ก้าวไกล 21 พ.ค.-ก้าวไกล เล็งใช้กลไกสภาฯ สอบ “พิชิต” ชี้คาดการณ์เปลี่ยนนายกฯ-พลิกขั้วรัฐบาลยังไกลเกินไป
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกพรรคฯ กล่าวถึงการดำเนินการของฝ่ายค้าน ในการตรวจสอบคุณสมบัติ และมาตรฐานทางจริยธรรมของนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถูกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า ฝ่ายค้านจะใช้กลไกสภาฯ ในการตรวจสอบรัฐบาลอยู่แล้ว ทั้งการดำเนินนโยบาย และการทำงานของรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อมีการเปิดสมัยประชุม เชื่อว่า พรรคก้าวไกล จะใช้กลไกสภาเต็มที่ ทั้งการตั้งกระทู้ถาม กลไกกรรมาธิการ รวมถึงการเสนอร่างกฎหมายต่างๆ จึงยืนยันว่า พรรคก้าวไกล มีการตรวจสอบรัฐบาลเข้มข้นแน่นอน
ส่วนที่มีการมอง สว.ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลเข้มข้นกว่าฝ่ายค้านนั้น นายพริษฐ์ มองว่า สว.ได้ใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญในการยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ในการตีความลักษณะต้องห้าม ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดหลายข้อที่เป็นนามธรรม และอาจเป็นแนวทางที่ สว.เลือกใช้ แต่พรรคก้าวไกลเลือกใช้กลไกสภาเป็นกลไกหลักในการตรวจสอบรัฐบาล และเชื่อว่า หากรัฐบาลตั้งรัฐมนตรีที่ไม่เหมาะสม สุดท้ายก็จะต้องถูกประชาชนตัดสินในคูหาเลือกตั้ง
นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการประเมินการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความดังกล่าว อาจถึงขั้นการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หรือเปลี่ยนขั้วรัฐบาลว่า เป็นการคาดการณ์ที่ไกลไป เพราะศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้มีการรับคำร้อง และท้ายที่สุดหากถึงขั้นนายกรัฐมนตรีต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่นั้น พรรคก้าวไกล ก็ยังคงทำหน้าที่ต่อในฐานะฝ่ายค้าน
นายพริษฐ์ ยังมองการดำเนินการของ สว.ดังกล่าวว่า ในเชิงการเมืองเป็นความพยายามของ สว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เข้ามามีบทบาทกำหนดว่า ใครจะเป็นรัฐบาล หรือเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาลเมื่อปีที่แล้ว และผ่านไป 1 ปีในช่วงเปลี่ยนผ่านรักษาการ ก็ยังใช้อำนาจมาแทรกแซงว่า ใครจะปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งประชาชน มีสิทธิที่จะตั้งคำถามถึงคุณสมบัติ และความเหมาะสมของรัฐมนตรี แต่ตามครรลองระบอบประชาธิปไตยนั้น รัฐบาล และนายกรัฐมนตรีจะอยู่ได้หรือไม่ได้ รัฐมนตรีเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ควรถูกประชาชนตัดสินผ่านคูหาเลือกตั้ง และหากนายกรัฐมนตรี ตั้งรัฐมนตรีที่ไม่เหมาะสม รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบทางการเมือง และรับเสียงสะท้อนผ่านเสียงเลือกตั้ง.-312.-สำนักข่าวไทย