สส. ชิงเสนอญัตติ กำแพงภาษีสหรัฐ พรึ่บ!

รัฐสภา 9 เม.ย.- สส. ชิงเสนอญัตติ กำแพงภาษีสหรัฐ พรึ่บ ทำ “ปกรณ์วุฒิ” ลุกท้วง เหตุระบบรวน โวย ไม่ยึดตามมติวิป ด้าน “ชลน่าน” ติงประธาน ถ้ารับพิจารณาแล้ว จะเสนอซ้ำไม่ได้ ขณะ “จุลพันธ์” บอก นายกฯ สนใจมาก ขอนำ ขรก.ร่วมฟังประชุมด้วย


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งตามระเบียบวาระจะเป็นเรื่องที่ประธานแจ้งต่อที่ประชุม , การรับทราบรายงานของวุฒิสภา และการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ….

ปรากฏว่า นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคกล้าธรรม ลุกขึ้นกล่าวว่า เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ก็สำคัญ แต่สถานการณ์ที่ประกาศขึ้นภาษีของประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลกระทบไปทั่วโลกทุกประเทศ แน่นอนว่าประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ตนคิดว่าเรื่องกฎหมายก็มีความสำคัญ แต่เรื่องภาษีที่จะกระทบต่อพี่น้อง โดยเฉพาะเกษตรกร มีความสำคัญยิ่งกว่า จึงขอเสนอญัตติด่วนเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายการขึ้นภาษีของประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อส่งให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ


จากนั้น นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอญัตติด่วน เพื่อให้สภาขอให้ติดตามและการเก็บภาษีของสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกัน รวมถึง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ที่เสนอญัตติด่วน เป็นคนที่ 3 ขอให้สภาฯ ศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการขึ้นภาษีนำเข้าของประเทศสหรัฐอเมริกา แนวทางการเจรจา และมาตรการบรรเทาผลกระทบ

ต่อมาได้มี สส.จากพรรคต่างๆ เสนอญัตติด่วนในทำนองเดียวกันนี้ ประกอบด้วย นายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ , นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา , นายประมวล พงษ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ และนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย

ขณะที่นายสิทธิพล วิบูลธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอญัตติด่วน ขอให้สภาฯ พิจารณาแนวทางการรับมือผลกระทบของสงครามการค้าต่อเศรษฐกิจไทย เพื่อให้กรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ศึกษาแนวทาง


ต่อมานายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นเตรียมเสนอ แต่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ลุกประท้วงตัดหน้า ระบุว่าปกติเวลาเสนอญัตติอะไร จะมีการพูดคุยทางวิป 2 ฝ่ายก่อนว่าจะมีกี่ท่านและมีกี่ญัตติ อยากให้ยึดตามแนวทางวิป

“ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเป็นแบบครั้งที่แล้ว ที่โผล่กันมา 11 ญัตติกว่าจะเสนอกันเสร็จ กว่าจะจบ ครั้งที่แล้วมันยาวนานขนาดไหน ถ้าอยากจะตั้ง มันควรจะมีการประสานกันล่วงหน้า ไม่ใช่มาหน้างาน เรายกมือเสนอ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะมี 20 ญัตติ ก็ไม่ต้องพิจารณากันแล้ว” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

ทำให้นายภราดร กล่าวว่า ขอให้หารือกันก่อน นายธีระชัย จึงสวนว่าฝ่ายค้านก็มีอยู่ 2 ท่านที่เสนอเหมือนกัน นายภราดร ตัดบทว่าให้ปรึกษากับทางวิปก่อน

นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนในฐานะวิปรัฐบาล อยากให้ขอพรรคละ 1 คนหรือถ้าเป็นตัวแทน ก็เป็นตัวแทนพรรคใดพรรคหนึ่ง

นายปกรณ์วุฒิ จึงกล่าวว่า นายสิทธิพลเป็นประธานคณะ กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ อยากจะนำเรื่องนี้เข้าไปศึกษาต่อ จึงเสนอด้วยตนเอง ตอนนี้จะมีฝั่งรัฐบาล 6 ญัตติ ฝ่ายค้าน 2 ญัตติ ซึ่งตนคิดว่าจำนวนก็ค่อนข้างเหมาะสม

จากนั้น พรรคประชาชาติ และพลังประชารัฐ ได้ขอลุกขึ้นเสนอญัตติในทำนองเดียวกัน นอกจากนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะคณะรัฐมนตรี ลุกขึ้นกล่าวว่า ในญัตติที่ สส. ได้เสนอขึ้นมา ทางรัฐบาลให้ความสนใจ นายกรัฐมนตรีเลยได้ดำริที่จะให้คณะรัฐมนตรีเข้ามามีส่วนร่วม โดยมอบหมายให้ตนและรัฐมนตรี ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามารับฟังข้อเสนอแนะและความเห็นในการนำไปเจรจากับประเทศสหรัฐอเมริกา

ต่อมา นายปกรณ์วุฒิ ลุกขึ้นขอหาหรืออีกครั้ง ว่าครั้งหน้า ต้องยึดตามจำนวนผู้เสนอญัตติที่ได้ตกลงกัน หากพรรคใดที่ประสงค์เสนอ ขอให้ส่งมาทางวิป ไม่ใช่เข้ามาเสนอในสภา ตอนแรกบอกไม่มีผู้เสนอ แล้วเข้ามาเสนอหน้างาน มันจะทำให้การวางแผนระหว่างวิปทั้ง 2 ฝ่ายสะดุดและติดขัดมากขึ้น

จากนั้นนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นหารือเรื่องการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ในสมัยการประชุมนี้และสมัยที่ผ่านมามักจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทั้งที่การเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาต้องอาศัยข้อบังคับการประชุม ข้อที่ 66 ว่าด้วยการอภิปรายมาร่วมด้วย คือ ถ้าเปิดโอกาสให้สมาชิกเสนอญัตติด้วยวาจา ทุกคนมีสิทธิ์เสนอ และเมื่อรับญัตติไว้พิจารณาแล้ว จะเสนอญัตติในทำนองเดียวกันไม่ได้ ญัตตินั้นจะต้องตกไป ทำให้วิธีปฏิบัติในขณะนี้มีความคลาดเคลื่อน ทำให้มีผู้เสนอญัตติถึง 20 คน โดยไม่มีผู้อภิปรายสนับสนุนและอภิปรายสรุป ดังนั้นโดยหลักการแล้วเมื่อมีผู้เสนอญัตติประธานจะต้องให้มีผู้อภิปรายได้ 1 คน ที่เหลือจะเป็นการอภิปรายสลับระหว่าง2ฝ่าย เว้นแต่มีการเสนอเรื่องคล้ายกัน แต่ญัตติแตกต่างกัน เช่น คนหนึ่งเสนอส่งให้คณะรัฐมนตรี อีกคนเสนอส่งให้คณะกรรมาธิการ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุการณ์เหมือนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จึงขอให้ประธานพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุม

ขณะที่นายภราดร กล่าวเห็นด้วยกับ นพ.ชลน่าน แต่ข้อได้เปรียบของผู้เสนอญัตติคือจะสามารถอภิปรายเปิดญัตติได้โดยไม่มีการจับเวลา ซึ่งในสมัยการประชุมที่แล้ว มีการกำหนดเวลาอภิปรายได้ไม่เกินคนละ 5-7 นาที จึงเป้นที่มาว่าผู้ที่ต้องการอภิปรายนานเปลี่ยนมาเป็นผู้เสนอญัตติเสียเอง จึงได้ขอให้วิป 2 ฝ่ายพูดคุยกันก่อนจะเริ่มต้นการประชุม โดยเสนอว่าฝ่ายค้าน 1 ญัตติ ฝ่ายรัฐบาล 1 ญัตติ แต่เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก พรรคการเมืองจึงอยากจะใช้สิทธิ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ในครั้งหน้าถ้าเป็นไปได้อยากให้เสนอญัตติฝ่ายละหนึ่งคน เพื่อไม่ให้เสียเวลา

จากนั้นที่ประชุมได้เข้าสู่วาระ โดยนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคกล้าธรรม เป็นผู้กล่าวเปิดเป็นคนแรก โดยฝากข้อห่วงใยของพรรคกล้าธรรม ไปถึงรัฐบาลว่า การเจรจาให้คำนึงถึงรากเหง้าของความเป็นไทย เพราะประเทศไทยอยู่ได้ด้วยภาคเกษตร การเสียดุลทางการค้าในด้านการเกษตรอยากให้เสียดุลน้อยที่สุด อยากให้เกษตรกรเสียเปรียบน้อยที่สุด คำนึงถึงเกษตรกรมากกว่าภาคอื่นๆ

ทั้งนี้ นายอรรถกร ยังฝากให้รัฐบาลคำนึงถึงข้อเรียกร้องที่ให้มีการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรบางชนิดเข้ามาประเทศไทยให้ดี เพราะการอนุญาตสินค้าเกษตรบางชนิด ถ้าปล่อยให้นำเข้าครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบราคาสินค้าเกษตรตกต่ำลงไปมากกว่าเดิม หรือหากมีการนำเข้าสินค้าเกษตรบางชนิดเข้ามาอาจจะขัดต่อกฏหมายที่ไทยบังคับอยู่ได้

นายอรรถกร กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลคำนึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แม้ไทยกับสหรัฐฯ จะมีความสัมพันธ์มายาวนาน แต่ไทยไม่ได้ค้าขายกับสหรัฐฯเพียงประเทศเดียว แต่ไทยยังมีประเทศคู่ค้าที่มีศักยภาพอื่นอีกมากมาย เพราะฉะนั้น การกำหนดนโยบายร่วมกันระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อมาตรการค้าขายประเทศอื่นเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ นายอรรถกร ได้ฝากข้อเสนอไปยังรัฐบาล 4 ข้อ โดยเฉพาะร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม 1.อยากเห็นรัฐบาลเจรจาอย่างรัดกุมเพื่อลดผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกร เพราะเราเชื่อว่า จะส่งผลกระทบในระยะยาว 2.อยากให้รัฐบาลช่วยหาทางลดความเสี่ยง ด้วยการหาคู่ค้าเพิ่ม ควรจะมีประเทศอื่นที่จะปล่อยสินค้าทางเกษตรของเรา 3.อยากให้รัฐาลเตรียมมาตรการรองรับสินค้าไหลทะลักจากยุโรปอาจจะไหลมาฝั่งเอเชียมากขึ้น และ 4.ขอให้รัฐบาลดูแลและเยียวยาเกษตรกรที่จะได้รับผลกระทบจากการเจรจาในครั้งนี้ พร้อมกับย้ำว่า อยากให้สภาเร่งส่งความเห็นจากสมาชิกสภาในวันนี้ไปให้รัฐบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อจะประกอบพิจารณาดำเนินการในการเจรจาในอนาคตต่อไป.-315 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

สำรวจความเสียหายระเบิดตกใส่ อ.น้ำยืน บ้านพัง 3 หลัง

อุบลราชธานี 25 ก.ค. – สำรวจความเสียหาย อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี หลังมีระเบิดตกลงมาในพื้นที่ พบบ้านเรือนเสียหาย 3 หลัง แต่ไม่มีใครได้รับอันตราย เนื่องจากประชาชนอพยพไปยังที่ปลอดภัยหมดแล้ว ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ อ.น้ำยืน หลังจากมีระเบิดตกลงมาทำลายบ้านเรือนประชาชนเสียหาย 3 หลัง โดยบ้านทั้ง 3 หลังไม่มีประชาชนอาศัย เนื่องจากอพยพไปยังที่ปลอดภัยทั้งหมดแล้ว สภาพบ้านเสียหายหมด โดยชาวบ้านใกล้เคียงให้ข้อมูลว่าตั้งแต่เวลา 04.30 น.ที่ผ่านมา (25 ก.ค.) เริ่มมีเสียงปืนใหญ่ดังสนั่น จากนั้นมีระเบิดตกมายังบ้านใกล้เคียง โชคดีที่อพยพออกไปตั้งแต่เมื่อวาน จากนั้นเดินทางสำรวจในเมืองน้ำยืน พบว่าชาวบ้านกำลังอพยพไปยังที่ปลอดภัยตามแผนของทางจังหวัด เพิ่มเติมจากเมื่อวาน โดยเจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวก ส่วนตามถนน เขตเศรษฐกิจของอำเภอ ปิดเงียบทั้งหมด ทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร สถานีบริการน้ำมัน ส่วนวัดที่เป็นที่พึ่งทางจิตใจ ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยเฉพาะการบิณฑบาต เนื่องจากไม่มีประชาชนใส่บาตร และยังต้องอยู่ดูแลวัด รวมถึงเป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ ด้านผู้นำชุมชนให้ความมั่นใจแก่เพื่อนบ้านที่อพยพ จะช่วยดูแล ป้องกัน ไม่มีคนฉวยโอกาสสร้างความเดือดร้อนให้ชุมชน โดยเฉพาะขโมย ส่วนผู้อพยพจาก อ.น้ำยืน ขณะนี้ย้ายไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย […]