กรมป่าไม้ 17 พ.ค.-“อนุทิน-พัชรวาท” ร่วมลงนาม MOU แก้ปัญหาไฟป่า สัตว์ป่า พัฒนาสาธารณูปโภคให้ประชาชน หวังพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัยในอุทยานแห่งชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมเป็นประธานและลงนามเป็นพยาน ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการ เพื่อการส่งเสริม การสนับสนุน และ การประสานงานในการดำเนินงาน ระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมด้วยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วมลงนาม
ด้วยปัจจุบันที่มีสถานการณ์มลพิษทางอากาศและปัญหาไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ปัญหาสัตว์ป่าที่สร้างความเดือดให้แก่ประชาชน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อีกทั้งการมุ่งหวังพัฒนาสาธารณูปโภค พื้นฐานและการส่งเสริมอาชีพหรือคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งกรณีเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานภาครัฐ ที่นำโดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมส่งเสริมการ ปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้ง 2 หน่วยงานจึงได้มีความตกลงร่วมกัน จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการเพื่อการส่งเสริม การสนับสนุน และการประสานงานในการดำเนินงานของทั้ง 2 หน่วยงานขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ ได้แก่
1.การแก้ไขปัญหาไฟป่า ทั้ง 2 หน่วยงาน ตกลงร่วมมือกันส่งเสริม สนับสนุน และประสานงาน ด้านการป้องกัน และควบคุมไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครอง ดูแลรักษา หรือบำรุง อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า และเพื่อนำไปสู่การมีอากาศที่สะอาดเพื่อประชาชน
2.การแก้ปัญหาสัตว์ป่าสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ซึ่งสัตว์ป่าตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครอง สัตว์ป่า พ.ศ. 2562 อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จากสัตว์ป่าอยู่ในการดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังนั้น ทั้ง 2 หน่วยงาน จะร่วมมือกันดำเนินงานด้านการป้องกัน และแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าที่ก่อให้เกิดผลกระทบหรือสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนในพื้นที่นอกเขตป่าอนุรักษ์ให้มี ประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครอง การบำบัดเยียวยา การป้องกันหรือแก้ไขภัยอันตรายแก่ประชาชน รวมถึง เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถปฏิบัติงานด้านการแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าคุ้มครองที่สร้างความเดือนร้อนแก่ประชาชนในเขตพื้นที่รับผิดชอบ
3.การพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานและการพัฒนาส่งเสริมอาชีพหรือคุณภาพชีวิตของบุคคลที่อยู่อาศัยหรือ ทำกินในอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ทั้ง 2 หน่วยงาน จะดำเนินงานส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานในการดำเนินงานเพื่อทำให้ประชาชนในท้องถิ่นได้เข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
4.การส่งเสริมอาชีพหรือคุณภาพชีวิตของบุคคลในชุมชนท้องถิ่นที่เก็บหาหรือใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถเกิดใหม่ทดแทนได้ เพื่อลดการพึ่งพิงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ทั้ง 2 หน่วยงาน ตกลงร่วมมือกันส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานในการดำเนินกิจกรรม ด้านดังกล่าว เพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพของชุมชนในท้องถิ่นให้ เป็นไปอย่างสมดุลและยั่งยืน
ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับดังกล่าว มีระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ทั้งสองฝ่ายลงนามเป็นต้นไป โดยสามารถขยายระยะเวลาความร่วมมือได้ ด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย.-317.-สำนักข่าวไทย