ส.ส.พปชร. อภิปรายหนุน นายกฯ อยู่ต่อ

รัฐสภา 27 ต.ค. – “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” อภิปรายให้นายกฯ อยู่บริหารประเทศต่อ อดทนและดึงคนเห็นต่างเป็นพวก เชื่อนายกฯ ลาออก-ยุบสภา ปัญหาไม่จบ


นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.จังหวัดสิงห์บุรี พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ในข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ซึ่งต้องดูที่เจตนา ว่าจริงใจหรือคิดอย่างไรกับเรา วันนี้ผู้ชุมนุมคิดอย่างไรกับบ้านเมือง ทุกวันนี้คนไทยทั้งประเทศรู้หมด ถ้าไม่รู้คงไม่ใส่เสื้อเหลืองชุมนุมทุกจังหวัด วันนี้สภาต้องเอาความจริงมาพูดกัน อย่ามาดัดจริต

“ผู้ชุนนุมปราศรัย 1 ชั่วโมง โจมตีรัฐบาล 10 นาที อีก 50 นาที โจมตีสิ่งที่อยู่เหนือรัฐบาล กล่าวหาว่ารัฐบาลเป็นหมา บอกว่าถ้าหมาข้างบ้านเห่า เขาจะไม่ไปพูดและทะเลาะกับหมา เขาจะทะเลาะกับเจ้าของหมา” ชัยวุฒิ กล่าว


ก่อนที่นายชวน จะเตือนผู้อภิปราย ให้พยายามหลีกเลี่ยงคำพูดจากภายนอก แล้วนำมาใช้ในสภา เพราะเกรงว่าจะขัดข้อบังคับ และโต้ตอบกันไม่จบ เรามาหาทางออกเสนอแนะรัฐบาลไม่ใช่มาซ้ำเติม ความจริงแม้จะเป็นความจริง แต่บางอย่าง เมื่อเราเจตนาสร้างความเป็นหนึ่งเดียว อาจจะต้องหลีกเลี่ยงถ้อยคำหยาบจากภายนอก ไม่มีประโยชน์ เหมือนเราไปเห็นด้วยกับคำพูดเหล่านั้น

จากนั้น นายชัยวุฒิ อภิปรายต่อถึงการขัดขวางขบวนเสด็จที่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ฉีกรูปพระบรมฉายาลักษณ์ รวมถึงการใช้ชื่อเรียกการชุมนุม ล่าสุดเรียกตัวเองว่าคณะราษฏร 2563 ตนขอย้อนถามว่า อยากจะเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบไหน เป็นข้อเสนอที่เขาพูดกัน แต่เราทำเป็นไม่ได้ยิน ข้อเสนอนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก

นายชัยวุฒิ ยังพูดถึงปัจจัยสนับสนุน 1 โซเซียลมีเดีย แพลตฟอร์มต่างชาติ ที่เราควบคุมไม่ได้ วันนี้ถึงเวลาหรือยัง ที่เราต้องเอาอำนาจอธิปไตย ทางการสื่อสารกลับมาเป็นของคนไทย เราจะปล่อยให้คนต่างชาติ เอาโซเซียลมีเดียมาทำร้ายคนไทยไม่ได้ 2 เงินทุน ทุกการเคลื่อนไหวมวลชนต้องใช้เงิน เงินมาจากไหน จากต่างชาติใช่หรือไม่ คงไม่ใช้ผู้หวังดีกับบ้านเมือง 3 นักการเมืองบางกลุ่มใช้กระแสเรื่องนี้ ในการเข้าสู่อำนาจ ใช้ทั้งสร้างคะแนนนิยม สร้างมวลชน พวกเราทราบกันดีว่า เป้าหมายของเขา ไม่ได้อยากเป็นแค่นายกรัฐมนตรี อยากเป็นอะไรที่มากกว่านั้น วันนี้ชื่นชมกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ออกมา เพราะพวกเขามองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง แต่มีนักการเมืองบางกลุ่มไปหยิบยื่นความคิดให้ ว่าเขากำลังมีอนาคตที่ดี และจะมีอนาคตใหม่ แต่ต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองก่อน เพราะมีบางอย่างกดทับอยู่


เมื่อนายชัยวุฒิ อภิปรายถึงตอนนี้ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นใช้สิทธิประท้วง เพราะมองว่าการอภิปรายของนายชัยวุฒิ ใส่ร้ายผู้ชุมนุม ว่ารับเงินจากต่างประเทศ และมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง และต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ซึ่งอดีตนายกฯ คนหนึ่ง จะเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบประธานาธิบดี จนถูกล้อมปราบ และครั้งนี้ก็มีการพูดในลักษณะนี้อีก โดยพูดถึงอนาคตใหม่ ถึง 2 ครั้ง หมายความว่าอย่างไร จึงอยากให้ผู้อภิปรายถอนคำพูด

นายชัยวุฒิ ได้อภิปรายต่อ โดยยืนยันว่า ไม่ได้กล่าวหาว่าพรรคอนาคตใหม่ แต่เพียงบอกว่า มีพรรคการเมือง ซึ่งเป็นใครตนไม่รู้ พยายามฝังความคิดเรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครองให้กับคนรุ่นใหม่ ซึ่งคนไทยทั้งประเทศรู้ ตนจึงมีข้อเสนอให้รัฐบาล 5 ทางเลือก 1 นายกรัฐมนตรี ลาออก ตามข้อเสนอของผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นการยอมรับสิ่งที่คนรุ่นใหม่เสนอ ยอมให้มีการเปลื่ยนแปลง เพราะเขาไม่ได้ต้องการแค่ให้นายกฯ ลาออก เขาไม่ได้ทะเลาะกับหมา เขาทะเลาะกับเจ้าของหมาใช่หรือไม่ครับ เพราะฉะนั้นหากนายกฯ ลาออก ปัญหาก็ไม่จบ และหากพล.อ.ประยุทธ์ ลาออก ก็ต้องเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คำถามคือ ใครจะเป็น

ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงทันที มองว่า ใช้คำไม่เหมาะสม เพราะคนฟังจะรู้ทันที เป็นการเปรียบเทียบนายกฯ เป็นหมา ขอให้ถอนคำว่าหมา ออกจากที่ประชุม เพื่อให้เกียรตินายกรัฐมนตรี ทำให้นายชวน บอกว่าไม่เป็นไร หากนายกฯ ไม่ประท้วง ก็ถือว่าไม่เป็นไร ซึ่งในขณะนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้นั่งอยู่ในห้องประชุม

นายชัยวุฒิ อภิปรายต่อ เสนอแนวทางที่ 2 คือ ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน และท้าให้กลุ่มเยาวชนไปเลือก ส.ส.ที่ตนเองต้องการให้ได้ 375 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร ท่านถึงจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่สุดท้ายก็จะถูกประชาชนที่สวมเสื้อเหลืองมาประท้วงอีก ก็ไม่จบไม่สิ้น ดังนั้นการยุบสภา เป็นเพียงการยื้อเวลาในการต่อสู้ ซึ่งตนไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้

ส่วนข้อที่ 3 คือ การยึดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยึดอำนาจตัวเองได้ จากนั้นร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่เป็นฉบับของประชาชน ซึ่งถือว่าคุณูปการหนึ่ง ในการยึดอำนาจ แต่ก็มีบทเรียนว่าการยึดอำนาจตัวเอง สุดท้ายก็อยู่ได้ไม่ได้

ส่วนข้อเสนอที่ 4 คือ การทำประชามติ ถามประชาชนว่า อยากเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เห็นด้วยกับผู้ชุมนุมหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่า หากคำถามของประชามติเหมาะสมและมีประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ วิพากษ์วิจารณ์ได้ นี่น่าจะเป็นทางออกให้กับประเทศไทย แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องพูดถึงเรื่องละเอียดอ่อน

ส่วนข้อที่ 5 ไม่ต้องทำอะไรเลย ทนอยู่ไปแบบนี้ นายกฯ อาจจะชนะเพราะผู้ชุมนุมน่าจะหมดแรงก่อน จึงขอให้นายกฯ อดทนเข้าไว้ และทำความเข้าใจกับประชาชน ดึงคนเห็นต่างมาเป็นพวกให้มากที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]