ทำเนียบฯ 12 ต.ค.- สธ.โชว์ผลงาน 1 ปี รับมือสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพในการรับมือวิกฤติดีที่สุดในโลก เตรียมพร้อมให้คนไทยได้วัคซีนเร็วที่สุด
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาของกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้การกำกับดูแลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยดำเนินงานภายใต้แนวคิดลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ร่างกายแข็งแรง ทำให้เศรษฐกิจของประเทศแข็งแรง เกิดเป็นผลงานสำคัญ คือการพัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริและโครงการในบรมวงศานุวงค์ สนับสนุนโครงการสุขศาลาพระราชทานพัฒนางานสาธารณสุขในพื้นที่ห่างไกล
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ได้แก่ การพัฒนาโรงพยาบาลจตุรทิศใน 5 จังหวัดเพื่อลดความแออัดของโรงพยาบาลในเมืองหลวง ประกอบด้วย นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม ,การพัฒนานวัตกรรมการแพทย์ เดินหน้านโยบาย TELEMEDICINE ดูแลผู้ป่วยด้วยระบบสื่อสารทางไกล ,การยกระดับสมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทย ให้เป็นทางเลือกด้านสุขภาพ โดยมีผู้ใช้บริการการแพทย์แผนไทยกว่า 27 ล้านครั้ง พร้อมนโยบายกัญชาทางการแพทย์ เปิดคลินิกกัญชากว่า 300 แห่งทั่วประเทศ มีผู้ใช้บริการกว่า 2 แสนราย ผลตอบรับด้านการรักษาเป็นที่น่าพอใจ ,การเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการผ่านนโยบายเชิงรุก อาทิ เพิ่มขีดความสามารถของเครือข่ายบริการปฐมภูมิ ดูแลคนไทย 13 ล้านคน ยกระดับ อสม.ให้เป็นหมอประจำบ้าน พร้อมผนึกกำลังเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำงานร่วมกับแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบสาธารณสุขไทย,การสร้างขวัญและกำลังใจให้บุคลากรกระทรวงสาธารณสุข โดยบรรจุข้าราชการ 45,684 อัตรา ขยายค่าตอบแทนพิเศษ อสม.500 บาท เป็นเวลา 19 เดือน,แบนสารพิษ ทั้งพาราควาต คลอร์ไพริฟอส และจำกัดการใช้ไกรโฟเซต
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่สำคัญคือ สามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19ได้อย่างรวดเร็วและกำลังจัดหาวัคซีนเพื่อควบคุมโรค โดยตั้งเป้าว่าคนไทยจะต้องได้รับวัคซีนเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก และผลการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพในการรับมือวิกฤติดีที่สุดในโลก ผลงานตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมที่จะผลัดดันประเทศไทย ให้เป็นผู้นำด้านสุขภาพติด 1 ใน 3 ของเอเซีย ก่อนสู่ความสำเร็จระดับโลกในอนาคต .-สำนักข่าวไทย