สส. ชิงเสนอญัตติ กำแพงภาษีสหรัฐ พรึ่บ!

รัฐสภา 9 เม.ย.- สส. ชิงเสนอญัตติ กำแพงภาษีสหรัฐ พรึ่บ ทำ “ปกรณ์วุฒิ” ลุกท้วง เหตุระบบรวน โวย ไม่ยึดตามมติวิป ด้าน “ชลน่าน” ติงประธาน ถ้ารับพิจารณาแล้ว จะเสนอซ้ำไม่ได้ ขณะ “จุลพันธ์” บอก นายกฯ สนใจมาก ขอนำ ขรก.ร่วมฟังประชุมด้วย


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งตามระเบียบวาระจะเป็นเรื่องที่ประธานแจ้งต่อที่ประชุม , การรับทราบรายงานของวุฒิสภา และการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ….

ปรากฏว่า นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคกล้าธรรม ลุกขึ้นกล่าวว่า เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ก็สำคัญ แต่สถานการณ์ที่ประกาศขึ้นภาษีของประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลกระทบไปทั่วโลกทุกประเทศ แน่นอนว่าประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ตนคิดว่าเรื่องกฎหมายก็มีความสำคัญ แต่เรื่องภาษีที่จะกระทบต่อพี่น้อง โดยเฉพาะเกษตรกร มีความสำคัญยิ่งกว่า จึงขอเสนอญัตติด่วนเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายการขึ้นภาษีของประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อส่งให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ


จากนั้น นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอญัตติด่วน เพื่อให้สภาขอให้ติดตามและการเก็บภาษีของสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกัน รวมถึง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ที่เสนอญัตติด่วน เป็นคนที่ 3 ขอให้สภาฯ ศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการขึ้นภาษีนำเข้าของประเทศสหรัฐอเมริกา แนวทางการเจรจา และมาตรการบรรเทาผลกระทบ

ต่อมาได้มี สส.จากพรรคต่างๆ เสนอญัตติด่วนในทำนองเดียวกันนี้ ประกอบด้วย นายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ , นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา , นายประมวล พงษ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ และนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย

ขณะที่นายสิทธิพล วิบูลธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอญัตติด่วน ขอให้สภาฯ พิจารณาแนวทางการรับมือผลกระทบของสงครามการค้าต่อเศรษฐกิจไทย เพื่อให้กรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ศึกษาแนวทาง


ต่อมานายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นเตรียมเสนอ แต่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ลุกประท้วงตัดหน้า ระบุว่าปกติเวลาเสนอญัตติอะไร จะมีการพูดคุยทางวิป 2 ฝ่ายก่อนว่าจะมีกี่ท่านและมีกี่ญัตติ อยากให้ยึดตามแนวทางวิป

“ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเป็นแบบครั้งที่แล้ว ที่โผล่กันมา 11 ญัตติกว่าจะเสนอกันเสร็จ กว่าจะจบ ครั้งที่แล้วมันยาวนานขนาดไหน ถ้าอยากจะตั้ง มันควรจะมีการประสานกันล่วงหน้า ไม่ใช่มาหน้างาน เรายกมือเสนอ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะมี 20 ญัตติ ก็ไม่ต้องพิจารณากันแล้ว” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

ทำให้นายภราดร กล่าวว่า ขอให้หารือกันก่อน นายธีระชัย จึงสวนว่าฝ่ายค้านก็มีอยู่ 2 ท่านที่เสนอเหมือนกัน นายภราดร ตัดบทว่าให้ปรึกษากับทางวิปก่อน

นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนในฐานะวิปรัฐบาล อยากให้ขอพรรคละ 1 คนหรือถ้าเป็นตัวแทน ก็เป็นตัวแทนพรรคใดพรรคหนึ่ง

นายปกรณ์วุฒิ จึงกล่าวว่า นายสิทธิพลเป็นประธานคณะ กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ อยากจะนำเรื่องนี้เข้าไปศึกษาต่อ จึงเสนอด้วยตนเอง ตอนนี้จะมีฝั่งรัฐบาล 6 ญัตติ ฝ่ายค้าน 2 ญัตติ ซึ่งตนคิดว่าจำนวนก็ค่อนข้างเหมาะสม

จากนั้น พรรคประชาชาติ และพลังประชารัฐ ได้ขอลุกขึ้นเสนอญัตติในทำนองเดียวกัน นอกจากนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะคณะรัฐมนตรี ลุกขึ้นกล่าวว่า ในญัตติที่ สส. ได้เสนอขึ้นมา ทางรัฐบาลให้ความสนใจ นายกรัฐมนตรีเลยได้ดำริที่จะให้คณะรัฐมนตรีเข้ามามีส่วนร่วม โดยมอบหมายให้ตนและรัฐมนตรี ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามารับฟังข้อเสนอแนะและความเห็นในการนำไปเจรจากับประเทศสหรัฐอเมริกา

ต่อมา นายปกรณ์วุฒิ ลุกขึ้นขอหาหรืออีกครั้ง ว่าครั้งหน้า ต้องยึดตามจำนวนผู้เสนอญัตติที่ได้ตกลงกัน หากพรรคใดที่ประสงค์เสนอ ขอให้ส่งมาทางวิป ไม่ใช่เข้ามาเสนอในสภา ตอนแรกบอกไม่มีผู้เสนอ แล้วเข้ามาเสนอหน้างาน มันจะทำให้การวางแผนระหว่างวิปทั้ง 2 ฝ่ายสะดุดและติดขัดมากขึ้น

จากนั้นนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นหารือเรื่องการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ในสมัยการประชุมนี้และสมัยที่ผ่านมามักจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทั้งที่การเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาต้องอาศัยข้อบังคับการประชุม ข้อที่ 66 ว่าด้วยการอภิปรายมาร่วมด้วย คือ ถ้าเปิดโอกาสให้สมาชิกเสนอญัตติด้วยวาจา ทุกคนมีสิทธิ์เสนอ และเมื่อรับญัตติไว้พิจารณาแล้ว จะเสนอญัตติในทำนองเดียวกันไม่ได้ ญัตตินั้นจะต้องตกไป ทำให้วิธีปฏิบัติในขณะนี้มีความคลาดเคลื่อน ทำให้มีผู้เสนอญัตติถึง 20 คน โดยไม่มีผู้อภิปรายสนับสนุนและอภิปรายสรุป ดังนั้นโดยหลักการแล้วเมื่อมีผู้เสนอญัตติประธานจะต้องให้มีผู้อภิปรายได้ 1 คน ที่เหลือจะเป็นการอภิปรายสลับระหว่าง2ฝ่าย เว้นแต่มีการเสนอเรื่องคล้ายกัน แต่ญัตติแตกต่างกัน เช่น คนหนึ่งเสนอส่งให้คณะรัฐมนตรี อีกคนเสนอส่งให้คณะกรรมาธิการ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุการณ์เหมือนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จึงขอให้ประธานพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุม

ขณะที่นายภราดร กล่าวเห็นด้วยกับ นพ.ชลน่าน แต่ข้อได้เปรียบของผู้เสนอญัตติคือจะสามารถอภิปรายเปิดญัตติได้โดยไม่มีการจับเวลา ซึ่งในสมัยการประชุมที่แล้ว มีการกำหนดเวลาอภิปรายได้ไม่เกินคนละ 5-7 นาที จึงเป้นที่มาว่าผู้ที่ต้องการอภิปรายนานเปลี่ยนมาเป็นผู้เสนอญัตติเสียเอง จึงได้ขอให้วิป 2 ฝ่ายพูดคุยกันก่อนจะเริ่มต้นการประชุม โดยเสนอว่าฝ่ายค้าน 1 ญัตติ ฝ่ายรัฐบาล 1 ญัตติ แต่เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก พรรคการเมืองจึงอยากจะใช้สิทธิ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ในครั้งหน้าถ้าเป็นไปได้อยากให้เสนอญัตติฝ่ายละหนึ่งคน เพื่อไม่ให้เสียเวลา

จากนั้นที่ประชุมได้เข้าสู่วาระ โดยนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคกล้าธรรม เป็นผู้กล่าวเปิดเป็นคนแรก โดยฝากข้อห่วงใยของพรรคกล้าธรรม ไปถึงรัฐบาลว่า การเจรจาให้คำนึงถึงรากเหง้าของความเป็นไทย เพราะประเทศไทยอยู่ได้ด้วยภาคเกษตร การเสียดุลทางการค้าในด้านการเกษตรอยากให้เสียดุลน้อยที่สุด อยากให้เกษตรกรเสียเปรียบน้อยที่สุด คำนึงถึงเกษตรกรมากกว่าภาคอื่นๆ

ทั้งนี้ นายอรรถกร ยังฝากให้รัฐบาลคำนึงถึงข้อเรียกร้องที่ให้มีการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรบางชนิดเข้ามาประเทศไทยให้ดี เพราะการอนุญาตสินค้าเกษตรบางชนิด ถ้าปล่อยให้นำเข้าครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบราคาสินค้าเกษตรตกต่ำลงไปมากกว่าเดิม หรือหากมีการนำเข้าสินค้าเกษตรบางชนิดเข้ามาอาจจะขัดต่อกฏหมายที่ไทยบังคับอยู่ได้

นายอรรถกร กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลคำนึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แม้ไทยกับสหรัฐฯ จะมีความสัมพันธ์มายาวนาน แต่ไทยไม่ได้ค้าขายกับสหรัฐฯเพียงประเทศเดียว แต่ไทยยังมีประเทศคู่ค้าที่มีศักยภาพอื่นอีกมากมาย เพราะฉะนั้น การกำหนดนโยบายร่วมกันระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อมาตรการค้าขายประเทศอื่นเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ นายอรรถกร ได้ฝากข้อเสนอไปยังรัฐบาล 4 ข้อ โดยเฉพาะร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม 1.อยากเห็นรัฐบาลเจรจาอย่างรัดกุมเพื่อลดผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกร เพราะเราเชื่อว่า จะส่งผลกระทบในระยะยาว 2.อยากให้รัฐบาลช่วยหาทางลดความเสี่ยง ด้วยการหาคู่ค้าเพิ่ม ควรจะมีประเทศอื่นที่จะปล่อยสินค้าทางเกษตรของเรา 3.อยากให้รัฐาลเตรียมมาตรการรองรับสินค้าไหลทะลักจากยุโรปอาจจะไหลมาฝั่งเอเชียมากขึ้น และ 4.ขอให้รัฐบาลดูแลและเยียวยาเกษตรกรที่จะได้รับผลกระทบจากการเจรจาในครั้งนี้ พร้อมกับย้ำว่า อยากให้สภาเร่งส่งความเห็นจากสมาชิกสภาในวันนี้ไปให้รัฐบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อจะประกอบพิจารณาดำเนินการในการเจรจาในอนาคตต่อไป.-315 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

เตือนฝนฟ้าคะนองทั่วไทย – 6 จังหวัดตะวันออกหนักสุด

กทม. 17 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยฝนฟ้าคะนองทั่วไทย เตือน 6 จังหวัดภาคตะวันออก แม่ฮ่องสอน ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด รับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 17 ส.ค. นี้ไว้ด้วย – สำนักข่าวไทย

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]