นายกฯ ลั่นปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง ต้องดีขึ้น

กาฬสินธุ์ 2 มี.ค. – นายกฯ ลั่นหมดเวลาแห่งการรอคอย ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งต้องดีขึ้นกว่านี้ ประกาศขจัดยาเสพติดให้หมดไปภายใน 4 ปี ไม่หยุดอัปเกรดบัตร ปชช.ใบเดียวรักษาทุกที่ หลังพบคนอีสานอายุเฉลี่ยน้อยกว่าภาคอื่น สะท้อนสาธารณสุขไม่ดีพอ ยันได้เงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ตแน่นอน


เมื่อเวลา 15.50 น. วันที่ 2 มี.ค. ที่พื้นที่ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยส้มป่อย ตำบลนาขาม อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง รับฟังการบริหารจัดการน้ำเพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำและใช้สำหรับการอุปโภค โดยนายกฯ สวมเสื้อภูไทผ้าฝ้ายสีกรมท่า เดินทักทายประชาชน และกล่าวกับประชาชนว่า หมดเวลาแห่งการรอคอยแล้ว ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งต้องดีขึ้นกว่านี้ เพื่อให้เกษตรกรทุกคนมีโอกาสปลูกพืชให้ได้ผลผลิตมากขึ้น มีเงินในกระเป๋ามากขึ้น ไม่ใช่รอเพียงน้ำฝนจากฟ้ามากำหนดชะตา เหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น

ขณะเดียวกันมีชาวบ้านมาชูป้ายร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม ข้อพิพาทแนวเขตระหว่างตำบลแจนแลนและตำบลบัวขาว โดยนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้รับเรื่องไว้


ต่อมาเวลา 17.00 น. นายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่แหลมพยอม บึงโพนทอง ตำบลแวง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด ดูบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ซึ่งทางจังหวัดได้ขอสนับสนุนงบประมานในการขุดลอกลำห้วย เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง

จากนั้นนายกฯกล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับ โดยสอบถามชาวบ้านเป็นภาษาอีสาน ว่า สบายดีบ่พี่น้องชาวจังหวัดร้อยเอ็ด วันนี้ตนดีใจที่ได้มาพบปะกับพี่น้องเป็นครั้งที่ 3 ในชีวิต ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จังหวัดร้อยเอ็ดหรือสาเกตนคร เป็นเมืองที่มีศักยภาพสูง เป็นเมืองที่ต้องพึ่งเกษตรกรรมค่อนข้างเยอะ เป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิชั้นดีที่สุดในโลกได้รับเครื่องหมายจีไอเป็นที่ต้องการของตลาด รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุนเรื่องของสายพันธุ์ข้าวให้ดี รวมถึงการเปิดตลาดใหม่ๆ เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรได้ขายข้าวในราคาที่แพงขึ้นได้ และไม่ว่าจะเป็นเรื่องปุ๋ยหรือยาฆ่าแมลงที่ราคาถูกลง เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้การสนับสนุน

นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ วันนี้ตนได้มาดูเรื่องปัญหาคลองส่งน้ำต่างๆที่มีความตื้นเขิน ก็มีการทำบ่อบำบัดเพื่อให้เป็นแหล่งน้ำที่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ เครือข่ายชลประทานทั้งหมดถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่เป็นเหมือนเส้นเลือดของพ่อแม่พี่น้องทุกคน รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้ดี วันนี้เราก็มากันพร้อมทั้ง สส. รวมถึงปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รมช.คมนาคม ซึ่งหากเราบริหารเรื่องชลประทานได้ เรื่องของการไม่ท่วมไม่แล้งก็จะดีมากสำหรับพี่น้องชาวร้อยเอ็ดทุกคน


“รัฐบาลขอเรียนตรงๆ ว่าไม่มีอะไรสำคัญกว่าเรื่องการไม่ท่วมไม่แล้ง ท่านจะมีน้ำใช้ตลอดหน้าฝน และน้ำจะไม่ท่วม ท่านก็จะสามารถปลูกพืชผลได้เป็น ส่วนหนึ่งของการเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้อง 3 เท่าตัวในระยะเวลา 4 ปี ที่เราเป็นรัฐบาล” นายกฯ ระบุ

นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องการคมนาคมก็เป็นตัวสำคัญเมื่อ 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา รมว.คมนาคม และ รมช.คมนาคม ได้เดินทางมาดูเรื่องเครือข่ายถนนเชื่อมโยงทั้งทางอากาศ และทางบก เพื่อให้พี่น้องสามารถไปมาหาสู่ได้อย่างดีเพราะการขนส่งสินค้าต่างๆ ไปขายทั่วประเทศได้ด้วยความสะดวกสบายในราคาที่ถูกลง ก็เป็นเรื่องที่สำคัญซึ่งเราอยากให้มีการทำอย่างต่อเนื่อง

นายกฯ กล่าวถึงระบบสาธารณสุขด้วยว่า เมื่อเดือนที่แล้วที่จังหวัดร้อยเอ็ด เรื่องของการใช้ 30 บาทใบเดียวไปได้ทุกที่ก็เป็นจังหวัดนำร่อง 1 ใน 4 จังหวัด และจะขยายไปทั่วประเทศ การยกระดับ 30 บาทระบบสาธารณสุขทั้งประเทศจึงเป็นนโยบายสำคัญที่สุดของเรา เพราะชาวอีสานมีอายุเฉลี่ยน้อยกว่าประชากรทั่วประเทศ แสดงว่าการสาธารณสุขยังดีไม่พอ เราจึงมีการพัฒนายกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรครักษาได้ทุกที่ต่อไปอีก

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องใส่ใจให้เยอะ เพราะเราต้องเสียเวลาไปเข้าคิวคอยโดยใช้เวลานานมาก ไปถึงแล้วบางทีเราก็เดินได้ไปบอกว่าประวัติเราเป็นอะไรบ้าง แต่การยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค เมื่อเดินทางไปรักษาเราก็ต้องอธิบายให้หมอฟังว่าเราเป็นอะไรบ้าง แต่การยกระดับโครงการนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องรู้จักหมอ แต่หมอจะรู้จักกับพี่น้องทุกคนที่เดินทางไปหาเขา เขาจะรู้ประวัติการไม่สบายของท่าน ทำให้การรักษาท่านถึงจุดได้ดีกว่าที่เคยเป็น“ นายกฯ กล่าว

ส่วนเรื่องหนี้นอกระบบ นายกฯ กล่าวว่า เป็นงานหลักของเราที่พยายามจะการจัดหนี้นอกระบบให้หมดสิ้นไป แต่ตัวเลขที่ออกมาก็ยังไม่ดีพอ พวกท่านที่ยังไม่เข้ามาลงทะเบียน เพราะกลัวอิทธิพลของเจ้าหนี้ใช่หรือไม่ ส่วนนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่จะดูแลพวกท่าน เพราะเขาเอาเปรียบดอกเบี้ยแพงเกินควร นอกจากนี้ ตนยืนยันว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดให้หมดภายใน 4 ปีนี้

“เราจะคืนลูกหลานของท่านสู่ครอบครัว รัฐบาลจะดูแลทุกท่านในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นราคาพืชผลทางการเกษตร ยาเสพติด การสาธารณสุข ทำเรื่องน้ำท่วมน้ำแล้ง เราให้ความสำคัญทั้งหมด และพบกันอีก” นายกฯ กล่าว

จากนั้นนายกฯ เดินทักทายประชาชน ถ่ายรูปและให้ประชาชนสวมกอดอย่างเป็นกันเอง​ ซึ่งระหว่างเดินมีประชาชนสอบถามถึงเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต​ 10,000 ​บาท​ ว่า​ยังได้ใช้หรือไม่​ ซึ่งนายกฯ ตอบหลับทันทีว่า​ “ได้ครับ​ ได้แน่นอนครับ​” จากนั้นมีนักเรียนจากวิทยาลัยการอาชีพโพนทอง​ จังหวัดร้อยเอ็ด​ มอบภาพวาดนายกรัฐมนตรี​ มีข้อความระบุว่า​ เรารักนายก​ฯ และภาพวาดพระพุทธรูป​ รวมไปถึง​มอบขนมที่ทำจากฝีมือนักเรียนของวิทยาลัยด้วย​

ทั้งนี้ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ.-313-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย