ก้าวไกลรอลุ้นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

ทรรคก้าวไกล 7 ส.ค.- ก้าวไกล คึกคัก เตรียมสถานที่ให้ สส. และมวลชน รอลุ้นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่ Sol bar เปิดตัวเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ 2 เมนูใหม่ ‘ยักไหล่-ไปต่อ’ มวลชนแห่ซื้อเพียบ


ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศที่พรรคก้าวไกล ทั้งมวลชนและสื่อมวลชนเดินทางมาปักหลัก เกาะติดสถานการณ์ที่ทำการพรรค​ ซึ่งพรรคก้าวไกลได้มีการจัดพื้นที่​ ให้มวลชนติดตามการอ่านคำวินิจฉัย​ของศาลรัฐธรรมนูญ​ ที่ยังบริเวณชั้น​ 1 และชั้น​ 2 ของอาคาร​ โดยมีการติดตั้งจอโทรทัศน์​และเครื่องขยายเสียง​ ซึ่งก่อนที่จะมีการอ่านคำวินิจฉัยจะมีการเปิดวีดีทัศน์​ประมวลภาพกิจกรรมตลอด​ 4 ปีที่ผ่านมาของพรรคให้มวลชนได้รับชม​ ส่วนด้านล่างของพรรคมีการติดป้ายไวนิล​ เขียนข้อความว่า​ Your Voice. มาร่วมแชร์ความคิดและความรู้สึกของคุณ กับเราโดยบันทึกเสียงหรือวีดีโอที่จุดนี้ รวมไปถึง ไม่ว่ายานพาหนะอันต่อไปจะชื่อว่าอะไร “เราจะไปต่อ” คนจะเปลี่ยนไปกี่รุ่นหัวหน้าพรรค จะเปลี่ยนไปกี่คนแต่ความเป็นอนาคตใหม่ก้าวไกลจะยังคงอยู่

บริเวณรั้วฝั่งตรงข้ามพรรค มีการนำเสื้อที่สกรีนพรรคอนาคตใหม่ ที่เปรียบเหมือนประชาชนที่คอยสนับสนุนพรรคตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ มาจนถึงพรรคก้าวไกล มาแขวนบริเวณรั้ว พร้อมกับสโลแกนถึง “รถจะเก่า แต่อนาคตใหม่” รวมถึงกลุ่มแฟนคลับได้นำเสื้อ แก้วน้ำ หมวก กระเป๋า ร่ม ที่มีโลโก้พรรคก้าวไกลมาวางจำหน่าย อีกทั้งมีการเตรียมอาหารเพื่อดูแลมวลชนและสื่อมวลชน ประกอบไปด้วยเมนู ขนมจีนน้ำพริกน้ำยาปลาหมอคางดำ จากนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กรุงเทพฯ เขต 27 พรรคก้าวไกล มาเลี้ยงต้อนรับด้วย
ส่วนสส.ของพรรค​ จะเดินทางเข้าพรรคในช่วงบ่าย​ เนื่องจากช่วงเช้าจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ยังอาคารรัฐสภา​ เพื่อประชุมมสภาผู้แทน​ราษฎร​ ซึ่งมีการแจ้งให้สส.และคณะทำงานห้ามนำรถยนต์​ ส่วนตัวมายังที่ทำการ​ แต่ให้ใช้รถ​สาธารณะ​แทน​ เพื่อลดความแออัดการจราจรโดยรอบพื้นที่​


สำหรับบรรยากาศที่ ร้าน Sol bar ชั้น 2 ของพรรคก้าวไกล ในวันนี้ มีการเปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ 2 เมนูใหม่ ภายใต้คอนเซ็บ ‘ยักไหล่แล้วไปต่อ’ เป็นเมนูซิกเนเจอร์ให้สอดคล้องกับการนัดฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคก้าวไกล โดยเมนูแรกชื่อ เมนู “ ยักไหล่” เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของชาโซดาและน้ำส้ม

ส่วนอีกหนึ่งเมนูคือเมนู ‘ไปต่อ’ มีส่วนผสมของกาแฟดำโซดาและน้ำส้ม ซึ่งทั้งสองเมนูราคาอยู่ที่ 70 บาทต่อแก้ว ตั้งแต่เปิดจำหน่าย 2 เมนู ก็มีลูกค้าที่เดินทางมายังพรรคก้าวไกลและร่วมติดตามฟังคำวินิจฉัยและให้กำลังใจ ได้นิยมสั่ง 2 เมนูนี้เป็นจำนวนมาก .-312 -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”