โชว์ผลงาน 6 เดือน เยือน ตปท. ปลื้มไทยกลับขึ้นจอเรดาร์โลก

กระทรวงการต่างประเทศ 1 เม.ย.-“ปานปรีย์” โชว์ผลงาน 6 เดือน เยือนต่างประเทศ ปลื้มไทยกลับขึ้นจอเรดาร์โลกแล้ว ชี้เป็นการทูตที่จับต้องได้  


นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวผลการเยือนต่างประเทศในรอบ 6 เดือน ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายเชิงรุกด้านการต่างประเทศ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ภูมิเทคโนโลยี ภาวะโลกร้อน และโอกาสที่เกิดการแพร่ของโรคระบาด นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยยังพึ่งพาเศรษฐกิจโลกอยู่มาก เราจะสังเกตได้ว่าเศรษฐกิจได้รับผลกระทบ GDP ขยายตัวต่ำลง

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ประเทศไทยห่างเหินไปจากจอเรดาร์โลก เสมือนว่าเรามีปฏิสัมพันธ์กับต่างชาติน้อยลง เป็นผลทำให้บทบาทในด้านต่างประเทศของไทยลดน้อยลง โดยเฉพาะในอาเซียนที่เคยโดดเด่นมาก่อน น้อยลงไปมาก พร้อมกับสรุปผลงาน 4 เรื่อง ได้แก่ “การทูตเชิงรุก ทำให้ประเทศไทยมีสถานะและได้รับการยอมรับดีขึ้น” ตนเอง นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วย และรัฐมนตรีอีกหลายท่าน เดินทางเยือนต่างประเทศจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเปิดบ้านรับหลายประเทศ ล่าสุดได้ยกระดับหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับประเทศอังกฤษ ถือเป็นเรื่องน่ายินดี ประเทศอังกฤษให้ความสำคัญกับประเทศไทยมาก และที่ผ่านมามีการประชุมในวงต่าง ๆ ทั้ง UNGA, อาเซียน-ออสเตรเลีย, อาเซียน-แปซิฟิก, อาเซียน-ญี่ปุ่น และเอเปก


“เราไม่ได้ไปเยือนอย่างเดียว มีต่างประเทศทยอยเข้ามาเยือนประเทศไทยเรื่อยๆ จัดคิวกันไม่ทัน การเยือนต่างประเทศ ไม่ใช่แค่การเดินทางไปพบกันจับไม้จับมือกันแล้วกลับบ้าน ต้องมีเนื้อหา อย่างน้อยที่สุดไปดูเรื่องความร่วมมือที่เคยมีมาแล้ว และจะมีกันต่อไป”นายปานปรีย์ กล่าว

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ปีนี้นับเป็นปีแรกที่ไทยได้รับเชิญให้ร่วมประชุม Summit for Democracy ที่เกาหลีใต้ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังมีการพบปะกับภาคเอกชนระดับโลก บริษัทข้ามชาติกว่า 60 บริษัท เน้นการดึงดูดด้านการลงทุน เศรษฐกิจดิจิทัล และเศรษฐกิจสีเขียว

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ประการที่สอง “การทูตที่ทันท่วงทีในยามวิกฤต”  โดยเฉพาะการเจรจากับต่างประเทศ เช่น เรื่องอิสราเอล เราต้องตั้งหลักในการนำตัวคนไทยกลับประเทศในระยะเวลาอันสั้น ยอมรับว่าตกใจมาก ไม่รู้ว่าต้องดำเนินการอย่างไร เมื่อเราตั้งหลักได้ ก็รู้แล้วว่าจะต้องนำคนไทยที่กำลังประสบปัญหาและมีความหวาดกลัวกลับประเทศ ตอนนั้นก็มีมากถึง 7,000 กว่าคน ในระยะเวลาอันสั้นต้องรีบตัดสินใจ เพราะสถานการณ์ตอนนั้นปั่นป่วน แต่ก็ทำได้เรียบร้อยดี ผู้ที่ถูกจับไป ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนก็หาช่องทางไปพูดคุยกับคนที่สามารถคุยกับกลุ่มฮามาสได้ เพื่อให้มีการปล่อยตัวประกันทั้งหมด


นายปานปรีย์ เปิดเผยว่าบางครั้งไม่ได้หลับได้นอน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในอิสราเอลด้วย จึงตัดสินใจเดินทางไปประเทศที่สามารถช่วยเหลือได้ ไม่ว่าจะเป็นกาตาร์ อียิปต์ อิหร่าน และอีก 2-3 ประเทศที่ประสานทางโทรศัพท์ เขาช่วยเหลือเต็มที่ จนตัวประกันก็สามารถออกมาได้ 23 คน ขณะนี้อีก 8 คนยังอยู่ในกาซา ทราบว่า 3 คน ยังมีชีวิต ส่วนอีก 5 คนไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด เพราะกระจัดกระจายอยู่ ไม่ได้อยู่ในที่เดียวกัน แต่ยังมีความหวังว่าทั้ง 8 คน ยังมีความปลอดภัย นอกจากนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาและจีน มีความพยายามพูดคุย เพื่อให้ผลักดัน แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องสถานการณ์ค้ามนุษย์ในเมียนมา รับทราบว่าคนไทยที่ไปทำงานที่นั่น อยากกลับประเทศ โดยได้ติดต่อผ่านทางสถานทูต แต่ตอนนี้การเดินทางภายในเมียนมายังมีความยากลำบาก ยังมีการสู้รบ ทำให้ต้องมีการประสานงานกันหลายฝ่ายในเรื่องการเดินทางผ่านชายแดนประเทศที่สาม ตอนนี้ก็ทยอยออกมา

ประการที่สาม “การวางจุดอยู่ในสถานการณ์ของโลก และการมีบทบาทที่แข็งขันในภูมิภาค”  เรามีท่าทีที่สมดุลและเป็นมิตร ไม่เลือกข้าง อยู่บนหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศและผลประโยชน์ของพี่น้องคนไทย การที่นายเจ็ค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐ และนายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน มาพูดคุยกันที่ไทย ถือเป็นเรื่องที่สะท้อนเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เราได้แสดงบทบาทที่ชัดเจนเพื่อให้ประเทศเมียนมากลับมาเปิดประเทศที่มีเอกภาพ เสถียรภาพและสันติภาพ เราได้มีแนวคิดริเริ่มโครงการมนุษยชน เป็นจุดเริ่มต้นผลักดันการนำฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียนไปปรับใช้ด้วย

ประการสุดท้าย “การทูตที่ประชาชนสัมผัสได้” เราลงพื้นที่ชายแดนหลายรอบ เพื่อรับฟังปัญหาต่างๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่องส่งเสริมแรงงานไทยไปต่างประเทศและดูแลหน่วยงานไทยในต่างประเทศ ปีนี้ตั้งเป้าส่งออกแรงงานให้ได้ 100,000 คน

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ในอีก 6 เดือนข้างหน้า จะนำผลการเยือนมาสู่การปฏิบัติ การดำเนินการตามความตกลงที่จะทำเสร็จสิ้นแล้ว การเร่งรัดติดตามการดำเนินการตามผลการหารือต่าง ๆ ตั้งเป้าเยือนประเทศอาเซียนและประเทศที่ยังไม่ได้ไปเยือนให้ครบภายใน 6 เดือน อาทิ เวียดนาม อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และแอฟริกาใต้

กระทรวงการต่างประเทศ จะต้องเดินหน้ารณรงค์การเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เร่งรัดและการขยายเจรจา FTA กับบประเทศอื่น เปิดตลาดใหม่ในแอฟริกาใต้ เอเชียใต้ และเอเชียกลาง ผลักดันการยกเว้นวีซ่าคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ ปฏิรูปวีซ่าทั้งระบบ โดยเฉพาะวีซ่าเชงเก้น ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ เนื่องจากไม่ได้มีแค่ประเทศเดียว ส่วนฟรีวีซ่ากำลังเร่งรัดให้กับผู้ที่อยากเข้าประเทศไทยเช่นกัน

“การทูตที่จับต้องได้ เกิดการดำเนินการทูตอย่างมีทิศทางและยุทธศาสตร์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้และเพิ่มศักดิ์ศรีให้กับคนไทย” นายปานปรีย์ กล่าว

นายปานปรีย์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถามถึงความพร้อมสำหรับการอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 152 ซึ่งนายปานปรีย์ กล่าวว่า การอภิปรายไม่ใช่ว่ารัฐบาลทำผิดถูกอย่างไร แต่เป็นข้อเสนอแนะจากสภา ซึ่งไม่สามารถทราบได้ว่าจะถามเรื่องอะไร แต่การต่างประเทศเราพร้อม

“การแถลงวันนี้ ไม่ใช่การเตรียมความพร้อมสำหรับการอภิปราย แต่เพื่อให้ประชาชนทราบว่าการต่างประเทศทำอะไรบ้าง โฟกัสเรื่องอะไร และจะทำอะไรต่อไป เพื่อให้รู้บทบาทกระทรวงการต่างประเทศ ประเทศไทยขึ้นมาอยู่บนจอเรดาร์ของโลกแล้ว จากการไปเยือนต่างประเทศ และจากการที่ประเทศต่างๆ มาเยือนเรา ทำให้เกิดการร่วมมือทางการต่างประเทศในหลายเรื่อง” นายปานปรีย์ กล่าว.- 317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย