ทำเนียบ 3 ธ.ค.-“วราวุธ” ระบุ พม.เร่งเดินเครื่องเพิ่มเบี้ยอุดหนุนเด็ก-คนพิการ-ผู้สูงอายุ คาดได้ใช้ 1 ต.ค.68
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบข้อเสนอ “การพัฒนาหลักประกันบริการทางสังคมแก่กลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน” ของคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ (ก.ส.ค.) โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการ และตน เป็นรองประธานคณะกรรมการ
สาระสำคัญของข้อเสนอดังกล่าว สำหรับกลุ่มเด็กและเยาวชน จะมีการปรับฐานกลุ่มเป้าหมายโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เป็นการให้เงินอุดหนุนแบบถ้วนหน้า โดยไม่ต้องมีการคัดกรองรายได้ของครอบครัว (จากเดิมครัวเรือนต้องมีสมาชิกที่มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี) และขยายอายุของเด็กให้ครอบคลุม เริ่มจากเด็กในครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 6 ปี (จากเดิมตั้งแต่แรกเกิด ถึง 6 ปี) โดยได้รับเงินในอัตรา 600 บาท/คน/เดือน (เท่าเดิม)
กลุ่มผู้สูงอายุ จะมีการปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได อายุ 60-69 ปี เดือนละ 700 บาท จากเดิม 600 บาท อายุ 70-79 ปี เดือนละ 850 บาท จากเดิมเดือนละ 700 บาท อายุ 80-89 ปี เดือนละ 1,000 บาท จากเดิมเดือน 800 บาท และตั้งแต่อายุ 90 ปีขึ้นไปเดือนละ 1,250 บาท จากเดิมได้เดือนละ 1,000 บาท เพื่อให้เพียงพอต่อค่าครองชีพของผู้สูงอายุในสถานการณ์ปัจจุบัน
และกลุ่มคนพิการ จะมีการปรับเบี้ยความพิการให้สอดคล้องกับค่าครองชีพเป็น 1,000 บาทแบบถ้วนหน้า โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการนำคนพิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ สามารถเข้าถึงสิทธิได้อย่างทั่วถึงเท่าเทียมและเป็นธรรม
นายวราวุธ กล่าวว่า ทั้งนี้ กระทรวง พม. ได้วางแนวทางการขับเคลื่อนข้อเสนอดังกล่าวในประเด็นเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเบี้ยความพิการ ดังนี้ เมื่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แจ้งมติ ค.ร.ม. กลับมายังกระทรวง พม. ให้ทราบ พร้อมความเห็นจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องประกอบ ทางกระทรวง พม. จะดำเนินการพิจารณาในส่วนของการจัดทำข้อมูลกลุ่มเป้าหมายในแต่กลุ่ม ได้แก่ 1) การจัดทำข้อมูลกลุ่มเป้าหมายเด็ก, ผู้สูงอาย และคนพิการ เพื่อให้ได้จำนวนกลุ่มเป้าหมายและงบประมาณที่ต้องใช้ในการดำเนินการ 2) ประชุมร่วมกับสำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง สำหรับแหล่งทุนในการดำเนินการ และ 3) กำหนดแนวทางในการโอนเงินให้กับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวเป็นข้อเสนอสำหรับการจัดสวัสดิการถ้วนหน้า โดยการได้รับสวัสดิการเป็นไปตามสิทธิ ซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องพิจารณาการจัดการเพื่อให้เข้าถึงสิทธิในแต่ละกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
“สำหรับแผนการดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าว คาดว่าหากไม่ติดขัดในประเด็นใด ต้นปีงบประมาณ 2569 ประชาชนกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มจะได้รับเงินต่างๆ” นายวราวุธ กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย