มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ

โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล


จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า ไม่อยากให้เส้นผมบังภูเขา ขอให้ปราบได้จริง สิ่งที่เห็น ท่านได้ดำเนินการกับคนที่ไปหลบในประเทศเพื่อนบ้าน ภาคเหนือมาแล้ว แต่ยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ยังเหลือประเทศเพื่อนบ้านภาคตะวันออก วันนี้ หนู งู หนีจากภาคเหนือไปอยู่ภาคตะวันออกหมดแล้ว ท่านต้องใช้เวลานานเท่าไหน ใช้ตำรวจทำคดีกี่คน ทำไมไม่แก้กฎหมายฟอกเงินด้วย ถ้าจำเป็นอยากให้แก้เพิ่ม อย่างเรื่องสารวัตรซิว ทำไมจับไม่ได้ ตำรวจไทยเก่ง หนีไปดูไบก็ตามจับกลับมาได้ แต่นี่พนันออนไลน์ ตนคิดว่าไม่เกินความสามารถท่าน ตนไม่อยากให้เลือกปฏิบัติ วันนี้ที่ต่างชาติไม่กล้ามาลงทุนในไทย เพราะข้อมูลรั่วไหล 1 ใน 10 ของโลก มีจุดที่ต้องแก้ไขเยอะ ขอให้เป็นวาระเร่งด่วน ทำไมไม่ใช้ AI มาช่วย บทลงโทษก็เบาไป เหมือนเกรงใจ ตนจะดูว่างบ 2569 จะแต่งตั้งตำรวจสืบสวนได้กี่พันคน รัฐบาลให้เครื่องมือในการปราบปรามพอเพียงหรือไม่

“เราไปโทษต่างชาติเทา แต่ไอ้คนที่ชั่วที่สุดคือไทยดำ เรามีคนที่เอื้อให้ต่างชาติมาหากินมาหลอกคนไทย ไอ้พวกนี้ ชั่วที่สุดครับ วันนี้ขอให้ท่านทำจริง” นายจุติ กล่าว

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายว่า ปัจจุบันปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ สร้างความเสียหายมหาศาล และ 1 ใน 5 ของเหยื่อเป็นผู้สูงอายุ ที่ถูกหลอกเงินที่ตัวเองเก็บมาทั้งชีวิต จนสิ้นเนื้อประดาตัวในบั้นปลายโดยที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในวัยที่จะทำเงินทำงานหารายได้อะไรได้อีกแล้ว แสดงว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์วันนี้ไม่ใช่แค่โจรหลอกคน แต่เป็นโจรที่กำลังสร้างปัญหาสังคม ที่ทำลายระบบเศรษฐกิจทั้งประเทศ ตนเชื่อว่า พ.ร.ก.ไซเบอร์ฉบับใหม่นี้ จะช่วยให้หน่วยงานที่กำกับดูแลระบบการชำระเงินโทรศัพท์คมมนาคมมีอำนาจในการจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และให้ความเป็นธรรมกับประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อได้ดีกว่าที่เป็นอยู่


นายวิโรจน์ กล่าวว่า ประเด็นที่ตนสนใจอย่างมากอยู่ที่มาตรา 8/10 ที่ระบุว่าธนาคารเครือข่ายมือถือหรือผู้ให้บริการสื่อโซเชียลมีเดียต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายด้วย ไม่ปล่อยให้ผู้เสียหายรับผิดชอบตามลำพัง แบบคนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง ตนยืนยันว่าเป็นการแก้ไขตรงจุดอย่างมาก เพราะการที่ธนาคาร เครือข่ายมือถือและผู้ให้บริการสื่อโซเชียลมีเดียไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ลูกค้าถูกโจรหลอกดูดเงินก็ผลักภาระไปให้ลูกค้ารับผิดชอบเองเต็มๆคนเดียว ตนขอถามว่าสภาวะแบบนี้ธนาคาร เครือข่ายมือถือและผู้ให้บริการสื่อโซเชียลมีเดีย จะมีแรงจูงใจอะไรในการปรับปรุงระบบความปลอดภัย และปกป้องประชาชนและเจ้าของบัญชีเงินฝากจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังนั้นตามมาตรานี้ ธนาคารไม่ต้องกลัวว่าจะเจ๊งล้มละลาย ไม่ต้องกังวล เพราะหากธนาคารต้องร่วมรับผิดชอบ เราจะเห็นการปรับปรุงระบบความปลอดภัยของธนาคารออนไลน์ครั้งใหญ่และธนาคารพาณิชย์ต่างๆจะดำเนินการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องให้เท่าทันโจร

“ไม่มีธนาคารไหนปล่อยจอยให้ลูกค้าโดนโจรดูดเงิน หลอกเงินแล้วตามจ่าย แต่ทุกวันนี้ไม่มีกฎหมาย ธนาคารเลยไม่มีแรงจูงใจที่จะปรับปรุงระบบความปลอดภัยของตัวเอง ผมคุยมาหลายธนาคาร ผมยืนยันว่าไม่มีธนาคารไหนจะยอมปล่อยให้ระบบของตัวเองด้อยประสิทธิภาพ ดังนั้น ถ้ากฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ ความเสียหายระดับ 3 หมื่นล้านบาทจะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญทันที ดังนั้นรัฐบาลต้องใช้กลไกทางกฎหมายนี้ในการผลักดันให้ธนาคารเครือข่ายมือถือและผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียที่มีทั้งทุนทั้งเทคโนโลยีให้ไปสู้กับโจรออนไลน์ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนผู้สูงอายุในวัยเกษียณไปดวลกับโจรแบบที่ผ่านมา” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ประเด็นที่ต้องติดตามต่อนับจากนี้คือการบังคับใช้พ.ร.ก.ไซเบอร์ในภาคปฏิบัติ โดยเฉพาะการออกกฎหมายลูก ก็อยากถามว่ากฎหมายลูกจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ เพราะหากมี พ.ร.ก.โดด ทำงานไม่ได้ หรือในมาตรา 8/2 เกี่ยวข้องกับการคืนเงินให้กับผู้เสียหายก็ต้องมีการออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการเงื่อนไขและกรอบระยะเวลาก็ต้องถามเหมือนกันว่ากระทรวงดีอี ว่า มีกำหนดการหรือไม่ว่าจะออกกฎกระทรวงแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ตนยืนยันว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ใช่แค่ปัญหาอาชญากรรม แต่คือภัยคุกคามของระบบเศรษฐกิจและสังคมอย่างร้ายแรง ลองคิดดู รัฐบาลอัดฉีดเงินดิจิทัลวอลเล็ตเข้ามาในระบบ พยายามจะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ แต่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำตัวเป็นเครื่องดูดฝุ่น ดูดเงินออกไปปีละ 30,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับพนันออนไลน์ ที่สร้างความเสียหายปีละ 60,000 ล้านบาท สุดท้าย เงิน 100,000 ล้านบาท ที่จะสร้างพายุหมุนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์และพนันออนไลน์ดูดไปหมด เหลือแค่ 10,000 ล้านบาท แล้วหมุนกลับมาฟอกเป็นเงินบาทในประเทศไทย ซึ่งทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก

ขณะที่นายรังสิมันต์ อภิปรายว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร มีความคาดหวังกับกฎหมายฉบับนี้มากกว่านี้ บรรดาพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พูดง่ายๆ คือเป็นคนจีน ดังนั้น การแก้ปัญหา เราต้องแยกออกเป็น 2 มิติ มิติแรกเป็นมิติของการทำลายโครงสร้างอาชญากรรม ซึ่งวันนี้มีปัญหา เขาขาดความต่อเนื่องในการปราบปราม วันนี้บรรดาจีนเทาทั้งหลายเริ่มกลับมาประกอบธุรกิจแบบเดิม ในสถานที่เดิมแล้ว นอกจากนี้ ที่ร้ายแรงไม่น้อยไปกว่าฝั่งเมียนมาคือกัมพูชา

“เราอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชา แต่ต้องยอมรับว่าความก้าวหน้าในการปราบปรามแก๊งเหล่านี้น้อยมาก ณ วันนี้ ขาดประสิทธิภาพ” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า มิติที่ 2 คือการจัดการภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบัญชีม้า ซิมม้า วันนี้แม้จะมีการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ แต่แนวโน้มที่มีคนถูกหลอกกลับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาบางอย่าง

นายรังสิมันต์ ย้ำว่า เราต้องเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ต้องมั่นใจว่าคนไทยจะได้รับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ภาระไม่ควรจะตกเป็นของประชาชน แต่วันนี้ยังเปิดให้มีช่องทางที่ควบคุมไม่ได้ วันนี้ยังไม่มีการหน่วงบัญชี ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นคือถ้าพี่น้องประชาชนถูกหลอก เงินที่จะไหลเข้าสู่บัญชีม้าแถว 1 2 3 4 ก็ยังเดินทางต่อไปได้ เราไม่สามารถตามเงินต่อได้ โอกาสที่ประชาชนจะได้เงินคืนมีเท่าไหร่ มาตรฐานอยู่ตรงไหน ดังนั้น ต้องมีไกด์บุ๊ค

ตนเชื่อว่าผู้ประกอบการทุกคนทุกค่าย มีทีมทนายความเยอะแยะมากมายในการพิจารณาในศาล เขาจะสามารถแสดงได้ว่าทำตามมาตรฐาน ไม่มีความผิดพลาดในระบบอะไรเลย ส่วนตาสีตาสา จะเอาพยานเชี่ยวชาญจากไหนในการหักล้าง ตนนึกไม่ออกว่าจะทำได้ ดังนั้น การกำหนดแบบนี้ ตนถือว่าไม่ได้เป็นการกำหนดภาระหน้าที่ความรับผิดชอบให้กับบรรดาผู้ประกอบธุรกิจอย่างแท้จริง

“ท่านสอบกันเสร็จหรือยังครับ พลตำรวจตรี ต.เต่าแสดงให้เห็นหน่อยว่ารัฐบาลนี้จะเอาผิดกับบรรดาไทยเทา เจ้าหน้าที่รัฐเทา ประชาชนจะได้เชื่อมั่น วันนี้ ท่านออกมาตรการอะไรมาก็แล้วแต่ ประชาชนก็จะตั้งคำถามว่าตกลงแล้วรัฐบาลนี้มีแรงจูงใจมากเพียงพอจริงหรือไม่ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการที่ท่านแสดงให้เห็นสิ่งที่ได้ ต้องพิสูจน์ตั้งแต่วันนี้ ผมเชื่อว่าการทำงานของสภากับทางคณะรัฐมนตรี เราจะได้ช่วยกันสนับสนุนกันและกันในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อไป” นายรังสิมันต์ กล่าว

จากนั้นที่ประชุมลงมติ อนุมัติ พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ด้วยคะแนน 452 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี และงดออดเสียง 2 เสียง ขณะที่ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่ประชุมอนุมัติ 453 ไม่เห็นด้วยไม่มี และงดออกเสียง 2 เสียง.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]

“พล.อ.ณัฐพล” เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” รมช.กลาโหม เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session […]