“ชัยธวัช” เผย กมธ.นิรโทษกรรม เสียงแตกปม ม.112

รัฐสภา 25 ก.ค. – “ชัยธวัช” เผย กมธ.นิรโทษกรรม เสียงแตกปม ม.112 บางส่วนเสนอต้องมีเงื่อนไข หวังสภาฯ รับฟังอย่างมีวุฒิภาวะ ไร้ความขัดแย้ง


นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยพรุ่งนี้ (26 ก.ค.67) จะมีการสรุปรายงานอย่างเป็นทางการ เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรให้เร็วที่สุด

สำหรับสาระสำคัญคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เห็นว่าการนิรโทษกรรมครั้งนี้คงไม่สามารถออกเป็นกฎหมายเหมือนในอดีตที่มีการกำหนดฐานความผิดโดยเฉพาะ หรือจะนิรโทษกรรมคดีใดคดีหนึ่งโดยเฉพาะ เนื่องจากคดีที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีความขัดแย้งทางการเมืองเกือบ 20 ปี มีหลากหลายฐานความผิด และหลากหลายเหตุการณ์


ดังนั้น จึงต้องตรากฎหมายให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงมากที่สุด คือการเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการนิรโทษกรรม ว่ามีคดีใดบ้างที่ควรจะได้รับการนิรโทษกรรม พร้อมกับนิยามว่าคดีการกระทำผิดที่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง หมายถึงการกระทำที่มีฐานความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง หรือต้องการบรรลุเป้าหมายทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงเวลาที่มีความขัดแย้ง หรือช่วงที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน

ส่วนการนิรโทษกรรมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จากพรรคก้าวไกล เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมมาตรา 112 แต่ยังมีความเห็นต่างกันอยู่ในคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จึงได้มีการรวมความคิดทุกรูปแบบ เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาอย่างรอบด้านแบ่งเป็น 3 กลุ่ม

1.ไม่เห็นด้วยกับการที่นิรโทษกรรมมาตรา 112
2.เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมมาตรา 112 เหมือนกับฐานความผิดอื่นๆ
3.เห็นด้วยที่จะนิรโทษกรรมมาตรา 112 แต่เป็นการนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข


นายชัยธวัช ยอมรับว่า ในคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีความกังวลหลายอย่าง หากมีการนิรโทษกรรมคดี 112 จะเกิดปัญหาการแสดงออกอย่างที่เคยเกิดขึ้น แล้วนำไปสู่การดำเนินคดี ซึ่งมีข้อเสนอว่าควรมีกำหนดมีเงื่อนไขผ่าน 2 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.เสนอให้คณะกรรมการนิรโทษกรรมมีอำนาจในการกำหนดเงื่อนไข เพื่อเข้าสู่การพิจารณานิรโทษกรรม 2.ควรจะมีมาตรการในการป้องกันการกระทำผิดซ้ำ

ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด หรือผู้กระทำผิดต้องมาแถลงข้อเท็จจริงถึงสาเหตุ และแรงจูงใจในการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมทั้งมีกระบวนการเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้เกิดการสานเสวนาระหว่างผู้กระทำผิดและผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด กับคู่ขัดแย้งและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เพื่อให้ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อเท็จจริงกัน ทั้งนี้ การกำหนดเงื่อนไขในการกระทำความผิดซ้ำในแต่ละคดีจะไม่เหมือนกัน แล้วแต่พฤติการณ์แต่ละคดี

ประเด็นสำคัญคือระหว่างที่คดีนั้นยังอยู่ในกระบวนการพิจารณานิรโทษกรรม มีข้อเสนอว่าควรจะมีมาตรการอำนวยความยุติธรรมเบื้องต้น เช่น การชะลอฟ้อง การให้สิทธิประกันตัว หรือการจำหน่ายคดีชั่วคราว เนื่องจากคดีที่มีเงื่อนไขเช่นนี้อาจจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณามากกว่าคดีอื่น

สำหรับมาตรการป้องกันกระทำผิดซ้ำ อาจมีมาตรการอื่นหลังได้รับนิรโทษกรรมไปแล้ว เช่น การละเมิดเงื่อนไขอาจจะต้องเสียสิทธิในการนิรโทษกรรม มาตรการการรายงานตัวเป็นระยะ หรือกระบวนการสร้างความปรองดอง เป็นต้น นอกจากนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ บางส่วนยังมีข้อเสนอไม่ให้นิรโทษกรรมทันที แต่อาจให้มีการสานเสวนาแล้วค่อยพิจารณานิรโทษกรรม

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เห็นร่วมกันว่าคดีละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับชีวิตไม่ควรได้รับการนิรโทษกรรม และเมื่อรายงานเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ แล้ว คณะรัฐมนตรี (ครม.) ควรจะรีบพิจารณาจัดทำร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของรัฐบาล และระหว่างที่กฎหมายยังตราไม่แล้วเสร็จก็ควรมีการอำนวยความยุติธรรมด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รายงานฉบับดังกล่าวผ่านการพิจารณาของสภาฯ แล้ว จะจัดส่งรายงานไปยัง ครม. และหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม โดยจะขอให้ส่งรายงานกลับมาที่สภาฯ ภายใน 60 วัน ถึงความคืบหน้าในการดำเนินการตามข้อเสนอ

ขณะที่ความเห็นของหลายพรรคการเมืองยังแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนให้มีการนิรโทษกรรมในคดี 112 พรรคก้าวไกลไม่ได้ไม่ได้มีการจัดทัพขนาดนั้น แม้เราจะมีความเห็นแบบหนึ่ง แต่เราก็รับฟังและพยายามเข้าใจความเห็นของฝ่ายที่มีข้อกังวลในประเด็นนี้ แม้กระทั่งการทำงานในคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ก็มีความเห็นที่แตกต่างกัน แต่เราก็รับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน พยายามหาข้อเสนอที่จะเป็นที่ยอมรับได้มากที่สุด ยกตัวอย่างข้อเสนอนิรโทษกรรมอย่างมีเงื่อนไขก็เป็นความพยายามที่จะเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยในรายงานที่จะเข้าสู่สภาฯ จะมีความเห็นของทุกฝ่าย

“หวังว่าบรรยากาศในสภาฯ คงไม่ใช่บรรยากาศแห่งความขัดแย้ง แต่เป็นบรรยากาศที่พยายามรับฟังซึ่งกันและกัน พิจารณาทุกเรื่องอย่างรอบด้านอย่างดีที่สุดและมีวุฒิภาวะ หากในสภาฯ บรรยากาศยังไม่ปรองดอง ไม่เปิดใจรับฟังซึ่งกันและกัน การออกกฎหมาย เพื่อมีเป้าหมายในการลดความขัดแย้งทางการเมืองคงไม่บรรลุ” นายชัยธวัช กล่าว.-317-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]