กรุงฮานอย 15 พ.ค.- นายกฯ เผยกำแพงภาษีสหรัฐไม่กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนเวียดนาม-Vietjet Air เตรียมเพิ่มเที่ยวบินไทย-เวียดนาม เส้นทางบินตรงภาคอีสาน
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการหารือ กับภาคเอกชนไทยหลายบริษัท ที่มาลงทุนในเวียดนาม exim bank , SCG , CP , อมตะ , เซ็นทรัลกรุ๊ป ระหว่างเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม อย่างเป็นทางการวันนี้(15 พ.ค.) ว่า ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน ได้รับทราบข้อดีข้อเสีย โดยเฉพาะปัญหาที่ภาคธุรกิจไทยเข้ามาลงทุนในเวียดนาม และได้ทราบว่ากฎหมายของเวียดนาม บางอย่างก็เอื้อให้กับการลงทุน หากมีในประเทศไทยก็จะเอื้อกับการลงทุนอย่างมาก ซึ่งความมั่นคงของรัฐบาลทุกประเทศเป็นสิ่งสำคัญ หากมีรัฐบาลที่อยู่ครบ 4 ปีได้ทุกๆ ครั้งไม่ว่ารัฐบาลไหน สามารถคุมนโยบายได้ จะทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ เป็นสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ได้พบกับนักธุรกิจที่ครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นปศุสัตว์ ธนาคาร สินค้าอุปโภคบริโภค พลังงานทดแทน ได้รับทราบข้อมูล ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่เวียดนามกำลังต้องการ มีกฎหมายที่เอื้อให้บริษัทเหล่านี้เข้ามาลงทุน นอกจากนี้ ยังพบกับสภาหอการค้าและอุตสาหกรรม ที่เข้มแข็งอย่างมากในการเป็นโต๊ะกลางเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ การลงทุนต่างๆ ก็จะเข้มแข็งมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีภาคเอกชนอีก 2 บริษัท SOVICO Group ที่ดำเนินธุรกิจครอบคลุมการบิน พลังงาน และการเงิน รวมถึงสายการบิน Vietjet Air ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ก็มีการคุยกันให้เปิดเที่ยวบินเพิ่ม ซึ่งมีความเป็นไปได้เกือบ 100% ที่จะเพิ่มเที่ยวบินระหว่างไทย-เวียดนาม เป็นเที่ยวบินตรงเวียดนาม-นครพนม หรือ เวียดนาม-อุดรธานี เพราะมีความพร้อมของเครื่องบินอยู่ ซึ่งทั้ง 2 จังหวัดเป็นเหมือนเมืองคู่แฝดกับเวียดนามอยู่แล้ว ที่ชาวเวียดนามก็ชื่นชอบ เพราะมี vietnam town ที่จังหวัดอุดรธานี จึงอยากส่งเสริมพรุ่งนี้เพื่อให้เศรษฐกิจทั้งสองประเทศเติบโตขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อีกบริษัทที่ได้มีโอกาสได้พบ คือ บริษัท FPT Corporation ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ของเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็น เซมิคอนดักเตอร์ ดิจิทัล AI ตอนนี้มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเราพยายามสนับสนุนให้เข้ามาลงทุนในเรื่องของบุคคล เรื่องมหาวิทยาลัย และอุตสาหกรรมแห่งอนาคตเพิ่มเติม Data Center และ Semiconductor ซึ่งเรากำลังดูว่าอะไรที่จะดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว หากอะไรที่สามารถขยายโอกาสได้ก่อน ก็จะทำให้เขามาลงทุนก่อน ซึ่งทิศทางเป็นไปในทางบวกว่าจะมาลงทุน ส่วนเรื่องรายละเอียดหัวข้อ ให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับ BOI ทำงานต่อ
ขณะที่เรื่องของกำแพงภาษีที่สหรัฐฯ มีต่อไทยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการพูดคุยกับภาคเอกชนเวียดนาม ก็ค่อนข้างมีความกังวลเหมือนไทยตอนแรกๆ แต่พอเวลาผ่านไปก็มีความลงตัวมากขึ้น รวมถึงข้อเสนอของไทยที่เสนอไป ก็มีผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่นเดียวกับของเวียดนาม ทำให้ทั้งไทยและเวียดนามหาจุดที่ลงตัวได้ เมื่อได้แบบพูดคุยกันแล้ว ก็พบว่าทั้งสองประเทศอยู่ในจุดเดียวกัน และโชคดีที่ข้อเสนอของเราถูกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯหยิบยกขึ้นมาว่ามีประโยชน์และเป็นข้อเสนอที่ดี สมกับที่ทั้งทีมทำการบ้านมา และคิดว่าจะเกิดผลเป็นรูปธรรมเร็วๆนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการนัดหารือ ตกลงวันเจรจา แต่การที่สหรัฐฯ ส่งสัญญาณมาว่าขณะนี้ว่าข้อเสนอของเราโอเค ก็แปลว่าการนัดวันหารือก็น่าจะเร็วๆนี้ ซึ่งนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ติดตามเรื่องนี้อยู่ ถ้าหากพร้อมและสหรัฐจัดคิว ก็น่าจะถึงประเทศไทยเร็วๆนี้ .-316 -สำนักข่าวไทย