ทำเนียบฯ 18 เม.ย.- “วิษณุ” แจงร่าง พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ ถือเป็นการปฏิรูปสถานีตำรวจครั้งแรก เพิ่มบทบาท งบประมาณ พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมตำรวจ ไว้พิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. … ว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังคงมีกองบัญชาการทุกอย่างเหมือนเดิม เพียงแต่เพิ่มความสำคัญของสถานีตำรวจขึ้น จากเดิมที่ไม่เคยระบุในพ.ร.บ.เลย แต่ครั้งนี้จะมีการกำหนดบทบาทหน้าที่ งบประมาณ และบุคคลากรอย่างเพียงพอ เพราะเป็นหน่วยที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเสนอให้แยกการสอบสวนออกจากกรมตำรวจ โดยให้แยกเป็นอีกกรมต่างห่าง แต่เมื่อศึกษาแล้วกลับพบว่า การแยกดังกล่าวไม่มีประโยชน์ ตำรวจต้องสอบสวนเองอยู่ดี แต่จะทำในลักษณะเข้าไปอยู่ในสถานีตำรวจ ซึ่งการบังคับบัญชาเป็นคนละส่วนกัน มีการแบ่งเป็น 5 แท่ง
“ซึ่งใครโตที่แท่งไหน ก็สุดที่แท่งนั้น ที่ระบบนี้ถูกมองว่าเป็นการขัดขวางการเจริญก้าวหน้า แต่การปฎิรูปในครั้งนี้สามารถโอนย้ายผ่านแท่งได้ ในเงื่อนไขที่กำหนด แต่ไม่ง่ายนัก และไม่ได้ห้ามขาด โดยยึดหลักอาวุโส ซึ่งการปฏิรูปในครั้งนี้ จะถือว่าเป็นการปฏิรูปสถานีตำรวจเป็นครั้งแรก รวมไปถึงมีการจัดตั้งคณะกรรมการคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมตำรวจ (กพค.) ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่างจากเดิมที่เมื่อตำรวจไม่ได้รับความเป็นธรรม จะต้องฟ้องศาลปกครองอย่างเดียว”นายวิษณุ
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังกำหนดให้มีคณะกรรมการระดับชาติ (กร.ตร.) ที่จะรับเรื่องจากประชาชน เมื่อได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างการล้มคดี หรือเลือกปฏิบัติ โดยคณะกรรมการชุดนี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้สรรหามาจากประธานศาล มีจเรตำรวจ เป็นฝ่ายเลขาฯ มีฝ่ายการเมืองเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียว ส่วนการปฏิรูปการโยกย้าย มีการกำหนดกฎเกณฑ์อยู่ในพ.ร.บ.ชัดเจน ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และการปฏิรูปการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เรื่องใหญ่ขณะนี้อยู่ที่พ.ร.บ.สอบสวน ที่มีเพียง 20 มาตรา จึงชะลอการพิจารณาไว้ก่อน เนื่องจากอัยการ ศาลยังมีความเห็นแย้งอยู่ จึงจำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างให้เป็นที่ยุติก่อน ส่วนจะใช้พ.ร.บ.สวบสวน กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือไม่นั้น ต้องรอความเห็นจาก ดีเอสไอ ก่อน
ส่วนการประเมินสถานีตำรวจ ที่มีการบัญญัติว่าคะแนนดังกล่าวมีผลต่อการแต่งตั้งโยกย้ายนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ทางตำรวจเห็นแย้งว่า การปฏิบัติเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย อาจส่งผลให้การแต่งตั้งโยกย้ายไปกว่าครึ่งปี อีกทั้งอาจตกอยู่ใต้ผู้มีอิทธิพล โดยเสนอว่าให้ ก.ตร.ประเมินตามวิธีการที่ ก.ตร.คิดออกในอนาคต
นายวิษณุ กล่าวว่า นอกจากนี้การปฏิรูปในครั้งนี้ยังเสนอให้มีการโอนตำรวจกลับหน่วย อาทิ ตำรวจรถไฟ ตำรวจสิ่งแวดล้อม ตำรวจจราจร ตำรวจป่าไม้ ยกตัวอย่างเช่นตำรวจจราจร เสนอให้โอนไปยังเทศบาล อบต. ภายใน 5 ปี ตำรวจป่าไม้ ให้โอนกลับภายใน 1 ปี รวมถึงสนับสนุนให้มีตำรวจ ไม่มียศมากขึ้น โดยเสนอเป็นค่าตอบแทนที่ไม่ใช่ยศ ซึ่งเมื่อเสนอเข้าสภาแล้ว ทั้งสองสภาสามารถรื้อได้ตามใจชอบ.-สำนักข่าวไทย