัยปี 2564 ชัดเจนแล้ว” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวถึงสาเหตุที่ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย และ สว.ไม่ใช่ข้อกังวลทางกฎหมาย หรือความไม่ชัดเจนของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเพราะพรรคภูมิใจไทย และ สว.ไม่ลงมติเห็นชอบกับการส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าพรรคเพื่อไทยบอกว่า การมีความชัดเจน จะทำให้พรรคภูมิใจไทยและ สว.สนับสนุน แต่เหตุใดจึงไม่มาลงมติเห็นชอบเมื่อวานนี้เพื่อส่งเรื่อง นี่เป็นหลักฐานที่ประจักษ์และต้นตอที่ไม่ได้รับเสียงสนับสนุน ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลใหม่คือความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ยังมีร่าง พ.ร.บ.กลาโหม นิรโทษกรรม เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพลกซ์ การขึ้นค่าแรง และกัญชา และคอลเซ็นเตอร์

“ดังนั้นการจะแก้ปัญหาทางการเมือง ทางออกไม่ได้อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่นายกฯ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารและหัวหน้ารัฐบาลผสม ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างของพรรคร่วมรัฐบาลให้ประสบความสำเร็จได้ แต่ถ้านายกฯ ไม่สามารถเป็นเจ้าภาพและแก้ปัญหาความเห็นแตกต่างระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลได้ ก็ไม่สามารถใช้อำนาจนายกฯ เพื่อบรรลุเป้าหมายได้ ควรจะคืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชน และยุบสภา” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยฝากถามว่า ถ้าไม่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ พรรคประชาชนจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญอย่างไร นายณัฐพงษ์ ยืนยันคำเดิมว่า คำชี้แจงของพรรคเพื่อไทยเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยไม่ได้คาดคิดว่าจะแพ้ญัตติส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นถ้าพรรคเพื่อไทยมีเจตจำนงผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง ต้องเจรจากับพรรคร่วมกับรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย รวมถึงเสนอร่างนี้เข้าเป็นร่างของ ครม.ตั้งแต่แรก

“เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงรอยร้าว ความไม่ลงรอยระหว่างพรรครัฐบาลด้วยกันเอง ดังนั้นการแก้ไขเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเทคนิคหรือข้อกฎหมาย แต่เป็นเรื่องทางการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง นายกฯ ต้องแก้ไขสถานการณ์เรื่องนี้” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่าสถานการณ์ขณะนี้สุกงอมถึงขั้นยุบสภาใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าถ้าทุกพรรคมีจุดยืนชัดเจนเคารพเสียงประชาชน และเป็นนโยบายที่ทุกพรรคแถลงร่วมกันต่อรัฐสภา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารไม่สามารถผลักดันนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาได้ ไม่สามารถควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล มีกลไกเดียวที่ใช้ควบคุมพรรคร่วมรัฐบาลได้ ก็คือ ยุบสภา

นายพริษฐ์ กล่าวเสริมถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยฝากมาว่าเราเห็นถึงเหตุผลและความจำเป็นในการยุติการประชุม ถ้ากังวลว่าหากมีการเข้าญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พอมีการลงมติแล้วเสียงสนับสนุนจะไม่เพียงพอก็ไม่เป็นประเด็น เพราะเราสามารถเดินหน้าอภิปรายต่อได้ เราชี้แจงผ่านกลไกของวิปไปแล้วว่าหากมีความกังวลใจก็หารือเพื่อเลื่อนการลงมติได้

ตนเองเห็นด้วยกับนายณัฐพงษ์ ในเมื่อการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นนโยบายของรัฐบาล เราควรจะเห็นบทบาทของนายกฯ ที่ประสานความเห็นต่าง เมื่อไม่มีร่าง ครม.เข้ามาก็ถือการเปิดช่องให้พรรคร่วมรัฐบาลลงมติแบบไม่เป็นเอกภาพ กรณีที่นายอนุทินได้พูดไว้ว่านายกฯ ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเลย ซึ่งแตกต่างไปจากที่นายกฯ บอกว่าได้คุยกันแล้ว จึงฝากกลับไปถามว่าสรุปแล้วใครพูดจริง

เราไม่เห็นความจำเป็นในการส่งศาลรัฐธรรมนูญ หากเมื่อวานพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมประชุมและลงมติเห็นชอบไปยังศาลธรรมนูญก็จะส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ หากพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยต้องการในการแก้ แก้รัฐธรรมนูญคือความชัดเจนของคำวินิจฉัยศาล ก็เชิญชวนให้พรรคภูมิใจไทยมาลงมติ

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่จะต้องชะลอการแก้รัฐธรรมนูญออกไปก่อน เพราะพวกเราได้ศึกษามาอย่างดีแล้ว คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ปี 2567 ระบุว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีหน้าที่ในการพิจารณาข้อสงสัย แต่มีหน้าที่ปัญหาการวินิจฉัยการทำหน้าที่ของรัฐสภาที่เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงต้องมีการลงมติก่อน หากดูเหตุและผลที่ได้กล่าวไป จึงไม่มีเหตุผลในการชะลอไปก่อน.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลทำบุญวันอาสาฬหบูชา

ฉะเชิงเทรา 10 ก.ค.- พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ หลั่งไหลทำบุญตักบาตร เนื่องในวันอาสาฬหบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เนื่องในวันอาสาฬบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก่อนถึงวันเข้าพรรษาปี 2568 มีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญยืนต่อแถวยาวไปจนถึงศาลาริมแม่น้ำบางปะกงหลังพระอุโบสถ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อย่างเนืองแน่น ก่อนสมาทานศีล 5 รับพรจากพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา และถวายสังฆทาน ถวายไทยธรรม รับพรจากพระสงฆ์ จากนั้นอาวาสวัดโสธรวฯ เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา นำพระภิกษุสามเณร เดินรับบาตรที่พุทธศาสนิกชนนำมาถวายเป็นพุทธบูชา บรรยากาศวันอาสาฬหบูชาในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะที่วัดราชบูรณะ พระอารามหลวง พุทธศาสนิกชนต่างแต่งกายด้วยชุดขาวหรือชุดสุภาพ นำเทียนพรรษา ดอกไม้ ธูป เทียน และสิ่งของมาทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และถวายสังฆทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย และเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธา -สำนักข่าวไทย

จับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย

สระแก้ว 10 ก.ค.- ทหารคุมเข้มแนวชายแดนอรัญประเทศ ล่าสุดจับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย อ้างป่วยโรคปอด แม่ชวนไปเป็นบัญชีม้าฝั่งปอยเปต ด้าน 15 แรงงานกัมพูชา อดอยาก ยอมเสี่ยงเดินเท้าเข้าสระแก้ว ชุดเฉพาะกิจอรัญประเทศ ทหารพราน ร่วมกันลาดตระเวนพื้นที่ล่อแหลมชายแดนสกัดกั้นการลักลอบเข้า-ออกโดยผิดกฎหมาย และการขนสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมาจับกุมตัวนายอภิรักษ์ อายุ 40 ปี ขณะกำลังมุดท่อระบายน้ำข้างทางรถไฟ ห่างจากด่านพรมแดนบ้านคลองลึกประมาณ 200 เมตร เพื่อลักลอบข้ามพรมแดนกลับเข้าประเทศไทย โดยพบข้อมูลเบื้องหลังการจับกุม เผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อผู้ต้องหาอ้างว่าคนที่ชักชวนให้เขามาทำงานผิดกฎหมายนี้ คือ “แม่ของเขาเอง” นายอภิรักษ์ ให้การว่า ตนป่วยเป็นโรคปอด สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต่อมาแม่ของตนซึ่งเคยทำงานลักษณะนี้มาก่อน ชักชวนให้ไป “รับจ้างเปิดบัญชีและสแกนใบหน้า” ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ถูกนำตัวข้ามแดนไปพักในห้องสังกะสี และสั่งให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร 1 บัญชี พร้อมคอยสแกนใบหน้าเป็นเวลา 4-5 วัน เมื่องานเสร็จ นายจ้างชาวไทยให้คนนำทางพามาส่งทิ้งไว้ที่แนวชายแดนและชี้ทางให้มุดท่อระบายน้ำกลับมาไทย จนถูกจับ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในข้อหาอื่น ๆ […]

ยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม

10 ก.ค.- ลูกเจ้าของโรงเรียนคลั่งยา ชักปืนยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 คน โดยบริเวณข้างโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซ.เพชรเกษม 20 พบ 1 ศพ เป็นหญิง และบริเวณข้างวัดแห่งหนึ่ง แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พบอีก 1 ศพเป็นผู้ชาย เบื้องต้นจากการสอบถามเพื่อนบ้าน คาดผู้ก่อเหตุมีอาการคลั่งยา หลอนฝันว่าผู้ตายรายแรกที่เป็นหญิงทำคุณไสยใส่ จึงเดินไปใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กกหู ขณะที่กำลังซักผ้าเสียชีวิตทันที หลังจากนั้นเดินออกมาหน้าวัด พบนายติ่ง จึงใช้ปืนกระบอกเดียวกัน ยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิตคาที่เป็นศพที่ 2 ขณะนี้ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนใกล้เคียงกับวัดดังกล่าว ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ภาษีเจริญ – สำนักข่าวไทย

หนึ่งเดียวในโลก! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์

สุรินทร์ 10 ก.ค.- สุรินทร์จัดยิ่งใหญ่! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ประจำปี 2568 ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในโลก ประชาชนและนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ หลั่งไหลร่วมทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ประจำปี 2568 บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีพระสงฆ์ สามเณร 64 รูป นั่งรับบิณฑบาตบนหลังช้างแสนรู้ และช้างงายาว 64 เชือก โดยนำอัฒจันทร์เหล็กมาตั้งรอบอนุสาวรีย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมายืนใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล ช้างที่มีพระสงฆ์นั่งบนหลังจะเดินเข้าไปรับบาตร. – สำนักข่าวไทย