กมธ.ความมั่นคง ถกปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

รัฐสภา 7 พ.ย.- กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ ถกปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 ไร้เงา “บิ๊กโจ๊ก-เสรีพิศุทธ์” ด้านอดีตรองนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ บอก ไม่ทราบรายละเอียดรักษา “ทักษิณ” อยู่ระหว่างลาพักร้อน เตรียมเออร์รี่ฯ รับ มีผู้ต้องขังมารักษาตัว แต่ไม่ทราบมีการบันทึกภาพหรือไม่ ขณะกรมราชทัณฑ์ ยัน การส่งตัวรักษาเป็นไปตามกฎกระทรวง


คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ที่มีนายรังสิมันต์ โรม เป็นประธาน ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ มาชี้แจง

โดยมีผู้เข้าร่วมชี้แจง คือ พลตำรวจตรี สรวุฒิ เหล่ารัตนวรพงษ์ อดีตรองนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ และนายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ขณะที่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แจ้งว่าจะมาชี้แจง แต่เมื่อถึงเวลาประชุม ไม่เดินทางมาและเจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดต่อได้


สำหรับผู้ที่แจ้งว่าไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ คือ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวช ,พลตำรวจโทโสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโททวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ แต่จะส่งเอกสารประกอบการพิจารณาภายหลัง

นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส. พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ หารือว่า การประชุมวันนี้ได้รับความสนใจ ขอเปิดให้สื่อมวลชนทำข่าวได้ตลอด เพื่อไม่ก่อให้เกิดความสงสัย และจะได้ไม่เป็นการปกปิดในสิ่งที่ทุกคนอยากรู้เช่นกัน ซึ่งนายโรม บอกว่า เป็นความตั้งใจที่จะให้เปิดให้รับฟัง แต่ผู้ชี้แจงก็อาจจะมีความกังวลในเรื่องของความมั่นคง แต่เมื่อมีผู้เสนอ จึงคิดว่าวันนี้จะเปิดให้สื่อมวลชนได้รับฟัง

นายประยุทธ์ ย้ำว่า เป็นเรื่องของผู้ป่วยคนหนึ่ง ถ้าเปิดเผยก็ไม่น่าจะกระทบอะไร ผู้ชี้แจงก็ไม่น่าจะปิดบัง หรือเป็นประเด็นที่ต้องเก็บไว้เป็นความลับ ผู้ป่วยคนหนึ่งไม่ว่าจะเป็นนายทักษิณ หรือไม่ว่าจะเป็นใคร ก็เปิดเผยได้ เรื่องของความมั่นคงนั้นคงไม่เกี่ยว


ทั้งนี้เมื่อเริ่มประชุม พลตำรวจตรีสรวุฒิ เหล่ารัตนวรพงษ์ อดีตรองนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า ในการทำงาน ตนเองทำหน้าที่เป็นรองแพทย์ใหญ่รับผิดชอบงานด้านการเงินและบัญชี ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลผู้ป่วยนั้นไม่ทราบ เพราะช่วงนั้นกำลังทำเรื่องยื่นเออร์รี่รีไทร์ และกำลังยื่นลาพักผ่อน ซึ่งภารกิจของโรงพยาบาลตำรวจ อย่างกรณีทั่วไป หากเจ้าหน้าที่ส่งตัวมาเมื่อเรารักษาเสร็จก็จะส่งตัวกลับ ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาวะของผู้ป่วยที่ดูแลอยู่

นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์มีเรือนจำทั้งหมด 143 แห่ง ซึ่งภารกิจคือดูแลผู้ต้องขังที่ป่วยของกรมราชทัณฑ์ 7 แห่งในกรุงเทพมหานคร โดยถ้าผู้ป่วยมีอาการวิกฤต ก็สามารถส่งต่อผู้ต้องขังไปโรงพยาบาลอื่นๆ แต่เมื่อหายแล้วก็จะนำกลับ เพราะเกรงว่าจะมีการหลบหนี

นายแพทย์วาโย อัศวรุ่งเรือง ประธานคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในฐานะผู้ร่วมสังเกตการณ์ สอบถามว่า ที่โรงพยาบาลมีหมอกระดูก ที่เป็นแพทย์ฟูลไทม์และพาร์ทไทม์กี่คน และ กรณีเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ยฉีกขาดมีการผ่าตัดกี่ครั้ง และพลตำรวจตรีสรวุฒิ เป็นผู้ผ่าตัดหรือไม่

นางสาวพรรณิการ์ วานิช ที่ปรึกษากรรมาธิการ สอบถามว่า มีผู้ต้องขังที่เคยถูกส่งตัวมามาพักรักษาตัวข้างนอกอยู่ยาวนานเท่าไหร่ และอยู่จนพ้นโทษเลยหรือไม่ รวมถึงใช้หลักเกณฑ์ใดว่าจะต้องมีการส่งตัวกลับเรือนจำ และประเมินแบบไหน ทุกกี่วัน มีหลักฐานบันทึกเวชระเบียนหรือไม่ และต้องมีการบันทึกภาพผู้ต้องขัง เพื่อรายงานต้นสังกัดอยู่ตลอดเวลาหรือไม่ เพราะตนมีประสบการณ์จากการไปเยี่ยมผู้ต้องขังห้องไอซียู จังหวัดสงขลา มีเจ้าหน้าที่เฝ้าอย่างเข้มงวดตลอดเวลา และเป็นผู้ป่วยโคม่าก็ถูกใส่กุญแจมือ ทั้งที่ไม่มีสติ อีกทั้ง มีการบันทึกภาพในการควบคุมตัวที่ชั้น 14 และชั้น 14 มีสถานะอย่างไร และมีใครบ้างที่เคยรักษาตัวอยู่ในชั้นนั้นบ้าง

นายแพทย์สรวุฒิ ชี้แจงว่า มีแพทย์ทำงาน 4 ท่านเป็นแพทย์ประจำ ส่วนแพทย์พาร์ทไทม์นั้นไม่แน่ใจ ตนเองเชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดผ่านกล้อง แต่ไม่ได้เป็นผู้ทำการผ่าตัดนายทักษิณ เพราะตนได้ออกจากราชการไปแล้ว ช่วงนั้นตนลาไป 3 สัปดาห์ ดังนั้นในรายละเอียด ตนจึงไม่ทราบ

ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กล่าวว่า การอนุญาตให้ผู้ป่วยออกไปรักษาข้างนอก เป็นไปตามกฎกระทรวงปี 2563 ที่ระบุว่าหากมีผู้ต้องขังที่มีอาการเจ็บป่วยป่วย และพิจารณาแล้วเห็นว่าต้องส่งตัว ไปรักษาภายนอก เป็นอำนาจของผู้บัญชาการเรือนจำ และ ยังระบุว่าต้องส่งโดยเร็ว ซึ่งคำนึงถึงอาการเจ็บป่วยเป็นหลัก เกิดไม่ให้เกิดเหตุพิการหรือเสียชีวิต ส่วนกรณีของนายทักษิณเป็นการส่งต่อจากเรือนจำไปที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้ ทางกรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้

นายรังสิมันต์ สอบถามว่า ทางกรมราชทัณฑ์ ได้มีการประเมินอย่างไรว่า อดีตนายกรัฐมนตรีจะต้องมีการส่งตัวโรงพยาบาล

ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ชี้แจง ว่าในช่วงกลางคืนมีปัญหา เนื่องจากพบว่ามีอาการแน่นหน้าอก มีความดันโลหิตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีภาวะระดับออกซิเจนต่ำ

ด้านนายปิยรัฐ จงเทพ สส.พรรคประชาชน กล่าวว่า การที่เรือนจำจะส่งผู้ต้องขังที่ป่วยออกไปรักษาตัวข้างนอกเป็นเรื่องยากมาก ตนเคยเห็นผู้ต้องขังเสียชีวิตกับตา มาแล้ว ซึ่งการย้ายผู้ป่วย ได้แจ้งศาลหรือไม่ เพราะกรณีแบบนี้จะต้องมีการแจ้งศาล ซึ่งหลังจากที่ได้มีการซักถามกันไปมา นายประยุทธ์ สส.เพื่อไทย แย้งต่อที่ประชุม ว่าหากมีการซักถามแบบนี้ ก็จะไม่มีอะไรคืบหน้า วนเวียนอยู่แค่กรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ สิ่งที่สังคมอยากรู้คือเรื่องชั้น 14 กฎหมาย ป.วิอาญา มาตรา 89 (1) มากกว่า จึงขอให้ถามอยู่ในประเด็น พร้อมบอกตนชี้โพรงให้ ซึ่งนายรังสิมันต์ กล่าวว่า อยากให้สะเด็ดน้ำ ซึ่งไม่ง่ายหลังจากดูจำนวนผู้ชี้แจง

ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า การรักษาในเรือนจำเรามีสถานพยาบาลในเรือนจำ เมื่อพิจารณาว่าจะต้องส่งตัวไปรักษาข้างนอก ส่วนใหญ่เป็นพยาบาลที่อยู่ในเรือนจำ หรือนายแพทย์ข้างนอกที่เข้ามาปฎิบัติหน้าที่มาช่วยตรวจ หลังจากตรวจแล้วพยาบาลจะเป็นผู้ประสานถ้าเคสเร่งด่วน เป็นการปฏิบัติเหมือนกันทั่วประเทศในเรือนจำ ส่วนสาเหตุส่งไปโรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่กรมราชทัณฑ์ส่งผู้ต้องขังไปมากที่สุด ขณะเดียวกันมีทีมตำรวจทำหน้าที่ควบคุม ควบคู่กับทีมของกรมราชทัณฑ์ และมีการลงบันทึกความเข้าใจบูรณาการด้านสุขภาพกับโรงพยาบาลตำรวจ

อดีตรองนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ชี้แจงเรื่องโรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 เป็นห้องวีไอพีหรือไม่ และจำนวนวันที่พักรักษาตัว ว่า ไม่ทราบข้อมูล ซึ่งอยู่ที่อาการและภาวะแทรกซ้อนของโรค ซึ่งหากมีปัญหาก็ต้องรักษายาวต่อเนื่อง ส่วนจะอยู่จนสิ้นสุดหรือไม่ ไม่ทราบข้อมูลตรงนี้และไม่เคยขึ้นไปทำการรักษาที่ชั้น 14

สำหรับการประเมินเพื่อส่งตัวกลับเมื่ออาการทุเลานั้น อยู่ที่แพทย์ผู้รักษา ซึ่งหากเห็นว่ามีความจำเป็นให้รักษาต่อก็บันทึกการรักษาอยู่แล้ว ส่วนมีการบันทึกภาพหรือไม่นั้น ไม่เห็น และจากประสบการณ์มีการบันทึกภาพหรือไม่นั้น ไม่ทราบ ไม่เคยเข้าไปดูว่ามีรายละเอียด.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลทำบุญวันอาสาฬหบูชา

ฉะเชิงเทรา 10 ก.ค.- พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ หลั่งไหลทำบุญตักบาตร เนื่องในวันอาสาฬหบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เนื่องในวันอาสาฬบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก่อนถึงวันเข้าพรรษาปี 2568 มีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญยืนต่อแถวยาวไปจนถึงศาลาริมแม่น้ำบางปะกงหลังพระอุโบสถ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อย่างเนืองแน่น ก่อนสมาทานศีล 5 รับพรจากพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา และถวายสังฆทาน ถวายไทยธรรม รับพรจากพระสงฆ์ จากนั้นอาวาสวัดโสธรวฯ เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา นำพระภิกษุสามเณร เดินรับบาตรที่พุทธศาสนิกชนนำมาถวายเป็นพุทธบูชา บรรยากาศวันอาสาฬหบูชาในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะที่วัดราชบูรณะ พระอารามหลวง พุทธศาสนิกชนต่างแต่งกายด้วยชุดขาวหรือชุดสุภาพ นำเทียนพรรษา ดอกไม้ ธูป เทียน และสิ่งของมาทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และถวายสังฆทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย และเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธา -สำนักข่าวไทย

จับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย

สระแก้ว 10 ก.ค.- ทหารคุมเข้มแนวชายแดนอรัญประเทศ ล่าสุดจับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย อ้างป่วยโรคปอด แม่ชวนไปเป็นบัญชีม้าฝั่งปอยเปต ด้าน 15 แรงงานกัมพูชา อดอยาก ยอมเสี่ยงเดินเท้าเข้าสระแก้ว ชุดเฉพาะกิจอรัญประเทศ ทหารพราน ร่วมกันลาดตระเวนพื้นที่ล่อแหลมชายแดนสกัดกั้นการลักลอบเข้า-ออกโดยผิดกฎหมาย และการขนสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมาจับกุมตัวนายอภิรักษ์ อายุ 40 ปี ขณะกำลังมุดท่อระบายน้ำข้างทางรถไฟ ห่างจากด่านพรมแดนบ้านคลองลึกประมาณ 200 เมตร เพื่อลักลอบข้ามพรมแดนกลับเข้าประเทศไทย โดยพบข้อมูลเบื้องหลังการจับกุม เผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อผู้ต้องหาอ้างว่าคนที่ชักชวนให้เขามาทำงานผิดกฎหมายนี้ คือ “แม่ของเขาเอง” นายอภิรักษ์ ให้การว่า ตนป่วยเป็นโรคปอด สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต่อมาแม่ของตนซึ่งเคยทำงานลักษณะนี้มาก่อน ชักชวนให้ไป “รับจ้างเปิดบัญชีและสแกนใบหน้า” ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ถูกนำตัวข้ามแดนไปพักในห้องสังกะสี และสั่งให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร 1 บัญชี พร้อมคอยสแกนใบหน้าเป็นเวลา 4-5 วัน เมื่องานเสร็จ นายจ้างชาวไทยให้คนนำทางพามาส่งทิ้งไว้ที่แนวชายแดนและชี้ทางให้มุดท่อระบายน้ำกลับมาไทย จนถูกจับ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในข้อหาอื่น ๆ […]

ยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม

10 ก.ค.- ลูกเจ้าของโรงเรียนคลั่งยา ชักปืนยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 คน โดยบริเวณข้างโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซ.เพชรเกษม 20 พบ 1 ศพ เป็นหญิง และบริเวณข้างวัดแห่งหนึ่ง แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พบอีก 1 ศพเป็นผู้ชาย เบื้องต้นจากการสอบถามเพื่อนบ้าน คาดผู้ก่อเหตุมีอาการคลั่งยา หลอนฝันว่าผู้ตายรายแรกที่เป็นหญิงทำคุณไสยใส่ จึงเดินไปใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กกหู ขณะที่กำลังซักผ้าเสียชีวิตทันที หลังจากนั้นเดินออกมาหน้าวัด พบนายติ่ง จึงใช้ปืนกระบอกเดียวกัน ยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิตคาที่เป็นศพที่ 2 ขณะนี้ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนใกล้เคียงกับวัดดังกล่าว ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ภาษีเจริญ – สำนักข่าวไทย

หนึ่งเดียวในโลก! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์

สุรินทร์ 10 ก.ค.- สุรินทร์จัดยิ่งใหญ่! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ประจำปี 2568 ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในโลก ประชาชนและนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ หลั่งไหลร่วมทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ประจำปี 2568 บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีพระสงฆ์ สามเณร 64 รูป นั่งรับบิณฑบาตบนหลังช้างแสนรู้ และช้างงายาว 64 เชือก โดยนำอัฒจันทร์เหล็กมาตั้งรอบอนุสาวรีย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมายืนใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล ช้างที่มีพระสงฆ์นั่งบนหลังจะเดินเข้าไปรับบาตร. – สำนักข่าวไทย