รัฐสภา 31 ก.ค.-กมธ. ศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์แก้รัฐธรรมนูญ ชงแก้ม.256 เพื่อให้แก้รัฐธรรมนูญได้ง่ายขึ้น และเห็นควร มีส.ส.ร. ยกร่างรัฐธรรมนูญคู่ขนาน ยืนยันการทำงานตอบโจทย์ข้อเรียกร้องนักศึกษาและประชาชน
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย พุทธศักราช 2560 แถลงภายหลังการประชุมว่า ตั้งแต่พิจารณามา กมธ.มีความเห็นสอดคล้องต้องกันในหลายเรื่องว่าต้องมีการแก้ไข รัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิและมีความเป็นเจ้าของมากขึ้นและเมื่อพิจารณาในมาตรา 256 แล้วเห็นว่ามีหลักเกณฑ์ในมาตรานี้หลายข้อที่ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความยากลำบาก จึงเห็นพ้องว่าควรต้องมีการแก้ไขเพื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ง่ายขึ้น
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า กมธ.มีความเห็นตรงกันว่าควรต้องมีการยกร่างใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งอาจต้องมีการเสนอตั้งส.ส.ร.ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ คณะกรรมาธิการจะรวบรวมความเห็นทั้งหมด และวันที่ 27-28 ส.ค. จะสรุปรายงานและส่งรายงานเพิ่มเติมภายในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ซึ่งเมื่อทำเสร็จก็จะส่งให้สภาพิจารณา ส่วนการดำเนินการขึ้นอยู่กับสภาและรัฐบาล เพราะพวกตนมีหน้าที่ในการพิจารณาเท่านี้
“มาตรา 256 เป็นส่วนของการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของเนื้อหารัฐธรรมนูญในปัจจุบัน หากยังเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดคณะกรรมาธิการเห็นว่าทำให้การแก้ไขในหลายเรื่องลำบากก็คิดว่าควรแก้ไขมาตรานี้ก่อน ซึ่งนับแต่กรรมาธิการพิจารณามา ตั้งแต่มาตราต้นๆ ก็เห็นว่าควรจะแก้ไขทุกหมวดเพื่อให้เกิดการปฏิรูปบ้านเมือง และมีความเห็นตรงกันว่านอกจากเนื้อหาของรัฐธรรมนูญมาตรา 256 แล้วหากเป็นไปได้ควรต้องมีการยกร่างใหม่ทั้งฉบับซึ่งอาจต้องมีการเสนอตั้งส.ส.ร ซึ่งสุดแล้วแต่รัฐบาลที่จะพิจารณาดำเนินการต่อไป หากเป็นไปได้ก็จะใส่เรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเข้าไปด้วย และ ถือว่าวันนี้ได้ตอบข้อเรียกร้องของน้อง ๆ นักศึกษาไปแล้ว เพราะคณะกรรมาธิการไม่เคยนิ่งนอนใจนำข้อเสนอต่าง ๆ มาพิจารณาประกอบและเรื่องมาตรา 256 ก็เป็นส่วนหนึ่งอยู่แล้วซึ่งก็ยืนยันว่าทำให้ทุกเรื่องและทำตามความเห็นของคนส่วนใหญ่ไม่ใช่เฉพาะนักศึกษาแต่รวมถึงประชาชนทั่วไปและองค์กรอื่น ๆ ด้วย” นายพีระพันธุ์ กล่าว
ด้านนายโภคิน พลกุล รองประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ขณะนี้พี่น้องนักศึกษา ประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญไปในทางที่ดีขึ้นจึงเห็นพ้องกันว่าหากแก้ในมาตรา 256 ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้การแก้ไขไม่ยุ่งยากและเพิ่มหมวดว่าด้วยการให้มีส.ส.ร.ขึ้นมาทำนองเดียวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 34 จนนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญ 2540 จึงเห็นควร
ให้คณะกรรมาธิการที่มาจากทุกพรรคร่วมกันพิจารณาในประเด็นนี้ ซึ่งจะทำให้ได้ 2 อย่างคือมีส.ส.ร.เดินหน้าทำงานไป ซึ่งหากทุกพรรคและส.ว.เห็นพ้องด้วยน่าจะใช้เวลาประมาณ 5 เดือน น่าจะได้ส.ส.ร. เพื่อจะได้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 390 วัน โดยรวมน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 ปี 6 เดือนก็จะเสร็จเรียบร้อย เห็นทางออกของประเทศว่าในอนาคตจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ร่างโดยประชาชนเห็นชอบโดยประชาชน
สำหรับรูปแบบของส.ส.ร.นั้น นายโภคิน กล่าวว่า ตอนสมัยยกร่างรัฐธรรมนูญ ปี 40 ให้ผู้ที่สนใจสมัครและเลือกเข้ามากันเองแล้วให้รัฐสภาเลือกและรัฐสภาเลือกนักวิชาการมาอีกส่วนหนึ่ง เข้าสู่รัฐสภา แต่ตามร่างที่เสนอคือจะให้สภาเลือกบุคคลมา 200 คนเข้ามาทำงานแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีใครทราบว่าจะเป็นอย่างไร แต่ขอให้เงื่อนไขการแก้ไขเป็นไปโดยเสรีและเป็นธรรม.-สำนักข่าวไทย