สภาฯ ถกญัตติปลาหมอคางดำ

รัฐสภา 25 ก.ค. – สภาฯ ถกญัตติปลาหมอคางดำ ด้านก้าวไกลสับแหลก ถ้าไม่ได้พูดวันนี้ “รัฐบาลคางเหลืองแน่” ตะเพิดชักธงขาว ยุบสภาฯ หนี ถ้าไม่แก้ตั้งแต่วินาทีนี้ ซัดวาระแห่งชาติ ชาตินี้หรือชาติหน้า


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายประดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำและการจัดการสายพันธุ์ต่างถิ่นรุกราน เพื่อส่งให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยเป็นญัตติของนายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม สส.สมุทรสาคร พรรคก้าวไกล นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และนายณัฐชา บุญอินไชยสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล

นายณัฐพงษ์ เสนอญัตติว่า ตนขอเตือนรัฐบาลที่พูดมาเสมอว่าเรื่องนี้ต้องเป็นวาระแห่งชาติ ไม่แน่ใจว่าวาระแห่งชาติ สรุปแล้วจะเป็นชาตินี้หรือชาติหน้า เป็นสิ่งที่ชาวประมงสงสัย มีการไปให้คำสัญญาว่าจะใช้งบกลาง เพิ่มงบประมาณ จนทำให้พี่น้องชาวประมงเฮ แต่วันนี้ยังไม่เห็น ถ้าเป็นเช่นนี้ขอเสียงเฮพี่น้องชาวประมงคืนได้หรือไม่ และญัตตินี้ก็สำคัญ การแก้ปัญหาก็จำเป็น แต่การหาคนรับผิดชอบก็จำเป็นไม่แพ้กัน เราอย่าไปดูเบาความโกรธ ความไม่พอใจของประชาชน เดี๋ยวจะหาว่าตนไม่เตือน


นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า วันนี้กฎหมายอาจยังไปไม่ถึง ยังเอาผิดไม่ได้ แต่บริบทแวดล้อม สังคมก็พอเห็นว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ ที่ทำให้การระบาดของปลาหมอคางดำเป็นความรู้สึกร่วมของประชาชน ทุกวันนี้ระบาดไปถึง 17 จังหวัดแล้ว ถ้าปล่อยต่อไป ไม่แน่ใจว่าจะถึง 70 จังหวัดหรือไม่ เพราะปลาหมอคางดำกัดกินโอกาสทางการศึกษาของลูกหลาน พี่น้องเกษตรกร กัดกินปลาพื้นถิ่น รวมถึงกัดกินโฉนดชาวบ้านไปจำนวนมาก

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า เราต้องยอมรับว่าเรื่องนี้มีปัญหาตั้งแต่กระบวนการ เมื่อปี 49 ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ แม้มีรายงานการระบาดในต่างประเทศขณะนั้น แต่มีการอนุญาตให้นำเข้าได้อย่างไร ยังไม่นับเงื่อนไขการนำเข้าที่มีปัญหา เช่น การตัดครีบ ส่งซาก จริงๆ แล้วเงื่อนไขอ่อนมาก เพราะควรคุมเข้มมากกว่านี้ แม้เงื่อนไขที่ว่าอ่อน สุดท้ายแล้วก็ยังทำไม่ครบถ้วน จึงขอให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร อย่าทำแค่ให้เป็นอีเวนต์ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ต้องประเมินผลด้วย รวมถึงต้องมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ไม่ใช่ว่าปล่อยวันนี้ พรุ่งนี้ก็เปิดให้คนมาจับ สุดท้ายปลาที่เราตั้งใจจะให้เป็นนักล่า จะกลายเป็นเหยื่อเสียเอง ก็จะกลายเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ละลายงบประมาณของประเทศ ซึ่งไม่ควรเป็นแบบนั้น

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า รวมถึงประเด็นการศึกษาการเหนี่ยวนำโครโมโซม ทำให้ปลาหมอคางดำเป็นหมัน ซึ่งต้องค้นคว้าวิจัยอย่างจริงจัง ตนกลัวว่าหากไม่มีข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์ สุดท้ายแล้วจะสร้างปัญหาที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงการประสานขอความรู้จากต่างประเทศ เราควรเรียนลัด ไม่ใช่ไปลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง และต้องคุยกันเรื่องเยียวยา โดยยืนยันว่าการรับซื้อไม่ใช่การเยียวยา เพราะการรับซื้อคือแรงจูงใจให้ไปจับ แต่การเยียวยาคือการไปชดเชยสิ่งที่เขาได้รับผลกระทบ และขอให้จับตาสายพันธุ์เอเลียนสปีชีส์อื่น เพราะเรื่องนี้ผ่านมาแล้ว 8 อธิบดี 7 รัฐมนตรี หวังอย่างยิ่งว่าจะจบลงในยุคสมัยนี้


นายพิทักษ์เดช เสนอญัตติว่า ปัญหานี้เกิดจากการลักลอบนำเข้า หรือการขออนุญาตนำเข้าเพื่อการทดลอง ซึ่งอาจหลุดลอดเข้าสู่แหล่งน้ำสาธารณะ ทำลายระบบนิเวศ สร้างความเสียหายให้กับผลผลิตของเกษตรกร วันนี้เป็นวาระแห่งชาติ ที่รัฐบาลต้องสืบเสาะหาความเป็นจริงว่าปลาหมอคางดำเข้ามาได้อย่างไร เพราะอะไร ใครเป็นผู้นำเข้า และแพร่กระจายได้อย่างไร เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ตนต้องพูด เดี๋ยวประชาชนจะหาว่า สส.พิทักษ์เดช โดนซาลาเปา ใบละ 28 บาท มาปิดปากไว้ ยืนยันว่าใครปิดตนไม่ได้ และรัฐบาลต้องรับฟังเรื่องนี้เพื่อแก้ไข เพราะมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในจังหวัดข้างเคียง

นายพิทักษ์เดช กล่าวต่อว่า การให้ชาวประมงไปปราบปลาหมอคางดำ โดยใช้เครื่องมือที่สามารถจัดการได้โดยเร็ว อาจใช้ไฟฟ้า แต่ยังติดข้อกฎหมายในไทย ซึ่งจะแก้ไขได้ช้ากว่า จึงขอฝากไปถึงรัฐบาลและกรมประมง ให้แก้ไขกฎหมาย ใช้วิธีการจัดการที่รวดเร็วกว่านี้ ตนหวังว่าสิ่งที่พูดวันนี้จะเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำตามความคาดหวังของพี่น้องประชาชน สามารถแก้ไขปัญหาและสืบหาข้อเท็จจริงของการนำเข้ามาของปลาหมอคางดำ สู่การรับผิดชอบ การเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และการควบคุมไม่ให้ลุกลามมากกว่านี้

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ซึ่งเดิมเสนอญัตติให้ตั้งคณะกรรมมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ แต่ได้ขอถอนญัตติดังกล่าวออก และเปลี่ยนเป็นการเสนอการแก้ไขการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศแทน พร้อมกล่าวว่า ตนอยากให้เรื่องนี้ได้รับการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ซึ่งวันนี้ตนได้รับการประสานว่ามีการนำญัตตินี้เข้า แต่ได้รับเสียงแว่วๆ ว่ามีความพยายามที่จะไม่ให้มีการเสนอญัตติดังกล่าวในวันนี้ ตนบอกว่าไม่ได้ เพราะปลาหมอคางดำระบาดเพิ่มขึ้นทุกวินาที ถ้าไม่เสนอวันนี้ รัฐบาลคางเหลืองแน่นอน ตนจึงบอกไปว่าถ้าไม่ได้เสนอญัตติในวันนี้ ตนไม่ยอม แต่สุดท้ายก็มีการยอมกัน

นายณัฐชา กล่าวต่อว่า ตนขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ ว่าในสังคมมีการวิพากษ์วิจารณ์กันเรื่องของกลุ่มทุนใหญ่ การนำเข้าผิดกฎหมาย สุดท้ายเป็นผลกระทบวงกว้างต่อพี่น้องประชาชน ถ้ารัฐบาลที่แล้วในห้วงเวลาที่ผ่านมาเราปฏิเสธไม่ได้เรื่องที่โด่งดังที่สุดคือเรื่องหมูเถื่อน ที่ระบาดเป็นวงกว้าง สุดท้ายจุดจบเป็นอย่างไร ตนไม่ขอลงรายละเอียด เดี๋ยวจะเป็นคนละเรื่อง แต่ที่ตนพยายามสื่อสารเรื่องปลาหมอคางดำ เพราะไม่มีใครรับผิดชอบ ไม่มีต้นตอ และไม่รู้ไม่เห็นว่าเป็นอย่างไรถึงมาระบาดในบ่อชาวบ้านได้

“อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้นายกฯ แถลงว่ายังไงต้องหาต้นตอสาเหตุให้ได้ ต้องแก้ปัญหาให้เร็ว นี่ผ่านมากี่วันแล้ว มาถึงวันนี้ปัญหาสาเหตุ ท่านจัดการอย่างไร ตนขอสรุปว่าสถานการณ์ตอนนี้นี่คือปลาเถื่อน ดูสิว่าระหว่างหมูเถื่อนกับปลาเถื่อน อันไหนรุนแรงกว่ากัน และครั้งนี้นักวิชาการหลายสำนักยืนยันว่าปลาหมอคางดำสายพันธุ์นี้ระบาดครั้งที่ร้ายแรงที่สุด เราจะปล่อยให้เกิดการส่งต่อระบบนิเวศที่ไม่สมบูรณ์ส่งต่อให้ลูกหลาน โดยรัฐบาลนี้หรือ เราเป็นผู้แทนฯ 17 จังหวัดที่ระบาด ท่านนั่งฟังข่าวอย่างเดียวหรือ วันนี้ไม่คิดจะทำอะไรเลยใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ พูดอย่างเท่ว่าต้องตามล่าหาความจริงให้ได้ จากวันนั้นถึงวันนี้เหลือเวลาไม่ถึง 24 ชม. อยากถามว่ามีข้อมูลมากน้อยแค่ไหนว่าใครเป็นต้นตอสาเหตุ นี่คือสิ่งที่ประชาชนต้องการ ตนรอดูว่าวันพรุ่งนี้ (26 ก.ค.) เป็นอย่างไรเมื่อครบ 7 วัน” นายณัฐชา กล่าว

นายณัชฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ถ้าไม่เร่งแก้ไข ทุกวินาทีวันนี้มีความหมาย ถ้าไม่รีบอนุมัติงบประมาณมาช่วยเหลือเกษตรกร และมาเยียวยาเรื่องนี้จะไม่ใช่ปัญหาของประเทศไทยอย่างเดียว แต่จะยกเป็นปัญหาภูมิภาค ฉะนั้นรอไม่ได้

“วินาทีนี้ท่านต้องดำเนินการเลย รวมถึงเรื่องของการประกาศเขตใน 17 จังหวัดนี้ ท่านต้องประกาศเลยว่าจังหวัดไหนชักธงแดง เมื่อจับเรียบร้อย ลดธงแดงลง ก็ชักธงเหลือง ธงเขียว เพื่อเฝ้าระวัง และกลับไปทบทวนว่าหากกลับมาระบาดอีกครั้งก็ชักธงแดง แต่ถ้าท่านไม่ชักธงอะไรเลย รัฐบาลท่านชักธงขาวได้เลย ยอมแพ้ยุบสภาฯไป” นายณัฐชา กล่าวอย่างฉุนเฉียว

จากนั้นสมาชิกได้อภิปรายแสดงความคิดเห็นสนับสนุนญัตติดังกล่าวไปในทำนองเดียวกันว่ารัฐบาลต้องแก้ปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำโดยเร่งด่วน และควรมีมาตรการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อไม่ให้ผลกระทบมีต่อประชาชนไปมากกว่านี้.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เอกอัครราชทูตชี้แจงข้อเท็จจริงยูเอ็น ปมกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

31 ก.ค. – เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ขึ้นเวทียูเอ็น ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ระหว่างการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศว่าด้วยการระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างการกล่าวถ้อยแถลง เนื่องจากกัมพูชากล่าวพาดพิงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเวทีดังกล่าว ไทยเข้าร่วมการประชุมโดยมีเป้าหมายร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในการผลักดันการแก้ปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีผ่านแนวทางสองรัฐ.-สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เผยประเทศไทยฝนลดลง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 31 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง […]

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย