เตรียมการเลือก สว. คาดผู้สมัครแสนคน ย้ำเป็นเวทีปชช.

สำนักงานกกต. 3 มี.ค.-ประธาน กกต.ติวเข้มสื่อฯ เตรียมการเลือก สว.คาดมีผู้สมัครแสนคน ย้ำผู้สมัครศึกษาระเบียบ-คุณสมบัติก่อนลงสนาม  เตือนพรรคการเมืองอย่าจุ้น เพราะเป็นเวทีปชช. ล็อค สว.-พรรคการเมือง รวมกลุ่มส่งคนชิงสว.ไม่ได้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมให้ความรู้แก่สื่อมวลชนในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. พร้อมทั้งพบปะพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางและการบูรณาการความร่วมมือในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการเลือก สว. โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า การเลือกสว.ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2560 เคยเลือกสว.มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปลายปี 2561 แต่ตอนนั้นเป็นการเลือกตามแบบบทเฉพาะกาล ซึ่งเป็นการเลือกกันเองรอบเดียว และเป็นการเลือกเฉพาะ 10 กลุ่มอาชีพ ซึ่งยุบรวมมาจาก 20 กลุ่มอาชีพ แต่ครั้งนี้จะเป็นการเลือกสว. เต็มรูปแบบที่พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. กำหนดไว้ ซึ่งเป็นการเลือกกันเอง โดยผู้สมัครด้วยตนเอง จำนวน  3 ระดับ คือ ระดับอำเภอ ระดับจังหวัดและระดับประเทศ

จึงขอเชิญชวนผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนให้มาสมัครเป็นสว. เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมโดยตรงในกระบวนการและสว. ครั้งนี้ โดยวาระของสว.ชุดปัจจุบัน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 และเมื่อไหร่ก็ตามที่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสว. อีก 15 วันหลังจากนั้น จะมีการรับสมัครสว.เป็นเวลา 5 วัน ต่อด้วยอีก 5 วันจะเป็นการประกาศรายชื่อผู้สมัคร และหลังจากปิดการรับสมัครไม่เกิน 20 วัน จะต้องจัดให้มีการเลือกระดับอำเภอ จากนั้นอีก 7 วัน จัดให้มีการเลือกระดับจังหวัด ต่อจากนั้นอีก 10 วันถึงจะเลือกให้เลือกระดับประเทศ  จึงคาดว่าจะรู้ผลภายในเดือนกรกฎาคม  เมื่อรู้ผลแล้วกฎหมายบอกว่าให้ กกต.รอไว้ก่อน 5 วัน เผื่อมีประเด็นอะไรต่างๆ ที่จะต้องทบทวน แล้วจึงประกาศผล


“ฝากผู้สมัครว่า กรุณาศึกษาและตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครให้ดีๆ และสำรวจตัวเองว่ามีความรู้ความเชี่ยวชาญประสบการณ์อาชีพ และความกลุ่มอาชีพใด เพราะมีกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการสมัครให้ถูกกลุ่ม และศึกษารูปแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการและบทกำหนดโทษ ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. ซึ่งมีการออพระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2567 แก้ไขรองรับออกมาแล้ว และหากมีข้อสงสัยต้องการข้อมูล สามารถสอบถามได้ จากสำนักงานกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดต่างๆ สายด่วนกกต. 1444 หรือ Application Smartvote” นายอิทธิพร กล่าว

นายอิทธิพร กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นป้องกันและปราบปรามการทุจริตนั้น กฎหมายระบุว่า กกต. จะต้องแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการเลือกว่าปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องหรือไม่   มีการกระทำใดที่มีการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.หรือไม่  แล มีการกระทำใดที่ทำให้การเลือกสว.ไม่ทุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่  โดยจะได้รับการสนับสนุน ชุดปฏิบัติการข่าว และชุดเคลื่อนที่เร็ว หากพบการกระทำความผิดสามารถแจ้งไปที่กกต.จังหวัดต่างๆ หรือแอพพลิเคชั่นตาสับปะรดได้ ส่วนบุคคลใดที่สามารถแจ้งเบาะแสอันนำไปสู่การกระทำที่ไม่ทุจริต และเที่ยงธรรม มีสิทธิ์ได้รับเงินรางวัลตามระเบียบของกกต.ว่าด้วยการให้เงินรางวัลแก่ผู้ชี้เบาะแส โดยรางวัลจะเป็นไปตามลำดับขั้นว่าเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดีอย่างไร มีจำนวนสูงสุดคือ 1 ล้านบาท

“การเลือกสว.ครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้สมัครประมาณ 1 แสนคน เมื่อทำการเลือกในระดับอำเภอ อำเภอหนึ่งแต่ละกลุ่มจะมีผู้ได้รับเลือกคะแนนสูงสุด 3 คน 1 อำเภอ 20 กลุ่ม เป็น 60 คน โดยอำเภอทั่วประเทศ คือ 928 อำเภอ เมื่อรวมแล้วจะมี 55,680 คน โดยทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการเลือกระดับจังหวัด เพื่อเลือกผู้ได้รับคะแนนสูงสุด 2 คนลำดับแรกของแต่ละกลุ่ม เป็นผู้ที่ได้รับเลือกไปสู่การเลือกระดับประเทศ รวม 3,080 คน จากนั้นการเลือกระดับประเทศจะเหลือ 200 คน จำนวน 20 กลุ่มๆละ 10 คน”นายอิทธิพร กล่าว


ประธาน กกต. กล่าวถึ งการประมาณตัวเลขผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นส.ว. 1แสนคนว่า เป็นตัวเลขประมาณการในเบื้องต้นของกกต.ว่าในการเลือกสว.ในครั้งนี้จะมีผู้สมัครไม่น้อยกว่านี้  แต่หากมีตัวเลขมากกว่านี้ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะประชาชนที่สนใจสามารถสมัครได้และถึงเวลาก็ไปเลือกกันเองกับกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ยิ่งหากมีจำนวนมาก ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งขณะนี้ได้แจ้งไปยังกกต.จังหวัดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าหากประชาชนสนใจจะลงสมัคร สามารถสอบถามขั้นตอนและข้อมูลได้ที่กกต.จังหวัด ถือเป็นความพยายามประชาสัมพันธ์และให้ข้อมูลที่ถูกต้องให้กับประชาชนที่สนใจ

ส่วนกรณีที่สถาบันการสร้างชาติให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการเลือกสว.นั้น ประธานกกต. กล่าวว่า ไม่ได้มีกฎหมายห้าม ดังนั้นหากเป็นการจัดการอบรม เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจ น่าจะเป็นส่วนที่ดี เพราะจะช่วยส่งเสริมเผยแพร่ความสำคัญของการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นสว.

เมื่อถามว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเข้าข่ายเป็นการสร้างเครือข่ายเพื่อบล็อกโหวต หรือล็อบบี้กันหรือไม่ ประธาน กกต. กล่าวว่าตอนนี้ยังคงพูดแบบนั้นไม่ได้ เพราะเป็นการประกาศมาว่าจะมีการอบรม ซึ่งตนไม่แน่ใจว่ามีการอบรมไปแล้วหรือไม่ และมีการประกาศจัดในที่สาธารณะ จึงคิดว่าน่ามองตามข้อเท็จจริงไปก่อน

สำหรับกรณีที่เริ่มมีการเปิดตัวจากผู้มีชื่อเสียงว่าจะลงสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น สว.และรณรงค์ประชาสัมพันธ์ตัวเองแล้ว สามารถทำได้หรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า ก็ทำได้ เพราะเป็นเรื่องปกติที่แสดงความสนใจ ก็บอกได้ ไม่มีใครห้าม โดยกระบวนการรับสมัครจะมีขึ้น 15วัน หลังจากมีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกสว. ดังนั้นช่วงนี้ถือเป็นการเตรียมความพร้อมของทุกฝ่าย รวมถึงประชาชนที่สนใจลงสมัครด้วย เพราะวาระของสว.ชุดนี้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 10 พ.ค.  ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่นาน และกระบวนการเลือกสว.ก็จะมีขึ้นหลังจากนั้นไม่เกิน 60 วัน ฉะนั้นการให้ความรู้ การสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชน ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดี

ประธานกกต. กล่าวว่า ในช่วงนี้ยังไม่มีข้อระวังอะไร เพราะยังไม่เกิดอะไรที่พึงระวัง และต้องค่อย ๆ ดูข้อเท็จจริง เพราะกกต.มีหน้าที่ตามกฎหมาย ทำให้การคัดเลือกสว.เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม ดังนั้นการที่จะคิดอะไรไปก่อน โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริง เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

เมื่อถามว่ามีความพยายามที่จะทำให้ผู้สมัครเป็นที่เข้าใจว่ามีพรรคการเมืองหนุนหลัง ถือเป็นความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า มาตรา 77ได้กำหนดโทษเอาไว้แล้ว ส่วนจะนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ ยังไม่แน่ใจ ทั้งนี้เห็นชัดแล้วว่าเป็นการเลือกตั้งโดยประชาชน ซึ่งเหตุที่จัดให้มีการเลือกโดยประชาชน เพราะเคยมีการจัดให้มีการเลือกตั้งแล้วมีการอิงกับพรรคการเมือง และมีการใช้หัวคะแนน ดังนั้นอะไรก็ตาม ที่ไม่เป็นการดำเนินการสมัครหรือดำเนินการสมัครด้วยตัวเอง ก็ถือว่าเสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมาย

ส่วนผู้ที่เป็นสมาชิกพรรคและกรรมการบริหารพรรคการเมืองจะสามารถลงสมัครได้จะต้องเว้นวรรค 5 ปีหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่าต้องเว้นวรรค 5 ปี แต่ อดีตสว.ที่จะรวมตัวกันจะส่งผู้สมัคร ไม่สามารถทำได้

“เฉพาะสว.เองก็ลงสมัครไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งการรวมตัวจะยิ่งถือว่าไม่เป็นอิสระ และพ.ร.ป.การได้มาซึ่งสว.ที่จัดให้มีการเลือกในระบบนี้เป็นครั้งแรก ก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแทรกแซงจากพรรคการเมือง ฉะนั้นอะไรก็ตามที่เข้ามาแทรกแซง ก็เสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมาย” นายอิทธิพร กล่าว

เมื่อถามว่าคณะก้าวหน้าที่ดำเนินการในเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นสามารถมีผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นสว.หรือไม่ ประธานกกต. ย้ำว่า ไม่สามารถยึดโยงกันได้ เพราะเป็นการให้ประชาชนผู้สนใจมาสมัคร จึงขอให้ยึดมั่นในคำนี้ ขณะที่การตรวจสอบของกกต.นั้น ไม่จำเป็นต้องมีผู้มายื่นคำร้อง หากมีข้อเท็จจริงว่ากระทำการที่เข้าข่ายหรืออาจจะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย กกต.สามารถตั้งเรื่องตรวจสอบเองได้

เมื่อถามย้ำว่า การเลือกสว.ที่ผ่านมา กกต.ตั้งเป้าผู้สมัคร 1แสนคน แต่มาจริงแค่ 7,000 คน ดังนั้นกกต.จะมีนโยบายดำเนินการอย่างไรให้เป็นไปตามเป้านั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า ตอนนั้นตนพูดเองว่าจะมีผู้สมัคร 1 แสนคน โดยคำนวณจากพื้นฐานวิธีการสมัครและผลที่จะได้จากแต่ละอำเภอกลุ่มละ 3 คน แต่ข้อเท็จจริงที่ออกมาพบว่าผู้สมัครไม่เยอะ ไม่เป็นที่น่าสนใจ ไม่น่าตื่นเต้น

“ขณะนี้ที่ตั้งเป้าตัวเลข 1แสนคน เพราะเป็นการเลือกเต็มรูปแบบ ไม่ใช่บทเฉพาะกาล โดยผู้ที่ได้รับเลือกก็จะได้รับเลือกเลย  แตกต่างจากปี 2561 ที่เลือกเพียงรอบเดียว เมื่อได้ 200รายชื่อในระดับจังหวัดต้องส่งให้คสช.เลือกอีก 50 คน ดังนั้นปัจจัยการเลือกตั้งทื่แล้วกับครั้งนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง  จึงหวังว่าตัวเลขที่ 1แสนคน ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ทั้งนี้ย่ำว่าการเลือกสว.ครั้งนี้ ยังมีข้อห้ามหาเสียงเช่นเดิม” นายอิทธิพร กล่าว

ส่วนที่อดีตรองเลขาฯ กกต. ยืนยันว่าการเลือกตั้งสว.ปี 2561 เป็นการเลือกที่เงียบที่สุดในโลก ครั้งนี้จะเป็นเช่นเดิมหรือไม่นั้น นายอิทธิพร กล่าวว่าครั้งที่แล้วไม่ได้เงียบที่สุดในโลก ถ้าเราจะพูดว่าเงียบที่สุดในโลก เราก็ต้องทราบว่าในโลกนี้มีการเลือกสว.ที่เงียบกว่าเราหรือไม่ แต่จริง ๆ แล้วกกต.ก็พยายามไปประโคมข่าวและประชาสัมพันธ์ให้มากที่สุด แต่ความสนใจของประชาชน ณ ขณะนั้นมีไม่เยอะเท่าที่เราคาดการณ์ไว้.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]