ศาลฎีกาฯ ไต่สวนพยาน 3 ปากตัวแทนจากแพทยสภา คดีชั้น 14

ศาลฎีกา 25 ก.ค.-ศาลฎีกาฯ ไต่สวนพยาน 3 ปาก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคที่ “ทักษิณ” อ้างอิงและแพทย์รพ. ทันณสถานฯ ส่งเพื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ “นพ.ประสิทธิ-นพ.ไชยรัตน์-นพ.กีรติ” ให้การทิศทางเดียวกันอาการป่วย “ทักษิณ” ไม่เข้าขั้นวิกฤติ ยกวิธีการรักษาของแพทย์ ไม่ได้เร่งรักษาทันทีทันใด ชี้หลังผ่าตัดกลับไปรักษาที่ รพ.เรือนจำได้ ไม่ต้องรักษายาว 180 วัน


ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนคดีการบังคับโทษจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยคดีนี้มีอัยการ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ และมีนายทักษิณ เป็นจำเลย

การไต่สวนในวันนี้ถือว่า เป็นนัดที่ 6 โดยเริ่มในเวลา 09.00 น. ซึ่งเป็นการไต่สวนตัวแทนจากแพทยสภา ที่ศาลสั่งให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคของนายทักษิณ เข้าเบิกความต่อศาลจำนวน 3 ปาก เช่น ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา, ศ.นพ.กีรติ เจริญชลวานิช ประธานราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และกรรมการแพทยสภา, ศ. นพ.ไชยรัตน์ เพิ่มพิกุล ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมงในการไต่สวน และภาพรวมเบิกความทิศทางเดียวกันที่ชี้ว่าอาการป่วยไม่ถึงเข้าขั้นวิกฤติ และเมื่อได้รับการรักษาแล้วสามารถกลับไปพักรักษาตัวที่ทัณฑสถานเพื่อรอดูอาการได้ โดยไม่จำเป็นต้องรักษานานต่อเนื่องที่โรงพยาบาลตำรวจ


การไต่สวน ศ.นพ.ประสิทธิ์ อุปนายกแพทยสภา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ส่วนใหญ่เป็นการซักถามข้อมูลด้านการรักษาผู้ป่วยในฐานะแพทย์ พร้อมทั้งให้ดูเอกสาร และให้ความเห็นใบบันทึกการตรวจร่างกายนายทักษิณ ที่ พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ที่ตรวจร่างกายนายทักษิณ บันทึกไว้ในวันที่ถูกส่งตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

และใบบันทึกการอาการของพยาบาลเวร ในสถานกักกันโรค เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่รับตัว จนถึงจังหวะที่นายทักษิณมีอาการจนต้องถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจ ว่าในภาพรวมมีอาการรุนแรงเข้าขั้นวิกฤต เฉียบพลันหรือไม่ นอกจากนี้ยังให้ดูบันทึกการรักษาของแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเพิ่งจะส่งมาให้ศาลในวันนี้ และใบเสร็จค่ารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ รวมทั้งยาที่ใช้ในการรักษาโรคด้วย

ศาลยังได้สอบถามถึงการออกใบรับรองแพทย์เป็นไปตามาตรฐานหรือไม่ และยังถามถึงขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อพบผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤติ ซึ่งมีอาการเหมือนกับนายทักษิณ เพื่อให้ความเห็นว่าอาการของนายทักษิณมีข้อบ่งชี้ว่า มีภาวะวิกฤติหรือไม่ ซึ่งภาพรวมการเบิกความศ.นพ.ประสิทธิ์ ย้ำว่า นายทักษิณ ไม่ได้มีอาการวิกฤตจนต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลา แต่อาจยกเว้นเฉพาะช่วง กรณีที่มีการผ่าตัด


จากนั้น ศ.นพ.ไชยรัตน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ศาลใช้เวลาไต่สวนพยานปากนี้ประมาณ 40 นาที ในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในประเด็นหลักการรับตัวผู้ป่วยเข้ารักษาในห้องไอซียู โทรสอบถามว่าอาการป่วยของนายทักษิณนั้นมีข้อบ่งชี้ว่าเข้าข่ายอาการวิกฤติหรือไม่ โดยภาพรวมพยานคนนี้เบิกความโดยอ้างอิงจากใบบันทึกการรักษาของแพทย์โรงพยาบาบตำรวจ ที่ไล่เรียงเวลา และวิธีการรักษาของแพทย์แล้วชี้ว่า อาการของนายทักษิณไม่ได้วิกฤต เพราะไม่ได้มีการตรวจโรคที่อ้างถึงแบบทันทีทันใด เช่น ตรวจคลื่นหัวใจ การเอ็กซเรย์ปอด หรือ การตรวจเอนไซม์โปรตีนในหัวใจ รวมทั้งยารักษาโรคที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าการรักษาผู้ป่วยทั่วไป

ส่วนพยานคนสุดท้าย ศ.นพ.กีรติ ประธานราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อต่อ ศาลใช้เวลาซักถามประมาณ 20 นาที สาระสำคัญที่มีการเบิกความ คือการประเมิน ในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูก เกี่ยวกับการผ่าตัดนิ้วเล็อค และเอ็นไล่ฉีก ว่าในการรักษาไม่จำเแนต้องรักษาแบบทันทีทันใด แต่สามารถนัดผ่าตัดในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งจะต้องประเมินจากความปลอดภัยของผู้ป่วย รวมถึงเมื่อมีการผ่าตัดแล้วผู้ป่วยโดยทั่วไปก็ไม่จำเป็นต้องรักสุดรักษาตัวในโรงพยาบาล สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ แต่ก็ยอมรับว่า การรักษาตัวต่อ ก็ต้องมีการอ้างอิงข้อมูลโรคที่ผู้ป่วยเป็นประกอบกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บางช่วงการซักถาม ของทนายฝั่งจำเลย พยายามถามถึงเรื่อง มติของแพทยสภา มีส่วนเกี่ยวข้องกับพยานที่มาเบิกความหรือไม่ และถามถึงการเป็นสมาชิกในกลุ่มไลน์ที่มีคล้ายโน้มน้าวให้ลงมติแพทย์ 3 คน ที่รักษานายทักษิณ ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ตอบเนื่องจากไม่เกี่ยวกับประเด็นการไต่สวนในครั้งนี้ เพราะศาลไต่สวนพยานทั้งสามคนในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคเท่านั้น

ทั้งนี้มีพยานได้ส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม ประกอบไปด้วย พล.ต.ท.นพ.โสภณรัตน์ สิงหจารุ อดีตนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ , พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และ พ.ต.อ.นพ.ชนะ จงโชคดี ขณะเดียวกันในห้องพิจารณาคดีในเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจเข้ามาร่วมฟังการไต่สวนด้วย

ส่วนการไต่สวนพยานนัดถัดไปวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ พยานปากเดียว คือ ศาสตราจารย์เกียรติคุณวิษณุ เครืองาม ซึ่งเป็นพยานของนายทักษิณชินวัตรตามที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี ยื่นเสนอต่อศาลพิจารณา -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ไทยมีฝนเพิ่มขึ้น ฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 6 จว.ระวังน้ำท่วม

กทม. 16 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงานไทยมีฝนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน จ.พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนล่าง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ […]

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]