“สนธิญา” ยื่น นายกฯ ตรวจสอบ “พีระพันธุ์”

กทม. 6 พ.ค.-“สนธิญา” ยื่น นายกฯ ตรวจสอบ “พีระพันธุ์” ถือหุ้น 4 บริษัท นั่งกรรมการ ขัดรัฐธรรมนูญและจริยธรรมร้ายแรง หากพบความจริงต้องลาออกทั้งตำแหน่งรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค รทสช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.20 น. นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้มายื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบเพื่อให้ความจริงปรากฏ กรณีการถือหุ้นและเป็นกรรมการบริหารในบริษัท จำนวน 4 บริษัท ของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) การเลือกตั้ง สส. และ ฝ่าฝืน จริยธรรมร้ายแรง เพื่อให้นายกฯตรวจสอบ และดำเนินการอย่างเร่งด่วนต่อไป โดยมี พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้รับยื่นหนังสือแทน


นอกจากนี้ ว่าที่ร้อยเอกไกรภพ นครชัยกุล อดีตหัวหน้ารวมไทยสร้างชาติ เดินทางเข้ามายื่นหนังสือถึงนายกฯ เพื่อขอให้ปลด นายพีระพันธุ์ รวมถึงขอให้ลาออกจากหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังปรากฏข้อมูลที่ยืนยันแน่ชัด กรณีแจกถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งเป็นงบประมาณของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และเป็นงบประมาณจากรัฐ แต่กลับติดสติกเกอร์รูปและชื่อของตนเอง ถือเป็นการใช้ทรัพย์สินของหลวง เพื่อประโยชน์ของตนเอง อันเป็นการกระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กระทำขัดต่อผลประโยชน์ทับซ้อน

รวมทั้งกรณีการถือครองหุ้นและเป็นกรรมการบริษัท อันเป็นเอกสารมหาชนอย่างชัดแจ้ง ความปรากฏแก่นายทะเบียนพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ระบุว่าปัจจุบัน นายพีระพันธุ์ ยังเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท รพีโสภาค จำกัด , บริษัท โสภา คอลเลคชั่นส์ จำกัด , บริษัท วีพี แอร์โร่เทค จำกัด และบริษัท พี แอนด์ เอส แลนด์ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด อีกทั้งปัจจุบันนายพีระพันธุ์ ยังดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท รพีโสภาค จำกัด ซึ่งปรากฏตามหนังสือรับรองนิติบุคคลของบริษัท รพีโสภาค จำกัด ในขณะที่นายพีระพันธุ์ ยังดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.พลังงาน ในรัฐรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ มีพฤติการณ์กระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ อันทำให้สถานะความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง และขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากในขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรียังเป็นกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นด้วย


อีกทั้งการถือหุ้นเกินกว่าจำนวน 5 เปอร์เซ็นต์ จะต้องแจ้งให้แก่ประธานประชาชนทราบและไม่คงหุ้นไว้ ให้โอนแก่นิติบุคคลที่บริหารจัดการ แต่นายพีระพันธุ์ยังกระทำฝ่าฝืน โดยมองว่าการเป็นรัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตอันเป็นที่ประจักษ์ และต้องไม่มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ล้วนเป็นบทบัญญัติคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี

การที่นายพีระพันธุ์ ได้แจ้งข้อมูลและกรอกข้อมูลหรือให้ข้อมูลในแบบแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการอ่านอาจจะขัดกับการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 อันเป็นลักษณะปกปิดการกระทำของตนเอง ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีไม่ตรวจสอบให้ดี ไม่ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอในการตรวจสอบคุณสมบัติการซุกหุ้น และเป็นเจ้าของหรือกรรมการบริหารหลายบริษัท

ภายหลังการยื่นหนังสือ นายสนธิญา ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีนายพีระพันธุ์ ถือหุ้นจำนวน 4 บริษัท โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ น.ส.แพทองธาร ตรวจสอบว่าทั้ง 4 บริษัทที่ตกเป็นข่าวว่ามีชื่อนายพีระพันธุ์ เป็นหุ้นส่วนหรือเป็นกรรมการบริหารอยู่หรือไม่ ว่า หากมีชื่ออยู่ ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทั้งนี้หากนายกฯ ยังคงเพิกเฉย ไม่ได้ติดตามกระบวนการหนึ่งกระบวนการใด จะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะนายพีระพันธุ์ ดำรงตำแหน่ง รองนายกฯ ที่เป็นลูกน้องภายใต้ความรับผิดชอบของนายกฯ ดังนั้น ตนขอให้ นายกฯ มอบหมายบุคคลใดก็ได้ไปดำเนินการช่วยตรวจสอบกับกรมทะเบียนพาณิชย์ ว่ามีชื่อ นายพีระพันธุ์ หรือไม่ หากพบว่ามีชื่อ นายพีระพันธุ์ ทุกอย่างก็จบ และส่วนตัวยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่ไปถึงการบริหารงานของคณะนายกฯ ดังนั้น วันนี้ตนขอความชัดเจนว่า ทั้ง 4 บริษัท มีชื่อนายพีระพันธุ์ เป็นกรรมการบริหาร และถือหุ้นอยู่ในบริษัทนั้นๆหรือไม่ ย้ำว่า ต้องการให้นายกรัฐมนตรีช่วยตรวจสอบในประเด็นดังกล่าว


เมื่อถามว่าหากนายกฯ ไม่ได้ดำเนินการตามที่มาเรียกร้อง จะมีมาตรการ หรือจะมีการร้องเรียนอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า 1. หากนายก ฯ ไม่ดำเนินการตรวจสอบ เท่ากับเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 2.ตนจะยื่นหนังสือต่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบการกระทำดังกล่าวข้างต้น ว่า กรณีที่ นายพีระพันธุ์ เป็นรองนายกฯ และรมว.พลังงาน ได้ถือหุ้นหรือไม่ถือหุ้นนั้น เพื่อความกระจ่าง และชัดเจน ในฐานะที่ นายกฯ หรือ รองนายกฯ ต่างก็เป็นคนของประชาชน เป็นคนสาธารณะ เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองทั้งคู่ ดังนั้นต้องให้ความชัดเจนกับประชาชนที่ติดตามเรื่องดังกล่าว เพื่อให้เป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ

ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่านายพีระพันธุ์ เป็นบุคคลที่ซื่อสัตย์สุจริตนั้น ตนเห็นด้วย เนื่องจากประวัติที่ผ่านมา นายพีระพันธุ์ เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์นั้น นายสนธิญา กล่าวว่า ตนก็เคารพ นายพีระพันธุ์ เป็นการส่วนตัว และเคยทำงานกับด้วยกันในช่วงที่ตนเป็นเลขาผู้อำนวยการองค์การสภากลาง ซึ่งตนศรัทธา และเชื่อมั่นในตัวของ นายพีระพันธุ์ ฉะนั้น ตนต้องการให้เกิดความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว หากการเลือกตั้งสมัยหน้า นายพีระพันธุ์ ได้คะแนนเสียงมาก ก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้สมบูรณ์แบบ แต่หากถือหุ้นอยู่จริงก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายตามที่ รธน. บัญญัติไว้ ดังนั้น การร้องวันนี้เพื่อไม่ให้เป็นการลักลั่น ในการปฏิบัติหน้าที่และเป็นไปตามบทบัญญัติ รธน. ปี 2560 เพราะเราอยู่ภายใต้ รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน และมาตราเดียวกัน กับบุคคลอื่นที่ถูกพิพากษาหรือถูกตัดสินไปแล้ว

เมื่อถามว่ามองการตรวจสอบคุณสมบัติตั้งแต่เริ่มก่อนที่จะแต่งตั้งนายพีระพันธุ์มีหละหลวมเกินไป จนอาจจะซ้ำรอยกับกรณีกรณีนายเศรษฐา หรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่หละหลวม แต่ประเด็นการตรวจสอบของสำนักงานเลขานายก ฯ กรงจะตรวจสอบกับบุคคลนั้นที่จะเป็นรัฐมนตรีหรือรองนายกฯ เขาคงเชื่อมั่นว่า รัฐมนตรีหรือรองนายก ฯ ต้องมีฝ่ายกฎหมาย หรือต้องรู้กฎหมายก็ไม่จำเป็นจะต้องตรวจสอบซ้ำ แต่บางครั้งอาจจะเผลอลืม ตรวจสอบจนเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งตรงนี้จะเป็นปัญหาเฉพาะบุคคล ย้ำว่าไม่ใช่การตรวจสอบรัฐบาลไม่ดีพอ แต่หากกรณีสำนักเลขานายก ฯ จะไปตรวจละเอียดก็คงจะต้องเกรงใจรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นความผิดพลาดของความหละหลวมที่เกิดขึ้น แล้วทำให้เกิดปัญหาอย่างในปัจจุบัน

นายสนธิญา กล่าวย้ำว่า ตนไม่มีเรื่องใดที่เจ็บปวดหรือเคืองแค้นกับนายพีระพันธุ์ ตนรักและเคารพนับถือ แต่เมื่อตนได้รับเอกสารร้องเรียนมา และที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้องเรียนของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายก ฯ หรือ อดีต สส.พรรคก้าวไกล 44 คน ที่ลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 นั้น ตนก็ร้องเรียนเช่นกัน เพราะอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน จนกระทั่งวันนี้ตนไม่มีพรรคการเมืองสังกัด และทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนและความถูกต้องเป็นที่ตั้ง และเป็นไปตาม
รัฐธรรมนูญ

เมื่อถามย้ำว่าหากนายพีระพันธุ์ผิดจริง จะมีผลกระทบถึง นายก ฯ เหมือนตอนสมัยรัฐบาลนายเศรษฐาหรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า ถ้านายพีระพันธุ์ มีปัญหาในเรื่องของการถือหุ้น หรือทำการบริหารอยู่ในหุ้น ฝ่ายกฎหมายหลายหลายฝ่ายที่ออกมาพูดหรือจะมีบุคคลอื่น เช่น นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสว. โดยส่วนตัวนั้นตนไม่รู้จักกับนายเรืองไกร และไม่เคยเจอตัวจริง ตนไม่แน่ใจว่าบุคคลหนึ่งบุคคลใด จะดำเนินการต่อไปอย่างไรหรือไม่ แต่ส่วนตัวตนนั้น ขอยืนยันว่า ถ้าสมมุติมีการยืนยันชัดเจนว่านายพีระพันธุ์ ถือหุ้นแล้วอยู่กรรมการบริษัท และลาออกจากตำแหน่ง ลาออกออกจากหัวหน้าพรรค ตนจะยุติการดำเนินการทุกอย่างไป

นายสนธิญา กล่าวเพิ่มเติมว่า ว่าที่ร้อยเอกไกรภพ เป็นอดีตหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ วันนี้มายื่นหนังสือเพื่อทวงคืนพรรคร่วมไทยสร้างชาติกลับมา เพราะกว่าที่ร้อยเอกไกรภพ จะจัดตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ ก็เหน็ดเหนื่อยมากมาย แต่ตอนนี้เห็นว่า มีความวุ่นวาย หรืออุดมการณ์ และเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในพรรครวมไทยสร้างชาติเปลี่ยนไป ร้อยเอกไกรภพก็พร้อมทวงคืนพรรคกลับมา.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย