พล.อ.สนธิ ขอนิรโทษกรรมคดีการเมืองเป็นของขวัญ

กรมสรรพาวุธ ทหารบก 2 ต.ค.- “พล.อ.สนธิ” เปิดใจวันเกิด 74 ปี ขอนิรโทษกรรมคดีการเมืองเป็นของขวัญ สร้างปรองดอง ดักคออย่าทำปฏิวัติ ห่วงหนักกว่าปี 49 ลั่นบ้านเมืองต้องมีสถาบัน ขอคนไทยสำนึกบุญคุณ ฝาก คนรุ่นผู้ใหญ่-คนรุ่นใหม่ มองความเป็นจริง ต้องเข้าใจกันและกัน นำพาประเทศฝ่าวิกฤติโควิด-19 และเศรษฐกิจ


ที่สโมสรกรมสรรพาวุธ ทหารบก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวเปิดใจในวันคล้ายวันเกิด 74 ปี ว่า ตนอยากเห็นประเทศชาติมีความเรียบร้อย และมีความเจริญรุ่งเรือง ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี และปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แต่ปัญหาที่เป็นไปไม่ได้คือระบบการปกครองของเราที่ไม่เดินตามช่องทางที่ควรจะเป็น และ สังคมไทยยังมีอะไรหลายอย่างที่น่าศึกษา ดังนั้นต้องจัดระเบียบสังคมให้เข้าร่องเข้ารอย จะทำให้ผู้ปกครองสามารถปกครองได้สะดวกและสบายมากขึ้น

พล.อ.สนธิ กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังบริหารงานมาย่างเข้าปีที่ 7 ว่า อยากให้นำบทเรียนทางทหารมาประยุกต์ใช้กับบทเรียนทางการเมือง และต้องกลับมาคิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้อะไรคือจุดที่ทำให้มองเช่นนั้น เช่นเรื่องความยุติธรรมเป็นอย่างไร ซึ่งก็ต้องเห็นใจว่ากระบวนการยุติธรรม พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ผู้ที่โดนตัดสินก็จะมองความยุติธรรมในเชิงลบ ดังนั้นกระบวนการยุติธรรมต้องจัดรูปแบบใหม่ เพื่อแสดงออกให้เห็นถึงกระบวนยุติธรรม ที่ประชาชนสัมผัสได้


พล.อ.สนธิ ยังกล่าวถึงปรากฏการณ์ที่เยาวชนออกมาชุมนุมว่า ถือเป็นธรรมชาติของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่มีความคิดไม่เหมือนกัน เป็นเรื่องปกติ แต่อย่าไปโทษว่าคนที่คิดต่างจากเราแล้วเขาผิด ในวันนี้คนไทยคิดว่า คนที่คิดต่างนั้นผิด หากมองเช่นนั้นก็ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ต้องกลับมาดูว่า ความคิดของเด็กกับผู้ใหญ่ แตกต่างกันตรงไหน ในหลายประเทศที่มีความเจริญถึงจุดที่เป็นอันดับ 1 ของโลก ผู้ปกครองจะมีประสบการณ์ตั้งแต่เล็กจนโต เมื่อเข้ามาเป็นผู้ปกครองก็จะเห็นปัญหา เพราะฉะนั้นเด็กจะมีประสบการณ์ในระดับหนึ่ง ในขณะที่ผู้ใหญ่ก็มีประสบการณ์ เพียงแต่ ผู้ใหญ่ต้องหันกลับมามองว่าแนวคิดว่าเด็กกำลังคิดอะไร อย่าไปคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูก ต้องมองว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ทันกับสิ่งที่เด็กคิดได้หรือไม่ ดังนั้น ผู้ใหญ่ควรมองเด็กให้ถูกและเด็กต้องเข้าใจปัญหาของผู้ใหญ่เช่นกัน อย่ามองข้ามพื้นฐานของความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้ต้องจัดเชื่อมโยงกันถือเป็นเรื่องสำคัญ

เมื่อถามถึงข้อข้อเรียกร้องของกลุ่มชุมนุมเกี่ยวกับเรื่องสถาบัน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า โลกนี้มีการปกครอง 3 แบบ คือประชาธิปไตย เผด็จการ และสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ประเทศเราอยู่มาเป็นพันปี เป็นประเทศไทยได้เพราะสถาบันที่เป็นหลักทำให้ประเทศคงอยู่จนเป็นสยามและไทยในวันนี้ สถาบันมีบุญคุณกับแผ่นดิน ถือเป็นปูชนีย์ทางความคิด เป็นสิ่งที่ต้องยึดเอาไว้ แต่เราต้องมามองว่าประชาธิปไตยและสังคมนิยมจะเอาแบบไหน ตนมองว่าในระบบประชาธิปไตยและสังคมนิยมต่างก็มีข้อดีและข้อเสีย จึงเสนอการปกครองประชาธิปไตยแบบไทย ๆ และมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งนี้เด็กรุ่นใหม่อาจจะมองสถาบันมีประโยชน์ไม่มาก แต่จริง ๆ แล้วให้ย้อนไปในอดีตว่าสถาบันได้สร้างอะไรให้กับประเทศไทยบ้าง เป็นบุญคุณและต้องกตัญญู

เมื่อถามว่าสถานการณ์การเมืองปี 2549 ต่างจากปัจจุบันอย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า สถานการณ์ในแต่ละห้วงไม่เหมือนกัน จะเอาเหตุการณ์ในเวลาหนึ่ง มาเปรียบเทียบในอีกเวลาหนึ่งไม่ได้ ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้มีองค์ประกอบไม่เหมือนกันแต่ปัญหาที่บ่นกันมากคือเรื่องคอร์รัปชั่น เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องมอง และทำให้ประชาชนเห็นว่าที่กำลังเดินไปข้างหน้าจะต้องเป็นองค์ประกอบอย่างไร ทำให้เห็นถึงความโปร่งใส สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่หลายอย่างน่าชื่นชม เช่น การสร้างถนนหนทาง ส่งผลต่อการเติบโตเศรษฐกิจ สำหรับเรื่องความปรองดอง หากทำกันจริงจังสามารถเกิดขึ้นได้ โดยให้คนที่มีความคิดต่างในแต่ละกลุ่มหันหน้ามาร่วมกัน แต่หากเป็นความผิดพลาดทางการเมืองที่เกิดจากความเห็นต่างแล้วฝ่ายปกครองบอกว่า ผิดกฎหมายและติดคุกอันนี้คือ ต้องนิรโทษกรรม หรือการให้อภัยกับคนที่มีความคิดและความแตกต่างทางการเมือง แต่ถ้าเป็นคดีอาญาก็ต้องแยกกัน ถือเป็นของขวัญที่ตนอยากเห็น


“ผมมองว่ารัฐบาลกำลังเผชิญปัญหาหลายอย่าง ทั้ง โควิด-19 ที่นำไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจและก็นำไปสู่ปัญหาความยากจน และความไม่พอใจก็จะเกิดขึ้น ประเทศใดก็ตาม หากการปกครองที่มีทำให้ประชาชนเดือดร้อน ยากจน รัฐบาลสะเทือน ซึ่งวันนี้ไม่ใช่สะเทือนแค่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แต่เป็นทั้งโลก นี่คือสิ่งที่รัฐบาลต้องทำความเข้าใจปัญหากำลังเกิด ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกำลังซ้ำเติม ความจริงเมื่อไม่มีงานทำ จะทำอย่างไร จะเอาเงินให้ก็ทำได้ในระดับหนึ่ง แต่จะทำได้แค่ไหนนี่คือสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจกับฝ่ายที่พยายามทำให้สถานการณ์มันเลวร้ายมากขึ้น” พล.อ.สนธิ กล่าว

เมื่อถามถึงกระแสข่าวรัฐประหารในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าจะมีรัฐประหาร เพราะปัญหาของความขัดแย้งในประเทศก็รุนแรงพอแล้ว ดังนั้นวิธีแก้ก็มีวิธีการอยู่ ไม่จำเป็นต้องมีรัฐประหาร เพราะไม่เชื่อว่าการปฏิวัติจะใช้แก้ไขปัญหาได้ในเวลานี้ ซึ่งมันหนักกว่าเมื่อปี 2549 เนื่องจากวันนี้ความขัดแย้งสองฝ่ายแย่กว่าเก่า ต้องแก้ไขปัญหาตามที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ ซึ่งถูกต้องแล้ว แต่ต้องอดทนและทำความเข้าใจให้ทุกกลุ่มหันกลับมาคิดและช่วยกัน

เมื่อถามว่า ความวุ่นวายของคน ๆ หนึ่งที่โดนออกนอกประเทศเมื่อปี 2549 จนวันนี้ก็ยังไม่ได้กลับมา มองว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีการพัฒนาหรือลดบทบาทของตัวเองอย่างไรบ้าง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า นายทักษิณอายุอ่อนกว่าตน 3 ปี ปัจจุบันก็ 70 กว่าปีแล้ว ซึ่งก็ต้องมองว่าจะมีความสุขกายสุขใจอย่างไร คงไม่คิดจะสู้ไปถึงปานนั้น ตนคิดว่าคนรุ่นใหม่ที่มีการขับเคลื่อนในทุกวันนี้กำลังมีบทบาทมากกว่า และน่าจะเกิดกับคนรุ่นใหม่

เมื่อถามว่า มองการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะว่าได้ทำประชามติเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่จะต้องมองว่าถึงเวลาหรือยัง เหมาะสมหรือไม่ และจะแก้ประเด็นไหน หรือแก้ได้มากน้อยอย่างไรต้องมานั่งคิดดูรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ นี่คือข้อสำคัญ ซึ่งต้องทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน

เมื่อถามว่า ให้คะแนนการทำงานรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์กี่คะแนน พล.อ.สนธิ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยระบุว่า สื่ออย่าหาเรื่องให้เลย

เมื่อถามว่าตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบันนายทักษิณได้ติดต่อมาหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า “ถ้าคุณทักษิณเจอผมเขาจะเรียกพี่” เมื่อถามย้ำว่า ได้ติดต่อกันหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ และไม่ได้ติดต่อกันอย่างนั้น แต่เจอกันด้วยกรณีใดก็ตามเขาจะเรียกว่าพี่บัง เขาก็ยังเรียกพี่อยู่ และไม่เคยรื้อฟื้นอดีตมาพูดคุยกัน เขามีมารยาท เป็นผู้ใหญ่ คุยโทรศัพท์ครั้งแรกหลังผมปฏิวัติ ท่านก็บอกว่าผบ.ทบ. ตัวผมเป็นนักกีฬา หมายความว่ารู้แพ้ รู้ชนะ ท่านทักษิณพูดแค่นี้ เข้าใจชัดว่าเกมจบแล้ว ผมมองว่าท่านก็เป็นสุภาพบุรุษ เราจบเตรียมทหารมาด้วยกัน เป็นพี่เป็นน้องตัดกันไม่ขาด จะเกลียดกันแค่ไหน เดี๋ยวก็ดีกัน

เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรผ่านสื่อไปยังนายทักษิณหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า œไม่เป็นอะไร ท่านสบายดีกว่าผม เราต้องศึกษาท่านทักษิณว่าทำอย่างไรจึงหนุ่ม ท่านมีอะไรดี ผมกำลังจะหาวิธีเพื่อตามท่านให้ทัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ