กกต. 12 ก.ค.-พล.อ.เกรียงไกร รับหนักใจถูกเสนอชื่อชิงเก้าอี้ประธานวุฒิสภา ออกตัวต้องการทำงาน กมธ.ทหารและความมั่นคง มอง “ประวุฒิสภา” ต้องรู้กฎหมาย มีวุฒิภาวะ เป็นที่ยอมรับ ส่วนว่าที่ สว.ทยอยรับหนังสือรับรองที่ กกต.ต่อเนื่องในวันสุดท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ สว.ทยอยเดินทางมารับเอกสารรายงานตัว ที่สำนักงาน กกต. ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ โดยมีผู้ที่มารอตั้งแต่ก่อนเวลา 08.30 น. จากที่มารับไปแล้วเมื่อวานนี้ 173 คน และในจำนวนผู้มารับเอกสารรับรอง คือ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ สว.กลุ่ม 1 กลุ่มบริหารราชการแผ่นดิน โดยมารอก่อนเวลา 8.30 น.
พลเอกเกรียงไกร ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับหนังสือรับรองถึงกระแสถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ว่า มีความหนักใจ และต้องขอขอบคุณสื่อที่เสนอว่าตนเป็น 1 ในแคนดิเดตประธานวุฒิสภา แต่ความตั้งใจที่ตนเข้ามาสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา อยากทำงานทางด้านความมั่นคงในเรื่องของการด้านทหาร โดยเฉพาะชายแดนภาคใต้ จะเอาประสบการณ์ องค์ความรู้ที่มีไปแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
ในการเลือกประธานวุฒิสภามีประเด็นเรื่อง สว.กลุ่มสีสู้กับกลุ่มอิสระ มองอย่างไร พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ทุกคนมีโอกาส ทุกคนเป็นผู้มีองค์ความรู้ หลากหลายกลุ่มอาชีพทั้ง 20 กลุ่ม เราจะเห็นว่ากระบวนการเลือก สว.ที่ผ่านมา ที่กำหนดมาใน 20 กลุ่มอาชีพ เป็นกลุ่มอาชีพที่มีความหลากหลายและมีประสบการณ์ในอาชีพของตนเอง ที่ก้าวเข้ามาดูแลอาชีพของตนเอง ในบริบทของการเป็น สว.
เมื่อถามต่อการเป็นทหารจะถูกมองอีกมุมหรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ไม่เป็นไร อยากทำหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง โดยเฉพาะงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 อยู่ที่นั่นมาอย่างยาวนานตั้งแต่เกิดจนกระทั่งบัดนี้ ไปเป็นเลขาฯ ของกระบวนการพูดคุยสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้าได้ทำงานตรงนี้ความต่อเนื่องจะเกิดขึ้น ในบริบทของกลุ่มทหารก็ดี หรือกลุ่มต่างๆก็ดี ก็มีเป้าหมายร่วมกัน คือทำอย่างไรให้สันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้น แต่ว่ากลยุทธ์ในการเดินกฎหมายแตกต่างกัน ก็ปรับกันได้ เพราะความหลากหลายตรงนี้ คือสิ่งที่ทำให้เกิดกระบวนการนำไปสู่จุดหมายร่วมกัน ในการเปลี่ยนแปลงวิธีการ ถ้าตนคิดคนเดียวก็อยู่ในมุมของตน ถ้าตนรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น การที่จะเดินไปสู่จุดหมายได้ก็เกิดความรอบครอบมากยิ่งขึ้น
เมื่อถามว่ามองว่าการทำงานของ สว.ใหม่ 200 คนจะเป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่าความหลากหลายใน 20 กลุ่มอาชีพ ทำให้มีการได้เปรียบในเชิงการปฎิบัติของผู้คนที่มีประสบการณ์ สามารถที่จะนำมาสู่กระบวนการกลั่นกรอง การทำงานของสมาชิกวุฒิสภา
ส่วนข้อกังขาในเรื่อง สว.จัดตั้ง จะเป็นอุปสรรคและปัญหาของการทำงานของ สว.ชุดนี้หรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า เราต้องขอมองกลับไป ว่าการที่เกิดปัญหาการฮั๊ว ตนว่ามีกันทุกกลุ่ม เราก้าวเข้ามาด้วยห้วงเวลาที่จำกัด ไม่มีกระบวนการในการหาเสียง และเราก็ได้ใช้การพูดคุย การรวมกลุ่มกันให้ได้นำเสนอโอกาสของตัวเอง หรือผลงานในช่วงที่ผ่านมา และได้มีการจับกลุ่มคุยกัน ซึ่งเป็นปกติในส่วนที่มีมุมมองต่างๆ ก็เป็นเรื่องของมุมมอง ความคิดเห็นที่มีความแตกต่างกันออกไป ก็ไม่เป็นไรให้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ
การที่มี สว.กลุ่มเสียงข้างน้อย มองว่า สว.เสียงข้างมากจะกินรวบตำแหน่งฝ่ายนิติบัญญัติ ประธานและรองประธาน มองเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่าไม่แน่เสมอไป ต้องมาดูกันในวันที่เปิดการประชุม ว่าบริบทตรงนี้จะเป็นอย่างไร ตนคิดว่าอย่างไรก็แล้วแต่ในเรื่องของกระบวนการประชาธิปไตย ในเรื่องของการยอมรับในเสียงส่วนมากในการลงมติ แต่ก็ไม่เพิกเฉยต่อเสียงส่วนน้อย ก็ต้องฟังเสียงส่วนน้อยในข้อท้วงติง และแนะนำข้อเสนอเพื่อนำไปสู่เป้าหมาย
ส่วนกรณีที่มี สว. บางคน อยากฟังวิสัยทัศน์ ผู้ชิงตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งมีการเสนอชื่อตนนั้น ก็เห็นว่า วิสัยทัศน์ของทุกคนมีอยู่แล้ว การเลือกประธานวุฒิสภาในกระบวนการที่แสดงวิสัยทัศน์ตามที่เคยปฏิบัติมา ทุกคนที่คาดหวังในจุดนั้น ก็คงมีการเตรียมตัวมา ในส่วนตัวต้องไปดูบริบท ว่าจะนำเสนอให้สมาชิกได้รับทราบอย่างไรในความตั้งใจของเรา แต่อย่างที่เคยบอกไป ส่วนตัวอยากทำหน้าที่ในกรรมาธิการด้านทหารและด้านความมั่นคง
เมื่อถามว่า หากมีการเสนอชื่อให้ลงชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภานั้น พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า แล้วแต่สมาชิกแต่ละคน ส่วนในความคิดของตนต่อผู้ที่จะเป็นประธานวุฒิสภา จะต้องมีความรอบรู้ทางด้านกฎหมาย มีวุฒิภาวะ และเป็นที่ยอมรับ
เมื่อถามว่า สว. หลายคน อาจมองว่า ประธานวุฒิสภา ควรเป็นนักกฎหมายมากกว่านักบริหารนั้น พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า แล้วแต่มุมมองแต่ละคน เพราะแต่ละคนมีความคิดที่แตกต่างกัน แต่ก็ต้องยอมรับในกระบวนการที่ตกลงกัน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเสนอได้ทั้ง 200 คน เพราะมีโอกาสเป็นได้ทั้งนั้นและใน 200 คน ส่วนตัวยังไม่ทราบว่ามีใครที่เคยเป็นวุฒิสภามาบ้างหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่ก็คงยังไม่คุ้นเคยกับสภา ทั้งสภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา ถือว่าเป็นบทบาทใหม่ ที่เราต้องเรียนรู้กันไป ในกฎระเบียบ ข้อบังคับ และหลักการทำงาน เราต้องศึกษาและเรียนรู้และดำเนินการ บางส่วนก็ได้มีการเตรียมการไปแล้วในหน้าที่บทบาทที่ตัวเองต้องทำ
เมื่อถามว่า วุฒิสภาสามารถทำหน้าที่เป็นสภาพี่เลี้ยงของสภาผู้แทนฯได้ใช่หรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกคนมีวุฒิภาวะ มีความรู้สึกสำนึกในหน้าที่ของตัวเอง ที่ได้รับผิดชอบ ก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนคาดหวัง คิดว่าทิศทางน่าจะเป็นไปด้วยดี
เมื่อถามว่าเสียใจหรือไม่ เนื่องจากว่ามีการนำเสนอข่าวว่า เป็น สว.ที่มีสี พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ตนเป็นสีน้ำเงินเข้มอยู่แล้ว หมายถึง ตนมาจากทหาร ยึดสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิต ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สีแดง สีขาว สีน้ำเงิน และน้ำเงินแถบใหญ่มาก เป็นสีตรงกลางที่สำคัญมาก.-314.-สำนักข่าวไทย