“พิชิต” ยกมือไหว้ ขอโอกาสทำงาน ไม่หวั่นถูกรุมตรวจสอบคดีเก่า

ทำเนียบรัฐบาล 7 พ.ค.-“พิชิต” ยกมือไหว้ ขอโอกาสทำงานเพื่อประชาชน ไม่หวั่นถูกรุมตรวจสอบคดีเก่า ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย

นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเข้ารับตำแหน่ง ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติให้ตนดูแลเรื่องกฎหมายที่จะนำเสนอนายกรัฐมนตรี ก่อนเข้าสู่ที่ประชุม ครม. และให้ตนรับผิดชอบดูแลงาน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานราชบัณฑิตยสภา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  นี่คืองานที่ตนต้องปฎิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด ยืนยันว่า ผมรักประเทศไม่น้อยกว่าคนอื่น จะปฏิบัติหน้าที่ให้บรรลุเป้าหมาย


“ก่อนเข้ารับหน้าที่ ตนได้ทำงานเป็นที่ปรึกษานายกฯ มา 6-7 เดือน ผมไม่ใช่คนใหม่ที่ทำเนียบ อยู่ในการประชุม ครม. ทุกครั้ง ไม่ขาดแม้แต่นัดเดียว รวมทั้ง ครม.สัญจรจังหวัดต่างๆ ผมไม่ต้องเรียนรู้เรื่องงานอะไร ขอให้สบายใจ ผมไม่เคยมีปัญหาอะไร อยู่ด้วยความสงบเรียบร้อย ตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ วันนี้เปลี่ยนมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีสำนักนายกฯ ก็ยังอยู่ห้องเดิม ทำงานไม่เคยหยุด แม้ผมไม่ใช่นักกฏหมายแพ่ง-อาญา แต่รู้เรื่องรัฐธรรมนูญ กฎหมายพรรคการเมืองต่างๆ กรอบงานของผมอยู่ในเรื่องของกฎหมาย” นายพิชิต กล่าว

นายพิชิต กล่าวว่า ต่อไปนี้จะขึ้นตึกบัญชาการ 1 ประตูกลาง มีอะไรคุยกันแบบพี่น้องได้ อะไรที่สื่อสารแล้วเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ผมพูดจากใจไม่มีสคริปต์


ส่วนการ Kick off วันแรก ในฐานะที่ดูแลสำนักนายกรัฐมนตรี จะคืนชีพ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 จะเริ่มทำงานภายใน 30 วัน พลิกฟื้นศูนย์นี้ภายใต้โครงการทำเนียบช่วยได้ เป็นที่พึ่งของประชาชน รับแจ้งเบาะแสอาชญากรรมทุกประเภท

เมื่อถามว่า ตอนทำงาน 6 เดือน ได้ขอความกรุณาจากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องหรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า คุยหมดแล้ว สามารถสตาร์ทเครื่องได้เลย เพราะรู้นโยบายรัฐบาลและรู้ว่านายกฯ มีข้อสั่งการอะไรบ้างในการประชุม ครม. ตนเป็นมือไม้ของนายกฯ จะเอาข้อสั่งการของนายกฯ มาทำเป็นทำเนียบช่วยได้ สร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน ภายใน 30 วันจะต้องทำให้เป็นรูปธรรม

นายพิชิต กล่าวว่า ส่วนการดูแลสำนักพุทธฯ นั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ผ่านมามีหลายปัญหาในพุทธศาสนา ต้องจัดทำความเข้าใจกับสำนักพุทธฯ และพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ตนขอขอบคุณ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่ได้ประชุมการจัดงานสัปดาห์วิสาขบูชา และงานวิสาขบูชาโลก จะมีการประชุมวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งงานนี้จะต้องยิ่งใหญ่ เพราะมีประมุขฝ่ายสงฆ์มากกว่า 90 ประเทศ มาร่วมงาน ทุกเรื่องอยู่ในหัวตนแล้ว ไม่ต้องศึกษางานอะไรใหม่ๆ


”ผมขอประกาศว่า พิชิตพร้อมก้าวหน้า พร้อมเดินหน้าทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน พิชิต ชื่นบาน รักประเทศชาติและประชาชนไม่น้อยกว่าคนอื่น ผมยืนยันว่าสิ่งที่ทุกฝ่ายตั้งข้อสงสัย ทุกคนมีอุบัติเหตุในชีวิตได้ 6-7 เดือนที่ผ่านมา พื้นที่ข่าวของผมมีมาก อธิบายชัดเจนถ้าให้ความเป็นธรรมกับชีวิตผม ไปศึกษาเรื่องราวต่างๆ ให้ดีก็จะทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าผมเป็นคนไม่ดีอย่างที่มีการกล่าวหา คนชื่อ พิชิต ชื่นบาน จะไม่เดินเข้าทำเนียบ ผมมั่นใจว่า ผมไม่ใช่คนผิด ไม่ได้เป็นคนชั่วร้าย ชีวิตผมยืนอยู่ได้ด้วยความรู้ความสามารถ ถ้าผมไม่มีความรู้ความสามารถไม่มีทางที่จะได้ยืนตรงนี้ ถ้ามาด้วยระบบเส้นสาย ตรงก็ไม่สามารถยืนตรงนี้ได้“นายพิชิต กล่าว

ทั้งนี้ นายพิชิต ได้ยกมือขึ้นไหว้และพูดว่า ขอโอกาสให้ได้ทำงาน ตัวผม ใจผม ไม่มีเรื่องการเมือง มีเพียงเรื่องงานอย่างเดียว เป็นมนุษย์ทำงาน เรื่องต่างๆ ตนเคารพสิทธิของฝ่ายที่ตั้งข้อสงสัย การเมืองภาคประชาชนต้องเคารพสิทธิด้วย เมื่อไปยื่นเรื่องข้อสงสัยเกี่ยวกับตนต่างๆ ขอให้รอฟังพินิจของแต่ละหน่วยงานว่าจะเป็นอย่างไร ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ภายใต้หน้าที่อำนาจของหน่วยงานต่างๆ  เราต้องมองว่าการบริหารราชการแผ่นดิน ต้องอยู่ภายใต้หลักนิติธรรม ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจ

เมื่อถามว่า ยังหวั่นไหวหรือไม่ ที่ยังมีคนคิดว่าได้เป็นรัฐมนตรีเพราะเป็นคนของ นายทักษิณ ชินวัตร และ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายพิชิต กล่าวว่าตนได้ยืนหยัดในความรู้ความสามารถ ทุกคนมีสิทธิคิด ถ้าตนไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีใครให้ตนมายืนตรงนี้ การบริหารราชการแผ่นดินไม่ใช่เรื่องเส้นสาย ไม่ใช่เรื่องเอาพวกพ้อง ถ้าไม่รู้เรื่องงาน ตนจะไม่รับตำแหน่ง

ส่วนมีความกังวลเรื่องคำร้องต่างๆ หรือไม่ ว่าจะเข้าตัวนายกรัฐมนตรี ที่มอบตำแหน่งให้ นายพิชิต กล่าวว่า ปล่อยให้หน่วยงานที่บังคับใช้ดุลยพินิจ เราอยู่กับปัจจุบัน ทำหน้าที่ของเราให้ดี ถ้าไม่มั่นใจว่าจะทำหน้าที่ได้จะมายืนทำไม อีกทั้งการที่บอกว่าตัวเบาหวิว เพราะมั่นใจว่าเราตั้งใจทำงาน ไม่ได้เครียดอะไร

หากมองในมุมนักกฎหมายคนอื่นๆ ต่อคดีที่ถูกดำเนินอยู่นั้น ส่วนตัวคิดว่า ตนเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ต้องรอหน่วยงานต่างๆ วินิจฉัยเสร็จสิ้นก่อน หากคิดแบบเข้าข้างตัวเอง มองว่าถ้าเราไม่มีปัญญาอย่ามายืนอยู่ตรงนี้ เอาผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์

ส่วนข้อร้องเรียนต่างๆ จะสามารถยืนยันได้หรือไม่ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ นายพิชิต ย้ำว่า หากคุณคิดว่าคุณเป็นคนดี คนรอบข้างบอกว่าคุณเป็นคนดี อันนี้เป็นเรื่องนามธรรม “รักใครชอบใครก็มีฝักมีฝ่าย ผมพิสูจน์จิตใจแล้ว แม้จะมีอะไรล่อตาล่อใจ ก็ไม่หวั่นไหว ขอความเป็นธรรมว่านับแต่วันนี้ไป ขอให้ดูทุกการการทำงานของผม งานส่วนไหนที่ทำไม่ถูก สามารถคุยได้แบบพี่น้องกัน” นายพิชิต กล่าว.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]