ทำเนียบรัฐบาล 12 พ.ย.-นายกฯ ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 ผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์ เตรียมผลักดันความร่วมมือและฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคหลังสถานการณ์โควิด-19 จับตาดึงอินเดีย ลงนาม RCEP ได้หรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ผ่านการประชุมระบบทางไกล โดยการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมระดับผู้นำครั้งสุดท้ายของปี 2563 ที่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเป็นประธานอาเซียน ซึ่งมีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนจากทั้ง 10 ประเทศ รวมถึงเลขาธิการอาเซียน และผู้นำของคู่เจรจาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย อินเดีย และรัสเซีย รวมทั้งเลขาธิการสหประชาชาติ กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และประธานธนาคารโลก
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมกรอบอาเซียน และการประชุมในกรอบแม่โขง รวมถึงผลักดันประเด็นสำคัญในการประชุมกรอบอาเซียน และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้องมี 3 ประเด็น คือ 1.การรับมือกับการแพร่ระบาดและผลกระทบของโควิด-19 2.การสร้างอนาคตที่เข้มแข็งและยั่งยืนในยุคหลังโควิด-19 และ 3.การส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจและการสร้างบรรยากาศความร่วมมือในภูมิภาค ส่วนการร่วมประชุมกับคู่เจรจาในกรอบต่างๆ จะย้ำความสำคัญของกลไกต่างๆ ที่อาเซียนมีบทบาทนำ เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกัน และมุ่งหวังว่าจะมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ตลอดจนไทยพร้อมจะร่วมมือกับอาเซียน และคู่เจรจาของอาเซียนในการรับมือกับโควิด-19 และสนับสนุนข้อริเริ่มที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความยั่งยืนร่วมกัน
นาย เหงียน ฟู้ จ่อง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม กล่าวเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 37 เพื่อต้อนรับผู้นำอาเซียน โดยยืนยันความร่วมมือของทุกประเทศในการเดินหน้าต่อไป ท่ามกลางความท้าทายของโลก โดยเฉพาะสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและหลายเรื่อง โดยความร่วมมือต้องเน้นที่การส่งเสริมสันติภาพ ความสงบ ความร่วมมือและการพัฒนา ประชาชนต้องได้รับการดูแลให้ก้าวผ่านความท้าทายและอุปสรรค ซึ่งที่ผ่านมาทุกประเทศได้ดูแลประชากร เอาชนะปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีปัญหาซับซ้อน ทั้งโรคระบาด ภัยธรรมชาติ และความขัดแย้งต่างๆ ทุกประเทศจึงต้องจับมือกันเดินไปข้างหน้า ภายใต้ข้อตกลงและกฎหมายต่างๆ ที่เอื้อต่อตวามร่วมมือระหว่างกันต่อไป
นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม กล่าวว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้จะเน้นเรื่องการแก้ไขปัญหาที่เป็นความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะปีนี้มีสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศอาเซียนและทั่วโลก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ดังนั้น ทุกประเทศจะต้องร่วมมือกันทั้งในภูมิภาคและนอกภูมิภาคอย่างเข้มข้น ทั้งเรื่องการค้าการลงทุน เพื่อส่งเสริมให้เกิดความเจริญก้าวหน้า ความมั่นคง สันติภาพของภูมิภาค
ทั้งนี้ ต้องจับตาว่าการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ จะสามารถลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ได้หรือไม่ หลัง 15 ชาติเข้าร่วม ยกเว้นประเทศอินเดีย ที่ยังแสดงท่าทีไม่เต็มใจกับการเปิดตลาด เนื่องจากมีความกังวลว่ายอดขาดดุลการค้ากับจีนอาจขยายตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 37 ผู้นำสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมการประชุมไม่ครบ 10 ประเทศ เนื่องจากสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา อยู่ระหว่างกักตัว 14 วัน หลังพบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศและการค้าฮังการี ที่พบเชื้อโรคโควิด-19 จึงส่งนายโอน ปวนมุนีรวต รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง ผู้แทนร่วมประชุม.-สำนักข่าวไทย