“พล.อ.ณัฐพล” ยันลดจำนวนกำลังพลต่อเนื่อง แต่เพิ่มเงินเดือนเป็นงบฯ บุคลากร

รัฐสภา 29 พ.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” รมช.กลาโหม ยืนยันลดจำนวนกำลังพลต่อเนื่อง แต่เพิ่มเงินเดือนเป็นงบฯ บุคลากร เผย ทร. เคยส่งคำขอเรือฟริเกต 2 ลำ แต่ฝ่ายนโยบายห่วงเสียฟรี 3.5 หมื่นล้าน จึงทยอยจัดหาทีละลำก่อน


พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงทันทีหลังนายชยพล สท้อนดี สส. กทม.พรรรคประชาชน อภิปรายในเรื่องงบประมาณกระทรวงกลาโหมจบ โดยกล่าวว่างบประมาณของกระทรวงกลาโหมถึงจะดูมีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่เมื่อเทียบกับสัดส่วนของงบประมาณประเทศแล้ว จะเห็นว่ามีสัดส่วนลดลง ส่วนสาเหตุที่ต้องรักษาความลับ เพราะตามระเบียบแล้วหากเอกสารส่งได้ส่วนหนึ่งมีความลับก็จะต้องถือว่าลับทั้งหมด

สำหรับจำนวนบุคลากรที่เพิ่มขึ้นนั้น กระทรวงกลาโหมได้ดำเนินการลดกำลังคนมาโดยตลอด โดยเฉพาะทหารชั้นนายพล เรามีเป้าหมายที่จะลดให้เหลือ 384 อัตรา ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ภายในปี 2570 กล่าวคือต้องลดจากปัจจุบัน 378 อัตรา ซึ่งในปี 2568 ได้ปรับลดไปแล้ว 308 อัตรา


กระทรวงกลาโหมได้ควบคุมยอดการผลิตกำลังพล จากนักเรียนนายร้อย นักเรียนนายสิบ มาตามลำดับตั้งแต่ปี 2530 จะพยายามคงยอดตรงนี้ไว้ไม่มีการเพิ่มนักเรียนนายร้อย นักเรียนนายสิบอีก

ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณท่านผู้ทรงเกียรติที่ได้ให้ข้อแนะนำในโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด ว่า 7-10 เดือนน้อยเกินไป ความจริงแล้วแนวคิดของกระทรวงกลาโหมในการทำโครงการ Early Retire คือจะใช้งบประมาณของกระทรวงเองโดยไม่ขอจากรัฐบาล ซึ่งจากงบประมาณที่กระทรวงมีอยู่เพียงพอบริหารโครงการแค่ 7-10 เดือน

“อย่างไรก็ตาม ผมได้กราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ว่าปัจจุบันนี้คณะกรรมาธิการการทหาร เสนอว่าน่าจะปรับเพิ่มขึ้น ก็คงจะมีการปรับปรุงต่อไป ก็ต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้” พล.อ.ณัฐพล กล่าว


ส่วนเรื่องการปรับลดกำลังพลประการสุดท้าย กระทรวงกลาโหมมีแผนปรับลดกำลังพลในภาพรวม ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา จากเดิมปีนั้นมียอด 237,818 นาย จะปรับลดลง 5% ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2570 กล่าวคือปรับลดลงประมาณ 12,000 อัตรา ซึ่งปีนี้ปรับลดไปแล้ว 9,000 อัตรา เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนกำลังพลประจำการปีที่แล้ว 230,000 อัตราโดยประมาณ แต่ปีนี้มีเพียง 228,000 อัตรา คือลดจากปีที่แล้วไป 3,000 กว่าอัตรา

จำนวนกำลังพลที่ลดลงแต่งบบุคลากรเพิ่มขึ้นมีสาเหตุคือ มีการปรับเงินเดือนข้าราชการตามนโยบายรัฐบาล ที่กำหนดให้เพิ่มเงินเดือน 10% ภายใน 2 ปี และกำลังพลที่เป็นระดับปริญญาตรีให้ปรับเงินเดือนเป็น 18,000 บาท รวมทั้งการเพิ่มเงินค่าครองชีพชั่วคราวด้วย

สาเหตุประการต่อมาคือ มีการปรับค่าตอบแทนพิเศษของทหารกองประจำการ หรือพลทหาร เพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 11,000 บาท นอกจากนั้นยังเพิ่มเงินชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับเงินเดือนแรกบรรจุเข้ารับราชการ ให้เป็น 18,000 บาทเท่ากัน โดยสรุปคือ คนลดลง แต่มีรายละเอียดของการเพิ่มเงินเดือนแต่ละบุคคลมากขึ้น เป็นสาเหตุให้งบบุคลากรของกระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้น

ส่วนกรณีสมุดปกขาว ทบ. ปัจจุบันได้มีแนวทางในการพัฒนาระบบการจัดหายุทโธปกรณ์ เรื่องเรือ Free Grade ส่วนตัวเห็นด้วยกับเหตุผลของสมาชิก เพราะในชั้นส่งคำขอกองทัพเรือขอมา 2 ลำ ลำละ 1,500 ล้านบาท รวมเป็น 35,000 ล้านบาท ในระดับนโยบายจึงมีความกังวลว่า หากมีเหตุไม่คาดคิดทำให้การจัดหาไม่เรียบร้อย รัฐบาลจะสูญเสียเงินถึง 35,000 ล้านบาท จึงให้กองทัพเรือทยอยจัดหา 1 ลำก่อน ในวงเงิน 17,500 ล้านบาท

พล.อ.ณัฐพล ได้นำเสนอยุทโธปกรณ์บางส่วนที่กองทัพไทยสามารถผลิตได้เองในปัจจุบัน อาทิ การพัฒนาเครื่องยิงลูกระเบิด 120 มม., แบบอัตตาจรล้อยาง (ATMM), ปืนเล็กยาวขนาด 5.56 มม., จรวดหลายลำกล้องอัตตาจร 122 มม. แบบ DTI-2, หุ่นยนต์เก็บกู้ระเบิด รุ่น D-Empir V.4, จรวดหลายลำกล้องอัตตาจร 122 มม. แบบ DTI-2, รถฐานยิงจรวดหลายลำกล้องอเนกประสงค์ แบบ D11A, หุ่นยนต์เก็บกู้ระเบิด รุ่น D-Empir V.4, หุ่นยนต์ตรวจการณ์ขนาดพกพา รุ่น NOONAR V.4, ยานเกราะล้อยาง First Win 4×4 ATV, เรือระบายพลขนาดกลาง รวมถึงอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว

สุรินทร์ 28 ส.ค.-รองผู้ว่าฯ สุรินทร์ เผยเด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าน้องเป็นคนไทย น้องยังต้องได้รับสิทธิตามอนุสัญญาหลักสิทธิเด็ก เข้ารับการศึกษาต่อไป นายประภาส ศรีจันทร์เวียง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า ขณะนี้ พมจ.สุรินทร์ ตม.สุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กำลังดูแลน้องอายุ 13 ปี ที่มีแม่เป็นชาวกัมพูชาและทั้งคู่ถูกแจ้งจับเนื่องจากเป็นคนต่างด้าวอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายและไม่มีใบอนุญาต ได้รับรายงานว่า เด็กชาย อายุ 13 ปีรายนี้ เกิดที่ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ส่วนแม่ทำงานในบ่อนการพนันที่ช่องสะงำ จากนั้นก็ได้เดินทางกลับประเทศโดยถูกกฎหมาย และคลอดน้องที่ประเทศกัมพูชา ก่อนจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต และลอบอยู่ในประเทศไทย โดยน้องได้รับการศึกษาในประเทศไทยตั้งแต่ ป.1 จนกระทั่งปัจจุบันคือ ม.1 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการพาน้องอายุ 13 ปี ตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจาก พมจ.สุรินทร์ ได้รับข้อมูลจากฝ่ายแม่เด็กว่า พ่อที่แท้จริงของน้องคือ ชายไทยที่อยู่ด้วยกันในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถยืนยันความจริงได้ นอกจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น เพื่อดำเนินการทางกฎหมายในขั้นตอนต่อไป เช่น หากพิสูจน์ได้ว่า น้องมีบิดา […]

มติสภาประชุมลับญัตติด่วน MOU43-44 ฝ่ายค้านชี้ปิดหูปิดตา ปชช.

28 ส.ค. – สภาฯ ถกญัตติด่วน “MOU 43-44” เพื่อไทยขอประชุมลับ หวั่นอภิปรายเนื้อหาล้ำเส้น กังวลกัมพูชารู้ทาง ด้านฝ่ายค้านยันต้องเปิดเผย ไม่ใช่ปิดหูปิดตาประชาชน สุดท้ายเปิดเผยเฉพาะผู้เสนอญัตติ ส่วนผู้อภิปรายเป็นประชุมลับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่งเป็นประธานการประชุม หลังพิจารรณากระทู้ถามทั่วไปแล้วได้มีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา 5 ฉบับ ได้แก่ 1. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 ระหว่างไทยกัมพูชา 2.นายกรวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เสนอให้สภาฯทำการศึกษาบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 แก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย กัมพูชา 3.นายสฤษพงศ์ ​เกี่ยวข้องสส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเนื่องจากตนได้เสนอญัตติดังกล่าวเป็นหนังสือไว้แล้ว ก็ขอให้นำมาอยู่ในวาระด่วนเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน 4.นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเรื่องขอให้สภาฯพิจารณาศึกษMOU 43 และ44 […]

เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด

แม่ฮ่องสอน 28 ส.ค. – เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด คอสะพานห้วยโป่งถูกน้ำป่าซัดเสียหายกว้างกว่า 80 เมตร คาด 1 ก.ย.นี้ สามารถเปิดเส้นทางสัญจรได้ สภาพความเสียหายของพื้นที่ริมทางหลวง 108 บริเวณห้วยบ้านตำข่อน บ้านแม่จ๋า บ้านผาบ่องเหนือ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน หลังระดับน้ำลดลงเป็นปกติ ยังคงมีท่อนไม้ ต้นไม้กองทับถมอยู่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนำรถและเครื่องจักรใหญ่เข้าเคลียร์ท่อนไม้ เศษไม้ที่กีดขวาง สามารถเปิดให้รถสัญจรไปมาได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก เส้นทางหมายเลข 108 บริเวณสะพานห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง ข้ามลำน้ำแม่จ๋า ซึ่งคอสะพานถูกน้ำป่าซัดได้รับความเสียหายเป็นแนวกว้าง ทำให้การสัญจรถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง จึงประสานศูนย์สร้างและบูรณะสะพานจังหวัดพิจิตร เพื่อขอสนับสนุนสะพานแบริ่ง หรือสะพานเหล็กสำเร็จรูป สำหรับใช้งานชั่วคราว ขณะที่วิศวกรจากศูนย์ฯ จะเข้าตรวจสอบความเสียหายของสะพานห้วยโป่ง เพื่อดำเนินการติดตั้งสะพานแบริ่ง หากไม่มีอุปสรรคคาดว่าสะพานจะพร้อมใช้งานและเปิดให้สัญจรได้อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 1 กันยายนนี้ น้ำที่ท่วม 13 หมู่บ้านรวมทั้งตัว อ.แม่แจ่ม เริ่มลดลงส่วนที่ จ.เชียงใหม่ […]

จนท.ตรึงกำลังเข้มบ้านหนองจาน หวั่นเผชิญหน้า

สระแก้ว 28 ส.ค. – คนไทยรวมพลบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว แสดงพลังปกป้องแผ่นดินไทย เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้ม หวั่นเหตุเผชิญหน้า หลังชาวกัมพูชาท้าทาย ขณะที่ “กัน จอมพลัง” ขนรถดูดส้วม 14 คัน เสิร์ฟเขมร.-สำนักข่าวไทย