มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ

โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล


จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า ไม่อยากให้เส้นผมบังภูเขา ขอให้ปราบได้จริง สิ่งที่เห็น ท่านได้ดำเนินการกับคนที่ไปหลบในประเทศเพื่อนบ้าน ภาคเหนือมาแล้ว แต่ยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ยังเหลือประเทศเพื่อนบ้านภาคตะวันออก วันนี้ หนู งู หนีจากภาคเหนือไปอยู่ภาคตะวันออกหมดแล้ว ท่านต้องใช้เวลานานเท่าไหน ใช้ตำรวจทำคดีกี่คน ทำไมไม่แก้กฎหมายฟอกเงินด้วย ถ้าจำเป็นอยากให้แก้เพิ่ม อย่างเรื่องสารวัตรซิว ทำไมจับไม่ได้ ตำรวจไทยเก่ง หนีไปดูไบก็ตามจับกลับมาได้ แต่นี่พนันออนไลน์ ตนคิดว่าไม่เกินความสามารถท่าน ตนไม่อยากให้เลือกปฏิบัติ วันนี้ที่ต่างชาติไม่กล้ามาลงทุนในไทย เพราะข้อมูลรั่วไหล 1 ใน 10 ของโลก มีจุดที่ต้องแก้ไขเยอะ ขอให้เป็นวาระเร่งด่วน ทำไมไม่ใช้ AI มาช่วย บทลงโทษก็เบาไป เหมือนเกรงใจ ตนจะดูว่างบ 2569 จะแต่งตั้งตำรวจสืบสวนได้กี่พันคน รัฐบาลให้เครื่องมือในการปราบปรามพอเพียงหรือไม่

“เราไปโทษต่างชาติเทา แต่ไอ้คนที่ชั่วที่สุดคือไทยดำ เรามีคนที่เอื้อให้ต่างชาติมาหากินมาหลอกคนไทย ไอ้พวกนี้ ชั่วที่สุดครับ วันนี้ขอให้ท่านทำจริง” นายจุติ กล่าว

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายว่า ปัจจุบันปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ สร้างความเสียหายมหาศาล และ 1 ใน 5 ของเหยื่อเป็นผู้สูงอายุ ที่ถูกหลอกเงินที่ตัวเองเก็บมาทั้งชีวิต จนสิ้นเนื้อประดาตัวในบั้นปลายโดยที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในวัยที่จะทำเงินทำงานหารายได้อะไรได้อีกแล้ว แสดงว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์วันนี้ไม่ใช่แค่โจรหลอกคน แต่เป็นโจรที่กำลังสร้างปัญหาสังคม ที่ทำลายระบบเศรษฐกิจทั้งประเทศ ตนเชื่อว่า พ.ร.ก.ไซเบอร์ฉบับใหม่นี้ จะช่วยให้หน่วยงานที่กำกับดูแลระบบการชำระเงินโทรศัพท์คมมนาคมมีอำนาจในการจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และให้ความเป็นธรรมกับประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อได้ดีกว่าที่เป็นอยู่


นายวิโรจน์ กล่าวว่า ประเด็นที่ตนสนใจอย่างมากอยู่ที่มาตรา 8/10 ที่ระบุว่าธนาคารเครือข่ายมือถือหรือผู้ให้บริการสื่อโซเชียลมีเดียต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายด้วย ไม่ปล่อยให้ผู้เสียหายรับผิดชอบตามลำพัง แบบคนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง ตนยืนยันว่าเป็นการแก้ไขตรงจุดอย่างมาก เพราะการที่ธนาคาร เครือข่ายมือถือและผู้ให้บริการสื่อโซเชียลมีเดียไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ลูกค้าถูกโจรหลอกดูดเงินก็ผลักภาระไปให้ลูกค้ารับผิดชอบเองเต็มๆคนเดียว ตนขอถามว่าสภาวะแบบนี้ธนาคาร เครือข่ายมือถือและผู้ให้บริการสื่อโซเชียลมีเดีย จะมีแรงจูงใจอะไรในการปรับปรุงระบบความปลอดภัย และปกป้องประชาชนและเจ้าของบัญชีเงินฝากจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังนั้นตามมาตรานี้ ธนาคารไม่ต้องกลัวว่าจะเจ๊งล้มละลาย ไม่ต้องกังวล เพราะหากธนาคารต้องร่วมรับผิดชอบ เราจะเห็นการปรับปรุงระบบความปลอดภัยของธนาคารออนไลน์ครั้งใหญ่และธนาคารพาณิชย์ต่างๆจะดำเนินการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องให้เท่าทันโจร

“ไม่มีธนาคารไหนปล่อยจอยให้ลูกค้าโดนโจรดูดเงิน หลอกเงินแล้วตามจ่าย แต่ทุกวันนี้ไม่มีกฎหมาย ธนาคารเลยไม่มีแรงจูงใจที่จะปรับปรุงระบบความปลอดภัยของตัวเอง ผมคุยมาหลายธนาคาร ผมยืนยันว่าไม่มีธนาคารไหนจะยอมปล่อยให้ระบบของตัวเองด้อยประสิทธิภาพ ดังนั้น ถ้ากฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ ความเสียหายระดับ 3 หมื่นล้านบาทจะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญทันที ดังนั้นรัฐบาลต้องใช้กลไกทางกฎหมายนี้ในการผลักดันให้ธนาคารเครือข่ายมือถือและผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียที่มีทั้งทุนทั้งเทคโนโลยีให้ไปสู้กับโจรออนไลน์ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนผู้สูงอายุในวัยเกษียณไปดวลกับโจรแบบที่ผ่านมา” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ประเด็นที่ต้องติดตามต่อนับจากนี้คือการบังคับใช้พ.ร.ก.ไซเบอร์ในภาคปฏิบัติ โดยเฉพาะการออกกฎหมายลูก ก็อยากถามว่ากฎหมายลูกจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ เพราะหากมี พ.ร.ก.โดด ทำงานไม่ได้ หรือในมาตรา 8/2 เกี่ยวข้องกับการคืนเงินให้กับผู้เสียหายก็ต้องมีการออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการเงื่อนไขและกรอบระยะเวลาก็ต้องถามเหมือนกันว่ากระทรวงดีอี ว่า มีกำหนดการหรือไม่ว่าจะออกกฎกระทรวงแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ตนยืนยันว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ใช่แค่ปัญหาอาชญากรรม แต่คือภัยคุกคามของระบบเศรษฐกิจและสังคมอย่างร้ายแรง ลองคิดดู รัฐบาลอัดฉีดเงินดิจิทัลวอลเล็ตเข้ามาในระบบ พยายามจะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ แต่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำตัวเป็นเครื่องดูดฝุ่น ดูดเงินออกไปปีละ 30,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับพนันออนไลน์ ที่สร้างความเสียหายปีละ 60,000 ล้านบาท สุดท้าย เงิน 100,000 ล้านบาท ที่จะสร้างพายุหมุนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์และพนันออนไลน์ดูดไปหมด เหลือแค่ 10,000 ล้านบาท แล้วหมุนกลับมาฟอกเป็นเงินบาทในประเทศไทย ซึ่งทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก

ขณะที่นายรังสิมันต์ อภิปรายว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร มีความคาดหวังกับกฎหมายฉบับนี้มากกว่านี้ บรรดาพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พูดง่ายๆ คือเป็นคนจีน ดังนั้น การแก้ปัญหา เราต้องแยกออกเป็น 2 มิติ มิติแรกเป็นมิติของการทำลายโครงสร้างอาชญากรรม ซึ่งวันนี้มีปัญหา เขาขาดความต่อเนื่องในการปราบปราม วันนี้บรรดาจีนเทาทั้งหลายเริ่มกลับมาประกอบธุรกิจแบบเดิม ในสถานที่เดิมแล้ว นอกจากนี้ ที่ร้ายแรงไม่น้อยไปกว่าฝั่งเมียนมาคือกัมพูชา

“เราอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชา แต่ต้องยอมรับว่าความก้าวหน้าในการปราบปรามแก๊งเหล่านี้น้อยมาก ณ วันนี้ ขาดประสิทธิภาพ” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า มิติที่ 2 คือการจัดการภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบัญชีม้า ซิมม้า วันนี้แม้จะมีการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ แต่แนวโน้มที่มีคนถูกหลอกกลับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาบางอย่าง

นายรังสิมันต์ ย้ำว่า เราต้องเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ต้องมั่นใจว่าคนไทยจะได้รับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ภาระไม่ควรจะตกเป็นของประชาชน แต่วันนี้ยังเปิดให้มีช่องทางที่ควบคุมไม่ได้ วันนี้ยังไม่มีการหน่วงบัญชี ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นคือถ้าพี่น้องประชาชนถูกหลอก เงินที่จะไหลเข้าสู่บัญชีม้าแถว 1 2 3 4 ก็ยังเดินทางต่อไปได้ เราไม่สามารถตามเงินต่อได้ โอกาสที่ประชาชนจะได้เงินคืนมีเท่าไหร่ มาตรฐานอยู่ตรงไหน ดังนั้น ต้องมีไกด์บุ๊ค

ตนเชื่อว่าผู้ประกอบการทุกคนทุกค่าย มีทีมทนายความเยอะแยะมากมายในการพิจารณาในศาล เขาจะสามารถแสดงได้ว่าทำตามมาตรฐาน ไม่มีความผิดพลาดในระบบอะไรเลย ส่วนตาสีตาสา จะเอาพยานเชี่ยวชาญจากไหนในการหักล้าง ตนนึกไม่ออกว่าจะทำได้ ดังนั้น การกำหนดแบบนี้ ตนถือว่าไม่ได้เป็นการกำหนดภาระหน้าที่ความรับผิดชอบให้กับบรรดาผู้ประกอบธุรกิจอย่างแท้จริง

“ท่านสอบกันเสร็จหรือยังครับ พลตำรวจตรี ต.เต่าแสดงให้เห็นหน่อยว่ารัฐบาลนี้จะเอาผิดกับบรรดาไทยเทา เจ้าหน้าที่รัฐเทา ประชาชนจะได้เชื่อมั่น วันนี้ ท่านออกมาตรการอะไรมาก็แล้วแต่ ประชาชนก็จะตั้งคำถามว่าตกลงแล้วรัฐบาลนี้มีแรงจูงใจมากเพียงพอจริงหรือไม่ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการที่ท่านแสดงให้เห็นสิ่งที่ได้ ต้องพิสูจน์ตั้งแต่วันนี้ ผมเชื่อว่าการทำงานของสภากับทางคณะรัฐมนตรี เราจะได้ช่วยกันสนับสนุนกันและกันในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อไป” นายรังสิมันต์ กล่าว

จากนั้นที่ประชุมลงมติ อนุมัติ พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ด้วยคะแนน 452 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี และงดออดเสียง 2 เสียง ขณะที่ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่ประชุมอนุมัติ 453 ไม่เห็นด้วยไม่มี และงดออกเสียง 2 เสียง.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อพยพด่วน! พนังกั้นน้ำแตกทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

เพชรบูรณ์ 20 ก.ย. – พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงและอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย มีรายงานว่า พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ฝั่งถนนพิทักษ์ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก รอบที่ 2 กู้ชีพกู้ภัย รถพยาบาล ระดมกำลังเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียง และอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ประกาศห้ามรถทุกชนิดผ่าน และให้ยกของขึ้นที่สูงโดยด่วน ส่วนอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการชลประทาน พร้อมทหาร เร่งวางแบริเออร์ กระสอบทรายบริเวณสวนสาธารณะดงตาล เพื่อชะลอมวลน้ำไม่ให้เข้าในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย

“20 ชม.” แพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัดต่อมือเด็กสำเร็จ

เชียงใหม่ 20 ก.ย.- ทีมแพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัด 20 ชั่วโมง ต่อมือเด็กหญิงวัย 14 ปี ประสบความสำเร็จ หลังถูกฟันขาด เบื้องต้นยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด เหตุการณ์ ขณะนายจายอ้ายหม่อง หรือ นายหม่อง อันธพาลเมียนมาและพวก ถือมีดสปาต้า วิ่งเข้าไล่ฟันกลุ่มผู้เสียหาย จนได้รับบาดเจ็บ 3 คน หนึ่งในนั้น คือ ด.ญ.อายุ 14 ปี ซึ่งยกแขนขึ้นบัง ทำให้ถูกนายหม่องฟันจนข้อมือขาด เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา บริเวณร้านซักรีดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต่อมาตำรวจตามจับคนก่อเหตุได้ทั้งหมด 15 ราย ล่าสุด รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ ระบุได้รับผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดจนมือขวาขาดระดับข้อมือ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 […]

“นายกฯ อนุทิน” ลงพื้นที่อ่างทอง ประกาศไม่ต้องลุ้น 4 เดือนยุบสภาแน่

อ่างทอง 20 ก.ย. – “นายกฯ อนุทิน” ลงพื้นที่อ่างทอง จังหวัดแรก ประกาศไม่ต้องลุ้น 4 เดือนยุบสภาแน่ ทำงานเต็มที่ หวังประชาชนเลือกกลับเข้ามาอีก พร้อมอวยพรวันเกิด “ภราดร” ครบ 46 ปี เจ้าตัวถึงกับคุกเข่ามอบมาลัยขอบคุณ “อนุทิน“ อ้อนชาวอ่างทอง อสม.แฟนเก่า ขอยืมตัว “ลูกแบด” ไปเป็น รมต. คุมสำนักงบฯ ตามติดตัว 24 ชั่วโมง บอกเก่งทุกเรื่อง ยกเว้นหาเมีย ขณะครอบครัว “ปริศนานันทกุล” ปลื้ม คนดังการเมืองตบเท้าแน่น “อนุทิน” ประกาศเชียร์คืนความเป็นธรรม อดีตผู้ว่าฯ อ่างทอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ใช้โอกาสก่อนลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม เดินทางมาที่ อบจ.อ่างทอง เพื่อพบปะกับประชาชน และร่วมอวยพรวันเกิดให้กับนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อายุครบ 46 ปี ซึ่งมีครอบครัว ทั้งนายสมศักดิ์ […]

พิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.7 ประดิษฐานหน้าอาคารรัฐสภา

รัฐสภา 20 ก.ย.- รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) ประดิษฐานหน้าอาคาร ขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริง 4 เท่า เมื่อเวลา 08.00 น. รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) เพื่อประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา (ถนนสามเสน) โดยมีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. นายชวนหลีก หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปปัตย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านพรรคเพื่อไทย น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และประธานกรรมการ บมจ.อสมท รวมถึงข้าราชการรัฐสภา ร่วมพิธีด้วย โดยนายไชยาและพล.อ.สวัสดิ์ ถวายพวงมาลัยและโปรยดอกไม้ที่พระบาทของพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ จากนั้นปักธูปที่เครื่องบวงสรางพร้อมโปรยดอกไม้ จากนั้นนายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้าโหรพราหมณ์ สำนักพระราชวัง อ่านโองการจากนั้นเชิญประธานในพิธีโปรยดอกไม้ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวง วางพานประดับพุ่มดอกไม้ และจุด ธูป เทียน […]