ชง ครม.ออกซอฟต์โลน 1.5 หมื่นล้าน ช่วยจังหวัดชายแดนใต้

17 พ.ค. – รมว.ยุติธรรม ชง ครม. ออกซอฟต์โลน 1.5 หมื่นล้าน ช่วยจังหวัดชายแดนใต้ ผู้แทนภาคธุรกิจ-สภาอุตฯ-หอการค้าฯ มอบดอกไม้ให้กำลังใจ อวยพรให้ชนะอุปสรรคทั้งปวงเพื่อเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนต่อไป


ผู้สื่อข่าวรายงานจากโรงแรมปาร์ควิว จังหวัดยะลา ว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ปาฐกถาพิเศษ “การสร้างความโปร่งใสในระบบการเงินและการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างมั่นคงและเป็นธรรม” ในการสัมมนาการคุ้มครองผู้บริโภคสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ของคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายอับดุลอายี สาแม็ง รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 3 จังหวัดยะลา พรรคประชาชาติ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร,

นายสุไลมาน บือแนปีแน สภาผู้แทนราษฎร เขต 1 จังหวัดยะลา พรรคประชาชาติ, ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู สภาผู้แทนราษฎร เขต 1 จังหวัดปัตตานี พรรคประชาชาติ, นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ สภาผู้แทนราษฎร เขต 3 จังหวัดปัตตานี พรรคประชาชาติ และนายสาเหะมูหามัด อัลอิดรุส สภาผู้แทนราษฎร เขต 5 จังหวัดปัตตานี พรรคประชาชาติ ร่วมให้การต้อนรับ โดยมีผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ ผู้แทนจากสภาหอการค้าในจังหวัดชายแดนใต้ ผู้แทนจากสภาอุตสาหกรรมในจังหวัดชายแดนใต้ ภาควิชาการ สื่อมวลชน และผู้ที่สนใจเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมาก


พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า “วันนี้มาในฐานะรัฐบาล มารับฟังข้อเสนอของภาคส่วนต่างๆ และในฐานะตัวแทนของประชาชน ก็อยากให้ทุกคนช่วยกันคิดและอยากจะมาผลักดันให้ และจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการและการลงทุนของผู้ประกอบการในพื้นที่ และเพื่อให้ผู้ประกอบการยังคงสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง รัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงอยู่ระหว่างการจัดเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติการปรับปรุงเงื่อนไขและต่ออายุโครงการซอฟต์โลนภาคใต้ ซึ่งโครงการปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายนนี้ ให้ขยายออกไป โดยในรายละเอียดของโครงการซอฟต์โลนภาคใต้ที่จะเสนอใหม่นี้ ได้เตรียมวงเงินไว้ทั้งสิ้น 15,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน (Soft Loan) ให้กับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วยทั้งธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งสถาบันการเงินที่ได้รับวงเงินซอฟต์โลน จะนำไปปล่อยสินเชื่อต่อให้กับผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส รวมถึงพื้นที่ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอเทพา อำเภอจะนะ อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่โดยตรง”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อเสนอแนวทางเพื่อเสริมความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้ในโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ของรัฐบาลนั้น ความเป็นมาในการดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา ที่รัฐบาลดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อลดข้อจำกัดในทางปฏิบัติบางประการ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการในการช่วยฟื้นฟูกิจการ และลดภาระหนี้สินของประชาชนอย่างแท้จริง

สำหรับข้อเสนอแนวทางเพื่อให้การดำเนินโครงการ Soft Loan มีประสิทธิผลสูงสุด และคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนผู้เป็นลูกหนี้ เสนอให้พิจารณาประกอบการตัดสินใจในระดับนโยบาย อาทิ ในหลายกรณี ผู้ประกอบการจำเป็นต้องใช้เงินทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องโดยการชำระหนี้เดิม ซึ่งหากไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ Soft Loan เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว จะไม่สามารถฟื้นฟูธุรกิจได้อย่างแท้จริง และเสนอให้ผ่อนปรนข้อจำกัดดังกล่าวโดย ให้สามารถใช้ซอฟต์โลน เพื่อชำระหนี้เดิมได้ ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายเจ้าหนี้จะต้องปรับลดภาระของลูกหนี้ควบคู่กัน รวมถึงข้อเสนอในการกำหนดให้เจ้าหนี้ที่ลูกหนี้ได้รับซอฟต์โลน ต้องปรับลดภาระหนี้ ทั้งการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้เดิมลง หรือการขยายระยะเวลาการชำระหนี้เดิมให้เหมาะสมกับศักยภาพของลูกหนี้ รวมถึงการส่งเสริมการ “ปรับโครงสร้างหนี้” อย่างเป็นระบบ โดยอาศัยซอฟต์โลนเป็นกลไกในการเปลี่ยนผ่าน


นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอแนะถึงการบังคับใช้ลำดับการตัดชำระหนี้ตามเกณฑ์ ธปท. กำหนดให้สถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้ที่เข้าร่วมโครงการ ต้องปฏิบัติตามแนวทาง “การตัดหนี้แนวขวาง” ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย (ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2563) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2564 เพื่อให้การชำระหนี้ของลูกหนี้สามารถลดเงินต้นได้จริง และไม่เกิดกรณีที่ประชาชนชำระหนี้เป็นเวลานานโดยหนี้ไม่ลด

สำหรับข้อเสนอแนะทั้งหมดเบื้องต้น ผลที่คาดว่าจะได้รับจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้ซอฟต์โลนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก สามารถลดภาระดอกเบี้ยสะสมและภาวะหนี้เรื้อรังของลูกหนี้ เสริมสร้างความเป็นธรรมในระบบสินเชื่อ และต่อมาตรการภาครัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายสมพงศ์ สิมาพัฒนพงศ์ ที่ปรึกษาสภาอุตสาหกรรมจังหวัดยะลา ในฐานะผู้แทนภาคธุรกิจในจังหวัดชายแดนใต้ นำคณะฯ เข้ามอบดอกไม้ให้กำลังใจ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ และอวยพรให้ชนะอุปสรรคทั้งปวงเพื่อเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนต่อไป ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีกำหนดการลงพื้นที่พบปะประชาชนชาวจังหวัดยะลา ในช่วงบ่าย ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในช่วงค่ำ.-119-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]