“ไชยชนก” ฝากถึงนายกฯ วันนี้ “ภูมิใจไทย” ทำแล้ว ท่านทำหรือยัง

รัฐสภา 31 พ.ค.-“ไชยชนก” โชว์วิสัยทัศน์ ปัญหานํ้าท่วม-โอกาสกู้วิกฤติ กลางเวทีถกงบฯ 69 ฝากถึงนายกฯ วันนี้ “ภูมิใจไทย” ทำแล้ว ท่านทำหรือยัง อวย “อนุทิน” เปิดใจรับฟังเจนวาย-สั่งงานรวดเร็ว

นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ตนอภิปรายด้วยความสบายใจและความภาคภูมิใจ ไม่ใช่เพราะภัยต่างๆ ที่ตนกังวลในรอบที่แล้วจะไม่เกิดขึ้น กลับกัน มันกำลังเกิดขึ้นอีก และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่ตนรู้สึกแบบนั้น เพราะนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาพูดคุยกับตนด้วยความรัก ความเมตตา และใจที่เปิดกว้าง รับฟังข้อมูลที่ตนนำเสนอ ซึ่งในวันนั้นท่านยังไม่เข้าใจสิ่งที่นักการเมืองเจนวายอย่างตนนําเสนอ แต่ท่านเล็งเห็นความเป็นไปได้ที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบถึงคนไทยอย่างถ้วนหน้า หลังจากนั้น จึงเดินหน้าขับเคลื่อนองคาพยพ ภายใต้การบริหารของพรรคภูมิใจไทย ให้ตระหนักถึงความรับผิดชอบของเรา เพื่อรับมือถึงความไม่แน่นอนที่คาดการณ์ได้ยาก ทำให้เกิดการประกาศในผ่านหน่วยงานภายใต้นายอนุทินเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ว่าปีนี้ฝนจะมาเร็ว ให้เฝ้าระวังปริมาณน้ำในทุกรูปแบบอย่างใกล้ชิด และในช่วงนั้น ตนได้ขับรถเดินทางจาก จ.บุรีรัมย์มายังภาคใต้ ทุกพื้นที่ที่ตนแวะ มีการตื่นตัวกับคำประกาศของกระทรวงมหาดไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาสังเกตความผิดปกติ ตนเชื่อว่าการประกาศนี้ส่งผลให้เราสามารถรับมือภัยได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น


นายไชยชนก กล่าวต่อว่า จากนั้นนายอนุทิน ได้นำทัพไปที่ จ.อยุธยา ที่เราประมาณการไว้ว่าจะเกิดน้ำท่วมหนักที่สุด และเรากังวลว่า ภัยน้ำท่วมในปีนี้จะไม่ปกติ เพราะปกติ จ.อยุธยา จะเจอน้ำท่วมในช่วงเดือนกันยายน แต่ข้อมูลในรอบนี้ระบุว่าอาจจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ หลังจากที่ได้แลกเปลี่ยนกับผู้ว่าราชการจังหวัดอยุธยา เราก็พบว่าหากสิ่งที่เราคาดการณ์ไว้เกิดขึ้นจริง จะเกิดปัญหาอย่างแน่นอน แม้ภัยกำลังจะเกิด แต่ตนมั่นใจว่า นายอนุทินและองคาพยพของภาคภูมิใจไทย กำลังทำทุกสิ่งในความรับผิดชอบอย่างสุดความสามารถเพื่อประชาชน แม้ประชาชนจะเกิดความเสียหายแน่นอน แต่เราจะอยู่เคียงข้างประชาชนต่อไป

“ภัยธรรมชาติไม่มีเลือกข้าง ไม่มีดี ชั่ว ไม่มีคอรัปชั่น ไม่มีแดง ส้ม น้ำเงิน มีแต่จะเกิดขึ้น เราต้องเปิดใจรับฟังธรรมชาติและปรับตัวให้อยู่ได้” นายไชยชนก กล่าว


นายไชยชนก กล่าวต่อว่า ขณะที่ภัยความมั่นคง เมื่อ 11 เดือนที่ผ่านมามีการค้นพบแผ่นแรร์เอริธในประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่เวลาเป็นเพื่อนบ้านที่ดี แต่เป็นเพื่อนบ้านที่จริงใจ ต้องมีสติและรู้ก่อนว่าสิ่งที่เผชิญความไม่แน่นอนไม่มั่นคง เศรษฐกิจ ภัยพิบัติ ที่เจอทั่วโลก ดังนั้นต้องเจรจาและบอกว่าสิ่งที่เผชิญกำลังสำคัญที่สุดในการช่วยเหลือได้คือ ทหาร ไม่ใช่เวลารบภัยนอก แต่ต้องใช้กำลังรักษาภายในหากต้องการเจรจาจีนหรือสหรัฐ แร่นี้คือคำตอบ แต่ต้องทำอย่างระวัง เพราะเราเลือกข้างไม่ได้

“ไม่มีทางที่การทำเหมืองแร่หายากไม่ส่งมลพิษต่อประชาชน ผมอยากฝากให้ประชาชนระวัง อย่าตายใจ ข้อสรุปโดยหลายสิ่งที่ได้อภิปรายและหลายสิ่งที่สส.อภิปรายมีสิ่งเดียวที่มั่นใจในปีหนี้ ผลกระทบของวิกฤตจะมากขึ้นและเกินคาดหมาย สิ่งที่ทำได้ในสภาฯ ในวาระสอง คือ เตรียมพร้อมสร้างความยืดยุ่นในการใช้งบประมาณปีหน้าเพื่อรับมือสิ่งที่ไม่แน่อนให้ได้” นายไชยชนก กล่าว

นายไชยชนก กล่าวว่า ตนฝากกำลังไปยัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะนักการเมืองเจนวาย ด้วยความเห็นใจ เพราะตนเป็นคนที่ทั้งสังคม ส.ส. และครอบครัวเข้าใจผิดหลายรอบ ตนเห็นใจที่วันนี้ สังคมหลายส่วนผูกการอยู่ในตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบสูงสุดในประเทศของนายกฯ และครอบครัว ไปกับภัยพิบัติ


“เหรียญมีสองด้านเสมอ และท่านเลือกทางเดินเองเสมอ สิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่หายนะ แต่คือโชคชะตา เมื่อช่วงเกิดสึนามิ สมัยรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึงงบส่วนกลางที่ต้องมากขึ้น ทำให้ภายใต้การบริหารประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีงบกลางมาก เยวยาช่วยเหลือประชาชนจากภัยน้ำท่วมและได้บทเรียน ว่า การไม่ใช้ก่อน แต่ใช้หลัง ประชาชนสูญเสีย สถานการณ์ที่เห็นคือ ประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียนเป็นวีรสตรีไทย อยู่ที่ว่าจะเลือกทางไหน ไม่ว่าเลือก ผมและ ส.ส.ภูมิใจไท และนายอนุทิน พูดด้วยความภาคภูมิใจ ทำทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้อำนาจหน้าที่รับผิดชอบ เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไทยและทำต่อไป คำถามเดียวที่จะฝากไปคือ พวกเราทำแล้ว พวกท่านทำแล้วหรือยัง” นายไชยชนก อภิปราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยก่อนการอภิปราย นายไชยชนก กล่าวว่า ขอเรียกร้อง ตนอยากให้ผู้รับฟัง กดหยุด ตรวจสอบข้อมูลที่นำเสนอเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด น้อมรับเจตนาดีๆ ของ สส.ในพรรคตนและพรรคอื่นที่ห่วงเรื่องชื่อเสียงวงศ์ตระกูล และขอบคุณ สส.พรรคฝ่ายค้าน ที่มอบเวลาที่เหลือให้ใช้ ตนจะใช้เวลาอย่างคุ้มค่าเพื่อประโยชน์สูงสุด

นายไชยชนก ยังชี้แจงต่อกรณีที่มีผู้อภิปรายถึงการใช้งบประมาณซ้ำซ้อนในกิจกรรมคัลเลอร์ออฟบุรีรัมย์ บูรณาการภาครัฐ เอกชน ประชาชนคนบุรีรัมย์รวมพลัง จัดงาน 30 วัน โดยให้ช่างทอผ้าทั่วประเทศ 110 ร้านค้าเข้าร่วมและร้านอาหารเด็ด 110 ร้าน มูลค่าขายผ้า 50 ล้านบาท และคิดเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จำนวนมาก ทั้งนี้ภคเอกชนไม่มีการเก็บค่าเช่า ค่าคอมมิชชั่นการค้าขาย ฝากไปถึงคนที่มีส่วนร่วมทำให้งานดังกล่าวเกิดขึ้น ตนภูมิใจอย่างยิ่งที่เป็นส่วนเล็กๆ ที่สร้างความสำเร็จ และเพื่อความมั่นใจกับคนที่ให้ความสำคัญกับคราฟท์ไทย ตน น้องสาว ประชาชนและ สส.พรรคภูมิใจไทยเห็นความสำคัญ พร้อมสนับสนุนต่อไป แม้ว่าจะไม่มีงบประมาณสนับสนุนจากรัฐ.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]