สภาฯ ถก “กม.อำนาจเรียกของ กมธ.”

รัฐสภา ​18 ธ. ค.-สภาฯ ถก “กม.อำนาจเรียกของ กมธ.” ด้าน หมอชลน่าน ชี้รวมคำว่า “กรรมาธิการสามัญของรัฐสภา” อาจขัดรัฐธรรมนูญ แนะกลับไปใช้ร่างเดิมจะมีประโยชน์กว่า ส่วน “ประยุทธ์” แจงระบุไว้เพื่อให้ กม.นี้มีผลบังคับใช้ ยันไม่ได้เขียนแบบสุขเอาเผากิน ขณะที่ “โรม” ย้ำไม่ขัด-แย้งรัฐธรรมนูญ ขณะที่ “พิเชษฐ์” สั่งโหวตมาตรา4 ทันทีไม่สน “ชลน่าน” ขู่มีคนร้องศาล รธน.แน่

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯเป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)อำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา พ.ศ….ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นการพิจารณาในวาระสองและวาระสาม​ โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายในมาตรา 4 บทนิยามคำว่ากรรมาธิการ ว่า ในร่างของกมธ.ฯ ที่ไปแก้ไขเพิ่มเติมถ้อยคำ ซึ่งตนเห็นว่าการแก้ไขของกมธ.ฯน่าจะไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และข้อเท็จจริงที่มีอยู่ เพราะจากร่างเดิมของสภาฯที่รับไป เขียนให้ครอบคลุมกรรมาธิการ นิยามของกรรมาธิการมีกรรมาธิการสามัญ กรรมาธิการวิสามัญ กรรมาธิการร่วมกัน ของสภาฯและวุฒิสภา และกรรมาธิการวิสามัญในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญกรณีที่มีการประชุมร่วมกันในนามรัฐสภา มีอำนาจเรียกบุคคลหรือเรียกเอกสารได้ แต่ กมธ.ฯ ไปเปลี่ยนถ้อยคำใหม่ว่า กรรมาธิการหมายความว่าคณะกรรมาธิการสามัญและคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาฯ วุฒิสภา หรือรัฐสภา ถ้าเขียนอย่างนี้หมายความว่ารัฐสภา วุฒิสภา หรือสภาผู้แทนฯ มีกรรมาธิการสามัญประจำของแต่ละสภา


นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า จึงอยากถามว่ารัฐสภาเรามีกรรมาธิการสามัญประจำรัฐสภาหรือ เพราะตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญมาจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีบทบัญญัติที่เขียนให้รองรับกรรมาธิการสามัญของรัฐสภา เพราะฉะนั้นถ้าเขียนอย่างนี้จะเหมารวมว่ารัฐสภาสามารถตั้งกรรมาธิการสามัญได้ ตามกฎหมายฉบับนี้ และอาจจะไปออกข้อบังคับมารองรับ แต่สิ่งที่ต้องให้สอดรับคือรัฐธรรมนูญ มาตรา 129 ซึ่งมาตรานี้เขียนชัดเจนไม่มีคำว่ารัฐสภาอยู่เลย ที่ว่าด้วยเรื่องการตั้งกรรมาธิการของสภาผู้แทนฯ วุฒิสภาหรือตั้งกรรมาธิการร่วมกัน แม้แต่กฎหมายที่เขียนรองรับเกี่ยวกับการตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ได้เขียนในมาตรา 129

“ฉะนั้นผมเห็นว่าถ้าเขียนอย่างนี้ จะเหมารวมว่ารัฐสภาสามารถมีกรรมาธิการสามัญประจำรัฐสภาได้ ซึ่งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ผมจึงไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข และเห็นว่าควรเอาคำว่า”หรือรัฐสภา”ออกแล้วรักษาถ้อยคำเดิมเอาไว้ หรือกลับไปร่างเดิมจะเกิดประโยนช์มากกว่า” นพ.ชลน่าน กล่าว


ด้านนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ.ฯ ชี้แจงว่า เห็นตรงกันว่าการมีคณะกรรมาธิการสามัญและวิสามัญนั้นเกิดเกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญมาตรา 129 แต่ข้อเท็จจริงคือมีกรรมาธิการที่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 137(3) เป็นกรรมาธิการร่วมกันในกรณีที่ตัดสินใจในเรื่องของความเห็นต่างๆ ซึ่งทางกมธ.ฯ ได้พยายามหาความพอดี ถ้าไม่เขียนแบบนี้กรณีที่จะคุ้มครองไปถึงให้อำนาจกรรมาธิการร่วมกันได้หรือไม่ เพราะเกิดขึ้นคนละมาตรา ถ้าเขียนตามาตรา 129 ก็จะมีข้อจำกัดเปิดช่องว่างตามมาตรา 137(3) ทางกมธ.ฯ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเขียนแบบนี้

“จริงๆแล้วคำนิยามไม่สามารถที่จะลบล้างน้ำหนักของกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือน้ำหนักในกฎหมายอื่นได้ เพียงแต่ให้กฎหมายฉบับนี้มีสภาพบังคับเท่านั้น ซึ่งก็เห็นด้วยในความเป็นห่วงของท่าน แต่โอกาสที่จะเขียนเป็นอย่างอื่น ผมยืนยันได้เลยว่าพวกเราไม่ได้สุกเอาเผากิน แต่ก็ใช้ความพยายามที่จะสรรหาถ้อยคำให้เกิดความสมบูรณ์พอสมควร”นายประยุทธ์​กล่าว

ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะกมธ.ฯ ชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวเป็นประเด็นสำคัญที่เราต้องให้ความกระจ่าง เพราะเราถกเถียงในกมธ.ฯเช่นเดียวกัน การที่เราเติมคำว่า “หรือรัฐสภา”เป็นเรื่องของการให้ความหมายแทนคำว่า “กรรมาธิการร่วมกัน” ให้ครอบคลุมกัน ไม่เช่นนั้น จะกลายเป็นว่ากรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎรสามารถที่จะใช้อำนาจเรียกนี้ได้ ในขณะที่กรรมาธิการร่วมกันของรัฐสภาไม่สามารถใช้ได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงกรรมาธิการของรัฐสภามีอำนาจน่าจะสูงกว่าด้วยซ้ำ


นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ว่าการเพิ่มเติมตรงนี้เป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตนขอเรียนว่ากรณีนี้ไม่ได้ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเลย ส่วนการตีความจะไม่รวมไปถึงกรณีจะให้มีกรรมาธิการสามัญของรัฐสภา การที่เราจะมีกรรมาธิการร่วมกันของรัฐสภาหรือไม่มันเป็นกฎหมายอื่น กรณีนี้เป็นเรื่องของการใช้อำนาจเรียก ซึ่งปัจจุบันเราไม่มีกรรมาธิการสามัญของรัฐสภา กฎหมายนี้ ไม่ได้มีอำนาจให้เราไปจัดตั้งกรรมาธิการสามัญของรัฐสภา ตามหลักกฎหมายจึงจะรวมแค่กรรมาธิการร่วมกันของรัฐสภาเท่านั้น

ส่วนนายสฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้องสส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะกมธ.ฯ ชี้แจงว่า กมธ.ฯได้พิจารณาอย่างรอบด้าน หยิบยกเรื่องเดียวคือเรื่องของการประชุมของกรรมาธิการร่วมของรัฐสภา จะเห็นได้ว่าการประชุมร่วมมีอยู่จริง เมื่อมีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือ คือ พ.ร.บ.อำนาจเรียกฯฉบับนี้ด้วย และบางเรื่องเราจะเอามาตรา 4 ไปเข้าใจว่าเราจะต้องคณะกรรมการสามัญ หรือวิสามัญ ไม่ได้ เพราะบางเรื่องก็ไม่ต้องเอาคำจำกัดความไปตีความในเรื่องของอำนาจในการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญของสภาฯและคณะกรรมาธิการสามัญของวุฒิสภา แต่ในส่วนของสภาฯ เรามีคณะกรรมาธิการสามัญ 35 คณะ ของวุฒิสภามี 21 คณะ ทั้งนี้ยังจากตนฟังจากหลายฝ่ายยอมรับว่าจะต้องเติมคำว่า”รัฐสภา”เข้าไปเพื่อให้ควบคุม ถ้าไม่เติมเข้าไปกฎหมายอำนาจเรียก ก็จะใช้ไม่ได้ ซึ่งเราได้พิจารณารอบด้านแล้ว

ทั้งนี้นพ.ชลน่าน อภิปรายเพิ่มเติมว่า ถ้าเราไปให้อำนาจที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ตนเชื่อว่ามีคนยื่นศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน และถ้าศาลวินิจฉัยว่าสิ่งที่เราทำไปขัดกับรัฐธรรมนูญ ก็จะเป็นปัญหา ดังนั้นตนคิดว่ามีหลายประเด็นที่กมธ.ฯ น่าจะกลับไปทบทวนได้ มันไม่ได้สายที่เราจะพิจารณาร่วมกัน หรือถ้าจะกลับไปร่างเดิม ที่อาศรัยมาตรา 129 เป็นหลัก กฎหมายก็เดินหน้าได้ เพราะอยากให้โหวตไปแล้วเป็นประเด็น แล้วให้กมธ.ฯไปหารือกัน

แต่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ไม่ได้สนใจ โดยให้ที่ประชุุมลงมติทันที ซึ่งที่ประชุมลงมติเห็นด้วยกับกมธ.ฯ เสียง 383 ไม่เห็นด้วย 3 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 8 เสียง

จากนั้นพิจารณามาตราอื่นตามลำดับ กระทั่งมาตรา 14 ที่มีประชุมมติเห็นชอบกมธ.เสียงข้างมาก 398 เสียง ไม่เห็นด้วย 7 เสียง ไม่ลงคะแนน 3เสียง ที่ระบุว่า ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดไม่ส่งเอกสารหรือไม่มาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นตามที่คณะกรรมาธิการเรียกตามมาตรา 7 หรือมาตรา 8 โดยไม่มีเหตุอันสำควรให้ประธานคณะกรรมาธิการ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมาธิการ มีหนังสือแจ้งไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป และแจ้งให้ประธานสภาฯ ประธานวุฒิสภา หรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณีทราบด้วย ให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนรายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมาธิการภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีการดำเนินการเสร็จสิ้น

ส่วนมาตรา 14/1 เป็นมาตราเพิ่มขึ้นใหม่ เกี่ยวกับโทษ ในกรณีที่บุคคลซึ่งไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ปฏิบัติตามหนังสือเรียก ไม่ส่งเอกสาร ไม่มาแถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความเห็นต่อกรรมาธิการ โดยไม่มีเหตผลอันสมควร ให้ถือเป็นความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 1 หมื่นบาทและให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาเป็นผู้มีอำนาจปรับเป็นพินัย ให้ประธานรัฐสภาออกระเบียบเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดค่าปรับเป็นพินัยและการผ่อนชำระเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งต่อกฎหมายว่าด้วยการปรับเป็นพินัย

หลังที่ประชุมพิจารณาเสร็จสิ้นลงมติเห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.อำนาจเรียกฯ 398 เสียง ไม่เห็นชอบ 3 เสียง ไม่ลงคะแนน 5 เสียง.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 11 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ โดยภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

เร่งหาสาเหตุ จนท.สวนสัตว์ลงจากรถ ก่อนถูกสิงโตรุมขย้ำ

10 ก.ย. – เหตุสลด จนท.สวนสัตว์เอกชนแห่งหนึ่งถูกสิงโตรุมขย้ำจนเสียชีวิต ขณะลงจากรถ ทางสวนสัตว์เร่งหาสาเหตุลงไปทำไม ทั้งที่เจ้าตัวทราบกฎของสวนสัตว์ดีอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวอินเดียบันทึกเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เอกชนแห่งหนึ่งลงจากรถ ก่อนถูกสิงโตตัวแรกเข้ามากัดจากทางด้านหลัง แล้วลากไปให้เพื่อนสิงโตอีก 4 ตัว รุมขย้ำ โดยในคลิปเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดิ้นขัดขืน และไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนนอนแน่นิ่งและถูกรุมกัดจนเสียชีวิต ขณะที่ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์สิงโตรุมขย้ำเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง ซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์ และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างนอกรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูรถทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้าเข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนรู้สึกแปลกใจอย่างมาก แต่เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาข้างหลัง ก่อนตะครุบเข้าทางด้านหลังเจ้าหน้าที่ทันที โดยเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าทีขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้นสิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ […]

เร่งซ่อมพนังกั้นน้ำยังขาดให้เสร็จภายในคืนนี้

ร้อยเอ็ด 10 ก.ย. – เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมถนนสายบ้านทรายมูล-โพธิ์ตาก ซึ่งเสมือนพนังกั้นน้ำยัง หลังถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนขาด เมื่อช่วงเช้าวานนี้ โดยต้องปรับแผนนำเสาไฟฟ้ามาวางขวางเป็นแนวบิ๊กแบ็ก เพื่อให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้. – สำนักข่าวไทย

ส่องสาเหตุรถชนโครมเดียว เสาไฟฟ้าล้ม 77 ต้น

เชียงใหม่ 10 ก.ย. – อุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำดื่มแหกโค้งพุ่งชนเสาไฟฟ้าที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สร้างความเสียหายหนัก เสาไฟฟ้าล้มกว่า 70 ต้น บ้านเรือนเสียหาย 20 หลัง สาเหตุเกิดจากอะไร. – สำนักข่าวไทย