ครม.อนุมัติโครงการเราชนะ ลงทะเบียน 29 ม.ค.-12 ก.พ.64

กรุงเทพฯ 19 ม.ค. – ครม. อนุมัติแล้ว “โครงการเราชนะ” เริ่มลงทะเบียน 29 มกราคม-12 กุมภาพันธ์ 2564 ผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com แต่จะไม่จ่ายเป็นเงินสด โดยจะจ่ายผ่าน G-Wallet


นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าว ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบ Video Conference ที่ทำเนียบรัฐบาล

ครม. ได้อนุมัติโครงการเราชนะ และโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 กระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบใหม่


สำหรับเงื่อนไขโครงการเราชนะ รัฐบาลจะแจกเงิน 3,500 บาท จำนวน 2 เดือน โดยจะโอนเงินผ่านเป๋าตัง G-Wallet ไม่ได้จ่ายเป็นเงินสด และต้องใช้เงินในเป๋าตัง G-Wallet ให้หมดภายในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ หากใช้ไม่หมดจะไม่สามารถใช้เงินในเป๋าตัง G-Wallet ได้ หลังวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ มีกลุ่มเป้าหมาย 31.1 ล้านคน กรอบวงเงิน 210,000 ล้านบาท จากงบเงินกู้เพื่อเยียวยา โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ในวันที่ 29 มกราคม-12 กุมภาพันธ์ 2564 สำหรับกลุ่มที่ไม่อยู่ในฐานข้อมูล

นายสุพัฒนพงษ์ ระบุด้วยว่า สาเหตุที่ไม่ได้จ่ายเป็นเงินสด 2 เดือน รวม 7,000 บาท เพราะไม่อยากให้มีการสัมผัสตัวเงิน การให้เงินสดไม่สามารถกำกับการหมุนเวียนได้ รวมทั้งอยากให้ประชาชนได้สัมผัสสังคมไร้เงินสด นอกจากนี้การใช้เงินสดไม่สามารถควบคุมได้ เพราะอาจจะนำไปใช้ซื้อสุรา เล่นการพนัน และนำไปใช้จ่ายตามร้านค้าขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ตรงกับนโยบายที่ต้องการให้เงินกระจายอยู่ในกลุ่มคนตัวเล็ก ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าน่าจะเป็นระบบที่ดีระบบหนึ่ง สำหรับวิธีการจ่ายเงินจะมีการโอนเงินเข้าเป๋าตัง G-Wallet ทุกวันพฤหัสบดี ผู้ที่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะโอนเข้าครั้งละ 1,000 บาท รวม 7 ครั้ง และผู้ที่มีรายได้ไม่ถึง 30,000 บาทต่อเดือน จะโอนให้สัปดาห์ละ 700 บาท รวม 10 ครั้ง จนครบ 7,000 บาท

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่า สำหรับกลุ่มเป้าหมายของมาตรการเราชนะ ได้แก่ อาชีพอิสระ เกษตรกร หาบเร่ แผงลอย รับจ้าง คล้ายกับมาตรการเราไม่ทิ้งกัน หลักการคือ ช่วยคนตัวเล็กที่ได้รับผลกระทบ เงินที่ได้คล้ายแนวคิดกับคนละครึ่งที่ใช้กับคนตัวเล็กด้วยกัน เมื่อซื้อบริการก็ซื้อจากคนตัวเล็ก แม่ค้าหาบเร่ แผงลอย นิติบุคคลก็ยังสงวนสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งตรงนี้จะทำให้เกิดการหมุนเวียน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด สำหรับผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาโครงการเราชนะ กลุ่มเป้าหมายจะกว้างขวางกว่าโครงการคนละครึ่ง โดยจะเป็นผู้อยู่ในอาชีพอิสระ หาบเร่ แผงลอย รับจ้าง เกษตรกร และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และต้องเข้าหลักเณฑ์ ดังนี้
1.เป็นผู้มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีบริบูรณ์เป็นต้นไป
2.ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม ตามมาตรา 33
3.ไม่เป็นลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจ และไม่เป็นข้าราชการ
4.ไม่เป็นข้าราชการการเมือง
5.เป็นผู้ที่ไม่ได้เงินบำนาญหรือเบี้ยหวัด
6.ไม่เป็นผู้มีอาชีพอิสระแต่มีรายได้ไม่เกินปีละ 3 แสนบาทต่อปี
7.หากมีเงินฝากเกิน 5 แสนบาทรวมทุกบัญชี จะไม่ได้รับสิทธิ โดยจะมีการตรวจสอบผ่านบัญชีธนาคารทุกแห่ง


กลุ่มที่จะได้รับสิทธิอัตโนมัติโดยไม่ต้องลงทะเบียน
1.ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14 ล้านคน
2.ผู้ที่เปิดใช้งานแอปพลิเคชันเป๋าตัง ประมาณ 15.3 ล้านคน ที่จะถูกคัดกรองอีกครั้ง

ส่วนโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 จะมีกลุ่มเป้าหมายที่เหลืออีกประมาณ 1.34 ล้านสิทธิ จะเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของเช้าวันพรุ่งนี้ (20 มกราคม 2564) เป็นต้นไป และจะสามารถใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งได้ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคมนี้

เราเจาะลงไปดูเฉพาะกลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน ที่จะได้เงินเยียวยา “เราชนะ” 3,500 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน รวม 7,000 บาท โดยกระทรวงการคลังโอนเงินเข้าระบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องลงทะเบียน www.เราชนะ.com

ย้ำว่ามาตรการเยียวยาการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบ 2 จากที่กระทรวงการคลัง นำเสนอมาตรการเยียวยาภายใต้ชื่อโครงการ “เราชนะ” เพื่อช่วยเหลือประชาชนจำนวน 31.1 ล้านคน

ในจำนวนนี้มีประมาณ 14 ล้านคน ที่ได้รับสิทธิเงินเยียวยา “เราชนะ” คือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีผู้ถือบัตรเกือบ 14 ล้านคน ได้รับสิทธิโอนเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยไม่ต้องลงทะเบียน www.เราชนะ.com

ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 5 เดือน (มกราคม-พฤษภาคม 2564) กรอบวงเงินทั้งโครงการ “เราชนะ” กระทรวงการคลัง นำมาใช้จำนวนทั้งสิ้น 210,200 ล้านบาท

ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กระทรวงการคลัง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มดังนี้
1.กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
(รายได้กว่า 30,000 บาท/ปี ได้รับเงินในบัตรฯ 200 บาท/เดือน) จํานวนไม่เกิน 10,127,587 คน คนละ 3,200 บาท รวมจํานวน 31,408.2784 ล้านบาท

2.กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
(รายได้ระหว่าง 30,000-100,000 บาท/ปี ได้รับเงินในบัตรฯ 300 บาท/เดือน) จํานวนไม่เกิน 3,610,436 คน คนละ 3,300 บาท รวมจํานวน 11,914.4388 ล้านบาท

ส่วนรูปแบบการใช้จ่ายเงิน : ไม่สามารถเบิกเป็นเงินสดได้ สามารถนำไปชำระค่าสินค้าผ่านร้านค้าธงฟ้าเท่านั้น

สำหรับโครงการเราชนะ คุณสมบัติ
1.ผู้มีสัญชาติไทย 18 ปีขึ้นไป
2.ไม่เป็นผู้ประกันตน มาตรา 33
3.ไม่เป็นข้าราชการ
4.ไม่เป็นข้าราชการการเมือง
5.ไม่รับบำนาญหรือเบี้ยหวัดจากราชการ
6.ไม่มีรายได้เกิน 3 แสนบาท
7.เงินฝากทุกบัญชีไม่เกิน 5 แสนบาท
ใช้แพลตฟอร์มมือถือทั้งหมด เพื่อรับโอนเงินจากรัฐบาล เพื่อลดภาระการต่อคิวเหมือนเมื่อเยียวยาครั้งแรก “เราไม่ทิ้งกัน”

กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มที่ 1 ผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ไม่ต้องลงทะเบียน ได้สิทธิโดยอัตโนมัติ)
กลุมที่ 2 ประชาชนที่มีฐานข้อมูล แอปฯ เป๋าตัง เช่น คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน (ไม่ต้องลงทะเบียน ได้สิทธิโดยอัตโนมัติ)
กลุ่มที่ 3 ประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูลภาครัฐ

วิธีการรับเงิน
กลุ่มที่ 1 โอนเงินให้สัปดาห์ละครั้งเริ่มวันที่ 5 ก.พ. จนกว่าจะครบ 7,000 บาท
กลุ่มที่ 2 จ่ายเงินรายสัปดาห์ละ 1,000 บาท 18 ก.พ. โอนเงินครั้งแรก
กลุ่มที่ 3 เปิดให้ลงทะเบียน 8 ก.พ. โอนเงินให้วันพฤหัสบดีทุกสัปดาห์ โอนเงินงวดแรก 18 ก.พ.
ระยะเวลาการใช้เงินได้ถึง 31 พฤษภาคม 2564 หากใช้สิทธิไม่หมดไม่มีสิทธิใช้เงินต่อ

“เราชนะ” หนึ่งในโครงการที่เป็นมาตรการจากรัฐบาล เพื่อเยียวยาประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่หนึ่งในเงื่อนไขของมาตรการนี้ ระบุว่าผู้ที่อยู่ในระบบ “ประกันสังคม” มาตรา 33 ซึ่งมีจำนวนประมาณ 11 ล้านคน จะไม่ได้รับสิทธิในมาตรการนี้
ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มีอะไรบ้าง
1.แรงงานอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ ถึง 60 ปี ที่มีนายจ้าง
2.อยู่ในระบบบริษัท (พนักงานประจำ)
3.มีการส่งเงินประกันสังคมทุกเดือนในจำนวน 5% ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกิน 750 บาท

โดยคนมีอยู่ในมาตรา 33 จะมีมาตรการเยียวยา “ประกันสังคม” ดังนี้
1.รับสิทธิการลดหย่อนเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ลูกจ้าง-นายจ้าง เหลือร้อยละ 3 ตั้งแต่จากร้อยละ 5 ตลอด 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม- มีนาคม 2564
2.กรณีว่างงาน
2.1 ว่างงานจากการถูกเลิกจ้าง จะได้รับเงินชดเชยร้อยละ 70 ของค่าจ้าง ปีละไม่เกิน 200 วัน
2.2 ว่างงานจากการลาออก ได้รับเงินชดเชยร้อยละ 45 ของค่าจ้าง ปีละไม่เกิน 90 วัน
2.3 ว่างงานจากเหตุสุดวิสัย ได้รับเงินเยียวยา 50 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน และสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท เป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]