ขอสภาฯ ตั้ง กมธ.ศึกษาขอบเขตอำนาจศาล รธน.-นิติบัญญัติ

รัฐสภา 6 มี.ค.-ก้าวไกล ยื่นญัตติด่วน ขอให้สภาฯ ตั้ง กมธ.ศึกษาขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและอำนาจนิติบัญญัติ หลังมองคำวินิจฉัยศาล รธน. กระทบการทำหน้าที่


นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อม สส.ของพรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเสนอญัตติด่วน ขอให้สภาฯ ตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและขอบเขตอำนาจนิติบัญญัติ สืบเนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 หรือคดีล้มล้างการปกครองของพรรคก้าวไกล ซึ่งมีคำวินิฉัยฉบับเต็มประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา

โดยพรรคก้าวไกล เห็นว่า มีประเด็นบางประการที่กระทบกับการทำหน้าที่ และการปฎิบัติงานของ สส. รวมถึงสมาชิกรัฐสภา อย่างมีนัยสำคัญ จึงจำเป็นจะต้องเสนอญัตติด่วน  ขอให้สภาฯ ตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและขอบเขตอำนาจนิติบัญญัติ กรณีตรวจสอบการกระทำของ สส. หรือสมาชิกรัฐสภา ในการดำเนินการทางนิติบัญญัติ ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 และคำวินิจฉัยอื่นๆ


เนื่องจากในการกล่าวหา ว่าการเสนอแก้ไขร่างกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของ สส.พรรคก้าวไกลนั้น เป็นการล้มล้างการปกครอง ซึ่งมีประเด็นหนึ่งที่ทางพรรคก้าวไกล ได้โต้แย้งข้อกล่าวหาไว้ว่า การเสนอแก้ไขร่างกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่ใช่การใช้สิทธิหรือเสรีภาพ ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ที่ปรากฏในคำร้อง แต่การเสนอร่างกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นฉบับใด เป็นอำนาจของ สส.ตามกระบวนการนิติบัญญัติ และการเสนอร่างกฎหมาย ไม่สามารถเป็นการล้มล้างการปกครองได้ เพราะรัฐกำหนดให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ มีอำนาจการตรวจสอบร่างพระราชบัญญัติ ทั้งก่อนและหลังการประกาศใช้อยู่แล้ว แต่ปรากฏว่า ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีการตีความขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญไว้ว่า แม้การเสนอร่างกฎหมายต่อสภาผู้แทนราษฎรเป็นวิธีการทางรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ให้ฝ่ายนิติบัญญัติ มีอำนาจโดยตรงในการเสนอกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญ มีอำนาจที่จะตรวจสอบและวินิจฉัยว่า การเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ จะส่งผลต่อความชัดเจนของขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะกระทบโดยตรงต่อการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็น สส. หรือสมาชิกรัฐสภา

นายชัยธวัช กล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎรควรจะพิจารณาโดยเร่งด่วนในการเสนอญัตติด่วน ขอให้สภาฯ ตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและขอบเขตอำนาจนิติบัญญัติ กรณีการตรวจสอบการกระทำของ สส. รวมถึงคำวินิจฉัยของศาลก่อนหน้านี้ ว่าด้วยการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้มีการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือกรณีที่เคยมีการวินิจฉัย ไม่ให้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในการแก้ไขที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ก็ตามที สิ่งเหล่านี้ ล้วนกระทบต่อสมดุลและดุลยภาพอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ และตุลาการ อย่างมีนัยสำคัญ


“พรรคก้าวไกล หวังว่าจะสามารถบรรจุเป็นญัตติด่วนได้โดยเร็วที่สุด เนื่องจาก มีผลโดยตรงทำให้ สส.และสมาชิกรัฐสภาไม่มีความชัดเจนแน่นอน ว่าอะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้ และอะไรที่สามารถถูกตีความ หรือถูกตรวจสอบโดยศาลรัฐธรรมนูญได้มากกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้เป็นการเฉพาะอยู่แล้ว และเรื่องนี้เป็นเพียงญัตติเพื่อเสนอให้มีการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้กระทบต่อคำวินิจฉัยที่เกิดขึ้นแล้ว และไม่ได้เกี่ยวกับการละเมิดศาลใดๆ ทั้งสิ้น”นายชัยธวัช กล่าว

ด้าน นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า จะรับญัตติดังกล่าวไปให้ฝ่ายกฎหมายของสภาฯ ตรวจสอบขอบเขตของอำนาจประธานสภาฯ และวิธีการดำเนินงานต่อไป โดยไม่ให้ขัดแย้งต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและข้อบังคับต่างๆ และจะดำเนินการตามที่พรรคต้องการ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทุกฝ่าย เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ

ส่วนผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ นี้ จะมีผลต่อฝ่ายต่างๆ อย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดจะมีความชัดเจนในฝ่ายนิติบัญญัติ ว่าตกลงเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญมีแค่ไหน และเราคาดหวังว่าผลการศึกษานี้ จะมีส่วนในนำไปพิจารณาการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในอนาคต ขณะนี้เรื่องนี้ยังเป็นปัญหาอยู่จนถึงทุกวันนี้  เช่น ร่างของพรรคเพื่อไทยที่เสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยไม่ได้แก้ทั้งฉบับ แต่ละรัฐสภาเห็นว่า การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเช่นนี้ จะขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้พรรคเพื่อไทยจะใช้อำนาจโดยชอบตามรัฐธรรมนูญก็ตาม ถ้าเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน ก็จะมีปัญหาต่อไปในอนาคต

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ผลการศึกษานี้ อาจนำไปสู่ข้อเสนอในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญบางมาตรา เพื่อให้มีความชัดเจนเกิดขึ้น เกี่ยวกับขอบเขตอำนาจของศาลธรรมนูญมากขึ้น ยกตัวอย่าง ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า การเสนอร่างกฎหมาย เป็นอำนาจของรัฐสภาฝ่ายนิติบัญญัติ หากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อยากตรวจสอบความชอบรัฐธรรมนูญ ก็ควรตรวจสอบความชอบรัฐธรรมนูญตามขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้เป็นการเฉพาะอยู่แล้ว คือหลังจากที่ร่างกฎหมายผ่าน ก่อนที่จะประกาศใช้ ซึ่งอาจนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ให้มีความชัดเจนว่า ให้ยกเว้นอะไรบ้าง มากกว่านั้นอาจนำไปสู่การแก้ไขมาตราที่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมด เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดการเสียสมดุลในการตรวจสอบถ่วงดุลกับสถาบันทางการเมืองต่างๆ

เมื่อถามถึงกรณีที่สำเนาคดีล้มล้างการปกครองของพรรคก้าวไกลจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถือว่าเร่งรีบพิจารณาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังสรุปไม่ได้ ทราบอยู่แล้ว ว่ามีคนไปร้อง ทางฝ่ายกฎหมายของพรรค ได้เตรียมตัวที่จะต่อสู้คดี ขณะนี้แค่รอว่าเมื่อไหร่ที่ กกต. จะเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งตามกระบวนการควรต้องมีกระบวนการไต่สวน เพื่อเปิดโอกาสให้เราต่อสู้ ชี้แจงข้อกล่าวหาให้เร็วที่สุด

เมื่อถามว่า กรรมาธิการวิสามัญฯ ที่เสนอตั้งนั้น ไม่ได้มีผลเป็นรูปธรรมต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ถูกต้องแล้ว เป็นไปไม่ได้ และเราไม่ประสงค์ให้กระทบต่อคำวินิจฉัยที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ปัญหาที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ รวมถึงปัญหาในอนาคต หากการศึกษาสามารถนำไปสู่ข้อเสนอแนะในการแก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญที่ดีขึ้นได้ในอนาคตก็จะเป็นเรื่องที่ดี

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ปัญหาการตีความขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องประหลาดมาก หากฝ่ายนิติบัญญัติไม่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายรัฐธรรมนูญเช่นนี้ได้

“เพราะเราเคยแก้ไขมาแล้ว ฝ่ายนิติบัญญัติรวมถึงสภาร่างรัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขที่มาของวุฒิสภาได้ แต่มาถึงยุคหนึ่งปรากฎว่า ศาลรัฐธรรมนูญขยายอำนาจในการตีความเรื่องดังกล่าว มาก้าวก่าย และล้ำแดนฝ่ายนิติบัญญัติ ก็จะเป็นปัญหาการเมืองได้ในอนาคต”นายชัยธวัช  กล่าว

เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ได้แจ้งให้พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลทราบบ้างแล้ว แต่ท่าทีจะเป็นอย่างไร ไม่ทราบ เพราะขึ้นอยู่กับเอกสิทธิ์ของพรรค เมื่อช่วงเช้าภายหลังประชุมผู้นำฝ่ายค้าน ตนก็ได้แจ้งให้ทราบว่า จะมีการยื่นญัตติเรื่องดังกล่าว ซึ่งได้ย้ำกับทุกพรรคว่า นี่ไม่ได้เป็นญัตติ ที่บอกว่าการใช้อำนาจ และการตีความของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ถูกหรือผิด แต่เป็นการเสนอให้มีการศึกษาเพื่ออนาคตเท่านั้น.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จภายในเที่ยงคืนนี้

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค. – รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จสิ้นภายในเที่ยงคืนนี้ ด้าน พฐ.ร่วมตรวจหาสาเหตุตกรางกับนายช่างรถไฟ สันนิษฐานเบื้องต้นนอตล็อกประแจสับรางหลุด ส่วนผู้บาดเจ็บ 10 ราย ออกจาก รพ.แล้ว ความคืบหน้าเหตุรถไฟขบวนด่วนพิเศษ สุไหงโก-ลก ปาดังเบซาร์ ปลายทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ประสบอุบัติเหตุตกราง ก่อนถึงสถานีรถไฟกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 100 เมตร เหตุเกิดเมื่อช่วงตี 5 วันนี้ โดยตู้โดยสารที่เกิดเหตุคือ 3 ตู้สุดท้าย 10-12 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 10 คน นำส่งโรงพยาบาลกุยบุรี ผู้โดยสารตู้ที่ตกราง เจ้าหน้าที่จัดรถบัสนำส่งต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ส่วนตู้โดยสารที่ไม่ตกราง เดินทางต่อจนถึงสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ ล่าสุดตำรวจ สภ.กุยบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจหาสาเหตุรถไฟตกราง ร่วมกับนายช่างวิศวกรของการรถไฟฯ อีกครั้ง จากการตรวจสอบสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากนอตยึดอุปกรณ์ประแจตัวสับรางหลุด ขณะที่ขบวนรถไฟวิ่งผ่านไปแล้ว 9 ตู้ เหลือ 3 ตู้สุดท้าย ทำให้ไม่สามารถบังคับให้วิ่งตามไปด้วยกันได้ จึงถูกกระชากหลุดด้วยแรงเฉื่อยของความเร็วรถไฟแล้วตกจากราง หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ […]

“บุ๋ม” รับผ้ายันต์-เหรียญครุฑ หลวงพ่อวราห์ แจกทหารชายแดน

9 ส.ค. – “บุ๋ม ปนัดดา” เริ่มภารกิจโฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. วันแรก เข้ารับผ้ายันต์-เหรียญครุฑ จากหลวงพ่อวราห์ นำไปมอบให้ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างขวัญกำลังใจแนวหน้า บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี โฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. ที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือบิ๊กเล็ก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้ง เข้าพบหลวงพ่อวราห์ พระเทพวชิระวิทยานุสิฐ วราห์ ปุญฺญวโร ตำนานผู้สร้างพญาครุฑ เพื่อรับผ้ายันต์และเหรียญครุฑ ไปแจกให้ทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจทหารแนวหน้า บุ๋ม ปนัดดา กล่าวว่า ได้รับการประสานจากหลวงพ่อวราห์ ให้เข้ามารับผ้ายันต์และเหรียญครุฑ นำไปมอบให้กับทหารชายแดน เพราะทหารต้องการขวัญและกำลังใจ ดังนั้น อะไรที่ทำให้ทหารอุ่นใจและมีกำลังใจก็จะทำให้ สำหรับผ้ายันต์หลวงพ่อวราห์ แห่งวัดโพธิ์ทอง บางมด กรุงเทพฯ ผ้ายันต์รุ่นบูชาครู จำนวน 2,000 ผืน และเหรียญครุฑ รุ่นเฉพาะกิจ จำนวน 2,000 เหรียญ ที่บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี […]

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]